'หมออ๋อง' ยินดีให้ตรวจสอบงบ 1.3 ล้าน บินดูงานสิงคโปร์ - 'วันนอร์' แจงอนุมัติงบฯให้เอง เพราะเห็นประโยชน์

เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์รายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ กรณีสังคมตั้งคำถาม การเบิกงบ จำนวน 1.3 ล้าน ไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ กับ สส.ก้าวไกล และ เพื่อไทย วันที่ 21-25 กันยายนนี้

นายปดิพัทธ์ บอกว่า ยินดีให้ตรวจสอบ ตามนโยบายสภาโปร่งใส การไปดูงานที่สิงคโปร์ เป็นการต่อยอดคณะกรรมการที่ตนตั้งขึ้นมา คือ “คณะกรรมการขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใสและสมรรถนะสูง” ที่ได้หาข้อมูลว่า สภาประเทศไหนในเอเชีย เป็นสภาที่มีสมรรถนะสูงบ้าง จึงได้มา 2 ประเทศ คือ ไต้หวัน และสิงคโปร์ แต่ไต้หวันนั้น ไปไม่ได้เพราะติดนโยบายต่างประเทศ เรื่อง “วัน ไชน่า”

ส่วนที่ไป สิงคโปร์นั้น จะไปดูเรื่องระบบสภาที่ทันสมัย ที่มีจำนวนน้อยกว่าเรา และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ประเด็นเหล่านี้ได้ และไปดูการจัดการปัญหาหมอกควัน เพราะ 10 ปีที่ผ่านมา สิงคโปร์ค่า PM 2.5 หนักกว่าไทยมาก แต่สามารถให้เวลาเพียง 10 ปี สามารถลดปัญหานี้ได้ จะได้นำมาเสนอ ครม. และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ส่วนรู้สึกอย่างไร มีการเผยแพร่เรื่องนี้ออกมานั้น ที่ผ่านมา ตนบอกว่าจะไม่ยกเลิกการดูงาน แต่จะดูงานเท่าที่จำเป็น และมีประสิทธิภาพ ซึ่งกระบวนการของราชการ มีขั้นตอนต่างๆ โดยตนไม่ทราบเรื่องนี้มาว่ามีข้อกำหนดว่า บุคคลในระดับต่างๆ ต้องได้รับการดูแลให้เดินทางอย่างปลอดภัย และสมฐานะของประเทศอย่างไรบ้าง จนได้เรียกเจ้าหน้าที่มาสอบถาม และให้ไปหาทำการบ้านมาว่า สามารถเดินทางสายการบินอื่นๆ ที่ต้นทุนต่ำ ได้หรือไม่

เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่า ไม่สามารถเดินทางสายการบินอื่นได้ เพราะ ติดระเบียบของกระทรวงการคลัง ที่ล็อกไว้ว่า นายกรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ รัฐมนตรี ประธานสภา จะต้องได้รับการดูแล เดินทางด้วยสายการบินประจำชาติ จึงไม่สามารถเดินทางตามใจชอบได้

ส่วนการเบิกงบนั้น เป็นการเบิกงบแบบตั้งเรื่องไว้ก่อน คือ เต็มที่ตามสิทธิที่ระบุไว้ในระเบียบของกระทรวงการคลัง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่า เมื่อไปเบิกจะใช้เท่าไหร่กันแน่ ตนจึงให้นโยบายไปว่า เอาให้ถูกที่สุด เช่น นอนโรงแรม ไม่ต้องเอาสูงสุด 12,000 บาท เอาแค่ 7-8 พันบาทก็พอ

ตนยังได้เสนอว่าจะให้ ส.ส.ไปเลือกมาเองว่าจะไปไฟล์ตบินไหนแบบชั้นประหยัด แล้วมาเบิก แต่ทางสภา เขามีการจัดการดีลไว้กับเอเยนซี่แล้ว ซึ่งเขาบอกให้เราเลือกที่นั่งที่ดีที่สุด จึงกลายเป็นชั้นธุรกิจ

นายปดิพัทธ์ อธิบายว่า ทำไมเป็น สส.ก้าวไกล จำนวนมาก เป็นคณะทำงานที่ตนตั้งขึ้นมาเอง ไม่ใช่ กมธ. ช่วงที่ตั้งนั้น ได้ประกาศในสภา เลยว่าพรรคไหนสนใจมาร่วมกัน ให้ส่งรายชื่อเข้ามา ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีใครส่งมา คาดว่าจะอาจจะรอการตั้ง กมธ.วิสามัญอยู่ และเราพยายามเชิญ สส.ฝั่งรัฐบาลไปด้วย / การไปครั้งนี้ก็จะพบกับ แรงงาน และ นักศึกษาไทยในสิงคโปร์ด้วย มส

ถ้าเรากลับมาจากสิงคโปร์ เราจะมีการสรุปให้เรียบร้อยว่าเราใช้งบประมาณอะไรบ้าง ท่านใด ที่ต้องการตรวจสอบ ก็ยินดีเปิดเผย ผมสบายใจหากใครจะมาตรวจสอบ สส.ก้าวไกลยินดี

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่โดนจับผิด นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า เ ป็นความตั้งใจที่ทำสภาโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบ คำวิพากษ์วิจารณ์ต้องไปไกลกว่า วิพากษ์วิจารณ์ผมล่ะ เราต้องไปดูว่า ระเบียบกระทรวงการคลังนั้น โบราณไปหรือไม่ ถ้ารัฐบาลนี้มีนโยบายรัดเข็มขัด การดูงานของฝ่ายนิติบัญญัติ องค์กรอิสระ ข้าราชการ ต้องโดนรัดเข็มขัด และปรับระเบียบกระทรวงไปด้วยกัน

-----------
เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอนุมัติงบฯให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 ไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า ได้ตรวจสอบและอนุมัติไปเรียบร้อยแล้ว โดยพิจารณาตามขั้นตอน ข้อบังคับและดูตามความเหมาะสม

เมื่อเห็นว่าสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ตามอำนาจหน้าที่ได้ จึงอนุมัติ ไม่ใช่การไปท่องเที่ยวและสิงคโปร์ก็อยู่ไม่ไกล ไปแค่ 2 วันอีกทั้งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการการทำงาน เมื่อทำเรื่องขออนุมัติมาถูกต้อง ตนจึงอนุมัติ

ส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องพักโรงแรมหรูและนั่งชั้น business class นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ตามกฎหมายของแต่ละคนที่จะเบิกได้ตามอำนาจหน้าที่ ตามที่สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ แต่หากมีการนำไปใช้ผิดกติกา คนที่ใช้ก็ต้องนำเงินมาคืนไม่มีปัญหาอะไร หรือใช้เหลือก็ต้องนำมาคืน เพราะเป็นการเบิกจ่ายจริง

ส่วนจะมีคำสั่ง อะไรเกี่ยวกับการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศหรือไม่เพราะตอนนี้สังคมกำลังจับจ้อง วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องดูงบประมาณและความเหมาะสม ซึ่งตนอาจจะต้องมีการเลือกประชุมทุกฝ่ายที่มีงบไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ให้ใช้ด้วยความระมัดระวังและคุ้มค่าต่องบประมาณที่เสียไป

-----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/0eksftHa80I