เลือกตั้งและการเมือง
“ไอติม” ถาม “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” มีอะไรเพิ่มเติมจากแผนของกองทัพ
6 ก.ย. 2566
171 views
“ไอติม” ถาม “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” มีอะไรเพิ่มเติมจากแผนของกองทัพ เผยฟังสัมภาษณ์ “สุทิน” แล้วกังวลต้องมาลุ้นปีต่อปีว่ายอดถึงหรือไม่ ชวนประชาชนจับตา จี้ รมว.กลาโหม ตอบให้ชัดถึงกรอบเวลาดำเนินการ
6 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงข้อกังวลนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ว่า ตนอยากมาชี้แจงในมุมมองของพรรคก้าวไกล ซึ่งกฎหมายให้อำนาจกองทัพดำเนินการเกณฑ์ทหารได้ ปรากฏว่ายอดคนสมัครน้อยกว่ายอดที่กองทัพต้องการ ทำให้มีช่องว่างในการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารให้เป็นทหาร
“ตัวเลขเรื่องของยอดกำลังพลที่กองทัพขอประมาณ 90,000 คน ขณะที่ยอดตัวเลขคนที่สมัครใจอาสามาเป็นทหารมีประมาณ 30,000 คน ดังนั้นช่องว่าง 60,000 คนจึงแปรมาเป็นใบแดง”
ตนคิดว่ามาถึงวันนี้ทุกฝ่ายน่าจะเห็นตรงกันถึงราคาที่สังคมต้องจ่ายเมื่อมีการบังคับคนที่ไม่อยากเป็นทหารให้ไปเป็นทหาร ไม่ว่าจะเป็นราคาในระดับปัจเจกบุคคลที่สูญเสียเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ในการตามความฝัน หรือปัญหาระดับสังคม ที่มีการดึงทรัพยากรมนุษย์วัยทำงานออกจากตลาดแรงงานในช่วงที่เข้าสู่สังคมสูงวัย
นายพริษฐ์ ย้ำว่า มีสิ่งสำคัญ 2 เรื่อง คือต้องลดยอดกำลังพลที่กองทัพขอได้ ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ยอดผี มีชื่ออยู่ในทะเบียน แต่ตัวไม่ได้อยู่ในค่าย และสอง คือการเพิ่มยอดสมัครใจ ทำอย่างไรที่จะยกระดับชีวิตพลทหาร ทั้งเรื่องความมั่นคง ค่าตอบแทนสวัสดิการ ความก้าวหน้าทางอาชีพ
สิ่งที่อยากเชิญชวนประชาชนจับตาดูคือคำว่ายกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มียกเลิก 2 วิธี ได้แก่
แบบแรก เป็นการยกเลิกแบบลุ้นปีต่อปี เป็นการลดช่องว่างของตัวเลขที่กองทัพขอมา ซึ่งเป็นแนวทางที่กองทัพได้ชี้แจงผ่านแผนปฏิรูปกองทัพ ของสภากลาโหม ปี 2566-2570 ที่พยายามลดตัวเลขนี้ลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะไม่มีใครถูกบังคับเกณฑ์ทหาร
แบบที่สอง เป็นแบบการันตีว่าไม่มีเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นแบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ คือการไปแก้ พ.ร.บ.รับราชการทหาร ทำให้กองทัพไม่มีอำนาจในการบังคับคนไปเกณฑ์ทหารในช่วงที่ไม่มีศึกสงคราม โดยกองทัพจะมีแค่ยอดคนสมัครใจ
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยกเลิกแบบแรกต้องมานั่งลุ้นปีต่อปีว่าจะมียอดสมัครใจถึงหรือไม่ ส่วนแบบที่สอง ตนเชื่อว่าจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญ ที่ทำให้กองทัพต้องปฏิรูปตนเองจนทำให้ต้องให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของพลทหารฝ
“ตราบใดที่ยังมีช่องว่างที่เปิดให้กองทัพสามารถบังคับคนไปเกณฑ์ทหารได้กองทัพอาจจะเกิดความชะล่าใจว่าไม่ว่ายอดคนสมัครจะน้อยแค่ไหน เขาสามารถบังคับคนไปเป็นทหารตามจำนวนที่ขอได้ หากยกเลิกเกณฑ์ทหารไปเลย จะทำให้กองทัพเอาจริงเอาจัง โอนตรงโอนครบ ไม่หักไม่ทอน เอาจริงเอาจังกับการกำจัดปัญหาความรุนแรงในค่าย” นายพริษฐ์ กล่าว
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า คงต้องจับตาดูนโยบายเกณฑ์ทหารในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ของนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูเหมือนจะเป็นแนวทางแบบที่ 1 มากกว่า ซึ่งก็เพียงแต่หวังว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนเรื่องกรอบเวลาว่าจะลดกำลังพลกี่คนในแต่ละปี และให้ตัวเลขเป็น 0 ในปีไหนให้สำเร็จ
เมื่อถามว่าจากที่นายสุทิน ให้สัมภาษณ์คาดว่าจะเป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบแรก คือการเปิดรับสมัครโดยสมัครใจให้ครบก่อนและมองว่าเดือนเมษายนปีหน้าจะไม่ต้องเกณฑ์ทหารแล้วหรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า หากเป็นเช่นนั้นต้องมาลุ้นกันปีต่อปี ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการสื่อสารว่ายอดกำลังพลที่กองทัพต้องการเป็นเท่าไร ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่รับประกันให้ประชาชนว่าจะวางแผนชีวิตอย่างไร
เมื่อถามว่าในคำแถลงนโยบายรัฐบาลไม่มีคำว่ายกเลิกแต่ใช้คำว่าสมัครใจมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องรอการยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ทั้งนี้ คำว่าปฏิรูปไม่มีอะไรที่เป็นเชิงลบ
เมื่อถามว่าประเมินการทำงานของนายสุทิน ที่เดินสายพบผู้นำเหล่าทัพว่าอย่างไรบ้าง นายพริษฐ์ ระบุว่า อย่างการยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบลุ้นปีต่อปี กองทัพมีการทำอยู่แล้ว คำถามที่อาจจะมีตามมาคือวาระเพิ่มเติมนอกเหนือที่กองทัพวางไว้ รัฐบาลมีอะไรใหม่หรือไม่
นายพริษฐ์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาว่าส่วนตัวยังมีข้อกังวล 2 ส่วนคือกรอบเวลาในการอภิปราย ขณะนี้มีข่าวออกมากว่าอาจจะเหลือการอภิปรายนโยบายเพียง 1 วัน โดยยังต้องรอการยืนยัน โดยมองว่าเป็นเวลาที่สั้นมาก หากย้อนดูในอดีตของการอภิปรายก็มักจะมากกว่า 1 วัน โดยจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีกรอบอภิปราย 2 วัน ทั้งนี้หากเหลือแค่เพียงวันเดียวจริงก็ถือว่าเป็นวิธีการที่รวบรัดจนเกินไปกับกระบวนการที่มีความสำคัญ
ส่วนข้อกังวลที่สองคือก็คือเนื้อหาสาระของนโยบาย โดยต้องรอการยืนยันว่าเอกสารคำแถลงนโยบายที่หลุดออกมากเป็นเอกสารทางการหรือไม่ หากเอกสารที่ออกมาตรงกับเอกสารหลุดออกมาผ่านสื่อก็ยอมรับว่ายังขาดรายละเอียดนโยบายที่พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้สื่อสารกับประชาชนก่อนหน้าการเลือกตั้ง โดยยังไม่พบนโยบายค่าแรง สภาร่างรัฐธรรมนูญที่ยังมีความคลุมเครือว่าจะจัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งหรือไม่
รวมถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะออกมาบอกว่าจะมีการทบทวนดำเนินการภายใน 2 ปี แต่เมื่อไม่มีในเอกสารนโยบายก็ไม่มีหลักประกันกับประชาชนว่ารัฐบาลจะดำเนินการจริง โดยต้องให้ความสำคัญเพราะเป็นสัญญาประชาคม และยิ่งเป็นรัฐบาลผสม ประชาชนก็จับตาว่านโยบายของแต่ละพรรคที่แตกต่าง ขัดแย้งกันบ้างจะตกผลึกขับเคลื่อนออกมาเป็นนโยบายส่วนใด
ขณะที่การอภิปรายในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลยังไม่ได้พูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีการพูดคุยภายในของพรรคก้าวไกล เป็นหลักถึงปัญหาของประชาชนและแบ่งหน้าที่วิเคราะห์นโยบาย
แท็กที่เกี่ยวข้อง ข่าวการเมือง ,ไอติมพริษฐ์ ,ยกเลิกเกณฑ์ทหาร