เลือกตั้งและการเมือง
'เศรษฐา' ลุยเชียงใหม่ ติดตามเปิดสนามบิน 24 ชม. - ปรับปรุงเฟส 1 - รับฟังปัญหา ปชช.ใกล้สนามบิน
โดย nattachat_c
18 ก.ย. 2566
72 views
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมครม.นัดที่ 2 ซึ่งเลื่อนจากปกติ ที่จะประชุมกันทุกวันอังคาร เนื่องจากมีภารกิจเดินทาง ไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ณ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18 - 24 กันยายน
นายกฯเศรษฐา บอกว่า การประชุมครั้งนี้ จะมีการนัดหารือกับผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งหลายประเทศได้ตอบรับคำเชิญการหารือแล้ว และบางประเทศยังอยู่ระหว่างการรอคำยืนยัน ซึ่งรวมไปถึง นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ในการพิจารณาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำของกองทัพเรือด้วย
โดย คุณชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าในการประชุมสมัชชาสหประชาติครั้งที่ 78 ท่านนายกฯ เตรียมโชว์วิสัยทัศน์ นำเสนอบทบาทของไทยด้านความร่วมมือ เพื่อต่อสู้กับความท้าทายระหว่างประเทศ ในเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ยังมีกำหนดพบหารือกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ของต่างประเทศ โดยเฉพาะ ผู้บริหารสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกาและอาเซียน และภาคเอกชนของสหรัฐฯ เพื่อยืนยันแนวทางด้านนโยบายของไทย ที่สนับสนุนการค้าการลงทุนกับต่างประเทศด้วย
-------------
วานนี้ (17 ก.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตำบลสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เป็นภารกิจแรกในการเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ และตรวจราชการวันสุดท้าย
โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมถึง ประชาชน และคนเสื้อแดงในพื้นที่ มารอต้อนรับ
ทันทีที่นายกรัฐมนตรี ดินทางมาถึง ได้กราบสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ก่อนที่จะกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดศรีโสดา พระอารามหลวง ซึ่งเจ้าอาวาสได้ขอให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการจ่ายเยียวยาค่าตอบแทนครู โรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือ จศป. ที่เกิดความล่าช้า โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอให้นายจุลพันธ์ ไปดู เนื่องจากใกล้สินปีงบประมาณแล้ว และหากถูกกฎหมาย ก็จะรีบดำเนินการให้ ตนรับเรื่อง
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือ จศป. ได้มอบวัตถุมงคลเป็นพระเจ้าเก้าตื้อจำลอง ขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว พระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอก หรือวัดบุบผาราม เป็นของที่ระลึกให้นายกฯ พร้อมอวยพ รและให้กำลังใจกับนายกฯให้บริหารบ้านเมืองประสบความสำเร็จ
จากนั้น ได้ยื่นหนังสือให้นายกฯ เพื่อขอให้ได้อนุมัติเงินเยียวยาเร่งด่วน ให้กับ จศป. ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องที่เจ้าอาวาสเล่าให้นายกรัฐมนตรีฟัง
โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงข้อเรียกร้องดังกล่าว ขณะที่ทางตัวแทนโรงเรียน ระบุว่ากระทรวงการคลังได้อนุมัติไว้แล้ว ในวงเงินงบประมาน 500 ล้านบาท แต่ตอนหลังติดอุปสรรค
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า เทศบาลตำบลสุเทพได้มอบ รูปหล่อจำลองครูบาศรีวิชัยให้นายกฯ โดยระบุว่า ราคาไม่ถึง 3,000 บาท
อย่างไรก็ตาม มีประชาชน อสม. กลุ่มชาติพันธุ์ม้งดอยปุย มารอต้อนรับนายกรัฐมนตรีเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมา ส่วนบรรยากาศการรักษาความปลอดภัย มีการตรึงกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เต็มพื้นที่
ขณะที่ ประชาชนบางส่วนที่มาให้กำลังใจนายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ตนตื่นตีสามเพื่อมาให้ดอกไม้กับนายเศรษฐา พร้อมย้ำว่าอยากฝากไปถึงนายเศรษฐา ขอให้ทำนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชนสำเร็จ
ขณะที่ เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรี จะไปพบปะประชาชน ที่คาดว่าได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเที่ยวบิน ที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ก่อนพบปะผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อพูดคุยถึงประเด็นการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น
และเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพื่อเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด และพิธีทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส. ที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงบ่าย
-------------
วานนี้ (วันที่ 17 ก.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรี ร่วมกับ นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อรับฟังปัญหาจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นลงของอากาศยาน ตามที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ระยะที่ 1 บนพื้นที่เดิม ซึ่งจะทำให้มีการขยายเวลาให้บริการ และเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืน มีประชาชนเข้าร่วมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก
โดยตัวแทนจากชุมชนนิมมานนรดีที่ได้รับผลกระทบ บอกว่า หลายปีที่ผ่านมาประชาชนที่อาศัยอยู่แนวขึ้นลงของอากาศยาน ได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางเสียง แรงสั่นสะเทือน และกระแสลม ที่ทำให้กระเบื้องหลังคาแตกเสียหายกว่า 5 ปี และได้รับเงินเยียวยาเพียง 20,000 บาท
หากท่าอากาศยานเชียงใหม่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง คงได้รับความเดือดร้อนมากกว่านี้ จึงอยากให้กำหนดมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ ไม่เพียงแต่เรื่องเงิน แต่อยากให้มีมาตรการลดผลกระทบจากเสียง และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดกับประชาชนว่า การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่ได้มากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นด้านการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหา ปัญหาปากท้อง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต รัฐบาลมีความตั้งใจจริง อะไรที่ทำให้ได้ก่อนก็จะพยายามอย่างเต็มที่
จากนั้นคณะ เดินทางต่อไปยังท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังแผนดำเนินการของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ตามแผนแม่บทท่าอากาศยานเชียงใหม่
ซึ่งขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการให้บริษัทที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบโครงการ โดยจะใช้งบประมาณประมาณ 1 หมื่นล้านบาทเศษ เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 8 ล้านคนต่อปี เพิ่มเป็น 16.5 ล้านคนต่อปี
โดยทำการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศเดิมให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ พร้อมขยายหลุมจอดเพิ่มและปรับปรุงระบบต่าง ๆ ที่งานสนับสนุนท่าอากาศยาน
ทั้งนี้ หากการสำรวจออกแบบแล้วเสร็จ และผ่านความเห็นของคณะรัฐมนตรี ตามแผนที่กำหนดไว้การก่อสร้างโครงการระยะที่ 1 จะแล้วเสร็จภายในปี 2572
นอกจากนี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังกำหนดแผนโครงการพัฒนาระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2576 โดยมีระบบทางวิ่งและทางขับรองรับเที่ยวบินได้ 31 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และขยายลานจอดอากาศยานเป็น 38 หลุม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมและภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หลังจากมีการเตรียมแผนเปิดท่าอากาศยานเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฝั่งยุโรป บินตรงมายังจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นเครื่องบินที่รองรับผู้โดยสาร 500 คนขึ้นไป ปัจจุบันระบบทางวิ่งและทางขับท่าของอากาศยานเชียงใหม่ สามารถรองรับได้และมีมาตรฐานความปลอดภัยอยู่แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดบิน 24 ชั่วโมง ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
------------
นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และบอร์ด ททท. เปิดเผยว่า
ธุรกิจยินดีที่รัฐบาลให้ความสำคัฐกับภาคท่องเที่ยว ซึ่งเป็นส่วนสำคัฐต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่ง สิ่งที่จะขอฝากรัฐบาลไว้เพิ่มเติมหลังจากได้รับฟังการแถลงนโยบายภาคการท่องเที่ยวแล้ว มี 4 ข้อที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการ คือ
1. Tourism Clinic ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อรับฟัง แก้ปัญหาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งด้านการเงิน การพัฒนาสินค้า การตลาด และนวัตกรรม
2. Tourism Bank และ Tourism Fund เป็นกลไกในการเพิ่มสภาพคล่อง เติมทุน ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบธนาคารเดิมได้
3. Tourism Ambassador เราต้องปั้น Influencer ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับชุมชนหมู่บ้าน มีหลากหลายภาษา และความเชี่ยวชาญ เพื่อทั้งขับเคลื่อน Softpower เล่าเรื่องราวดีๆ และประชาสัมพันธ์จุดเด่นของสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวของไทย และเป็นทีมในการแก้ข่าวลบในสื่อ Social Media ต่างๆที่มีต่อการท่องเที่ยวไทย และเป็นหูเป็นตาในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวและให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว
4. Tourism Talent Hub เพื่อ Collect / Coaching / Certified / Connect บุคลากรทางการท่องเที่ยว ทั้งเพื่อการจัดการฐานข้อมูลมัคคุเทศก์และพนักงานในวงการท่องเที่ยว พัฒนาทักษะให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ รับรองทักษะและความสามารถพืเศษ และ เชื่อมโยงคนให้ตรงกับงาน ทั้งนี้ยังสามารถแก้ปัญหามัคคุเทศก์เถื่อน ยกระดับคนในวงการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายกิตติ กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย จากที่คาดการณ์ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 30 ล้านคน ปัจจุบันทำได้ประมาณ 19 ล้านคน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่หายไปคือ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น และจีน โดยเฉพาะจีนจากเดือนละ 9 แสนคน เหลือ เฉลี่ยเดือนละ 3-4 แสนคน
ส่วนเป้าหมายจีน 5 ล้านคนในปีนี้ท้าทายมาก แต่ยังคงเป็นไปได้ หากมีแคมเปญ Booster Shot ดี ๆ มากระตุ้นตลาดปลายปี ร่วมกับการทำ Free VISA ซึ่งภาครัฐยังคงจะต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพของนักท่องเที่ยวมากกว่าปริมาณ
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ในยุคใหม่นี้จะไม่เหมือนเดิม ในภาพรวมมีคุณภาพสูงขึ้น มีการใช้จ่ายด้านอาหาร กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และชอปปิ้งมากขึ้น โดยมีรูปแบบการเดินทางที่เปลี่ยนไป มักนิยมเที่ยวแบบ FIT ที่อิสระ และยืดหยุ่นขึ้น การเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์ใหญ่จะเหลือไม่ถึง 25%
โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะนิยมจองโรงแรมและตั๋วเครื่องบินเอง แต่ก็ยังนิยมจองกิจกรรมหรือทริปสั้น ๆ ในท้องถิ่น ผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้
นายกิตติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มี 3 ประเด็นที่ คนท่องเที่ยวฝากมานำเสนอต่อรัฐบาล คือ
1. การเปิดให้ใช้ Digital Wallet 10,000 บาท ข้ามจังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ
2. เพิ่ม Free VISA ประเทศอินเดีย เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และเป็นการกระจายความเสี่ยงหากจีนไม่เข้ามาตามคาด
3. เร่งรัดปราบปรามไกด์เถื่อน และขบวนการจีนเทา เพื่อลดปัญหาการหลอกลวง และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
------------
วันที่ 13 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นระยะเวลา 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ซึ่งการยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักท่องเที่ยวปัจจุบันที่มีอยู่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนถึงเป้าหมายที่ 5 ล้านคน ส่วนการยกเว้นการยื่นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานด้วยนั้น เนื่องจากมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
เมื่อถามว่า จะทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณไปเท่าใด น.ส.สุดาวรรณกล่าวว่า ไม่อยากให้ไปโฟกัสการจัดเก็บรายได้ที่สูญเสียไป แต่อยากให้โฟกัสรายได้ที่จะได้เข้าประเทศมากกว่า
------------
ตอนนี้ นายกฯ เล็งที่จะทำท่าอากศยานใหม่ 2 แห่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว คือ
1. ท่าอากาศยานอันดามัน ครอบคลุมนักท่องเที่ยยวที่จะมา ภูเก็ต กระบี่ ระนอง โดย จะสร้าง ที่ อ.โคกลอย จ.พังงา เนื้อที่ 6,000 ไร่ ตอนนี้กำลังจะจ้างที่ปรึกษาโครงการให้แล้วเสร็จภายในสิ้น และมีการศึกษาอีก 8 เดือน เพื่อเสนอสภาพัฒน์ เสนอ ครม. ก่อสร้างอีก 4 ปี นับจาก ปี 67 และจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 40 ล้านคน มีเงินลงทุน 7 หมื่นล้าน
2. ท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 แต่จะทำยากกว่าจะยากกว่าท่าอากาศยานอันดามัน เพราะหาที่ดินยาก มีเงินลงทุน 7 หมื่นล้าน หรือมากกว่านิดหน่อย สร้าง ที่ อ.บ้านถิ จ.ลำพูนใช้พื้นที่ 5-6 พันไร่
------------
เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่รับฟังปัญหา และแนวทางการพัฒนา จากภาคส่วนต่าง ๆ ของ จ.เชียงใหม่ ว่า
มาลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและโอกาสต่างๆ ในการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี เศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลมาจากประชาชนทั้ง 11 พรรคร่วมรัฐบาลที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องหลักในระยะสั้นจะช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากกรุงเทพฯ และจังหวัดภูเก็ตแล้ว เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญสูงสุดจังหวัดหนึ่ง การท่องเที่ยวเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญระยะสั้น
ในเรื่องอัตราค่าแรงงานเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องชัดเจนภายใน 4 ปี สำหรับบริหารจัดการค่าแรงขั้นต่ำ และเงินเดือนปริญญาตรีจะต้องเป็น 25,000 บาท ซึ่งหวังว่าเงินรายได้จำนวนนี้จะจูงใจบัณฑิตจบใหม่มาทำงานในพื้นที่ได้ หากติดตามนโยบายของรัฐบาลจะพบว่ามีความหลากหลาย ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอย่างเดียว แต่มีเรื่องรายได้ของเกษตรกรจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ใช้การตลาดนำนวัตกรรมเสริมรายได้ และมีแผนระยะกลางระยะยาว
------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/cH5b2hLLEX8