เลือกตั้งและการเมือง

‘อดิศร’ แจงหาเสียง “ไล่หนูตีงูเห่า” เพื่อดึงคะแนนกลับ – ‘จตุพร’ เตือน‘ชลน่าน’ เตรียมนับถอยหลัง ปิดฉากการเมือง

โดย petchpawee_k

9 ส.ค. 2566

186 views

‘อดิศร’ แจงแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” แค่ต้องการดึงคะแนนกลับจากสส.งูเห่าที่ย้ายซบภูมิใจไทย เลือกตั้งจบก็คือจบ ส่วนชาวบ้านจะผิดหวังก็ไม่เป็นไร ด้าน "จตุพร" เตือน "ชลน่าน" เตรียมนับถอยหลังปิดฉากการเมือง ห่วงอาจต้องพบจิตแพทย์


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โอกาสออกมาชี้แจงปมร้อนซึ่งกำลังปะทุเดือดในสังคมนี้เป็นคำรบที่สอง กรณีที่ระบุว่า “ไล่หนูตีงูเห่า” เป็นเพียงแคมเปญหาเสียงเรียกคะแนนในการเลือตั้ง จนเป็นที่วิพากษวิจารณ์มากมายในโลกโซเชียล  


หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พอผมพูดอย่างนี้ไปกลับกลายเป็นเหยื่อ เอาไปพาดหัวว่า แค่! แค่หาเสียง เหมือนกับไปบิดเบือนว่าไม่รับผิดชอบคำพูด ผมเองเข้าใจครับว่าฐานคิด จิตใจและวิธีคิดไม่เหมือนกันได้ แต่เจตนาผมเนี่ย ต้องการให้เห็นว่าทุกพรรคการเมืองต้องแข่งขันต่อสู้กัน


หมอชลน่านบอกอีกว่า เป็นการขยายความต่อจากชุดข้อมูลตอนแรกที่ได้อธิบายเกี่ยวกับการรณรงค์ในช่วงหาเสียงจากประชาชน ซึ่งตอนแรกพรรคมีการวางเป้าหมายกวาดที่นั่งในสภา ด้วยการทำแลนด์สไลด์ แต่พอมีถ้อยคำรณรงค์หาเสียงของบางพรรคก็ทำให้ความนิยมของ พท. ตกลงได้ เพราะสิ่งนี้คือ กระบวนการรณรงค์หาเสียงช่วงเลือกตั้ง


“ถามว่าเราโกรธไหม เราไม่โกรธครับ แต่เราเองก็ต้องยอมรับว่าสู้เขาไม่ได้เพราะเทคนิคเขาดี ถามเรามาจับมือกันไหม ก็ 312 ไงครับ นี่เป็นธรรมชาติมาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้การเรียนรู้มิติทางการเมืองทุกคนก็ต้องเข้าใจ แต่ฝากว่าอย่าเอาประเด็นเฉพาะบางช่วงชางตอนมาตัดใส่ร้ายกัน” หมอชลน่าน กล่าว.


ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า  ตนเองเป็นหนึ่งในแกนนำ คิดขึ้นปราศรัยในเวทีอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ในแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 ยอมรับว่าการปราศรัยในวันนั้นดุเดือด เนื่องจาก สส. ของพรรคเพื่อไทยย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย จึงทำให้ต้องมีความพยายามดึงคะแนนที่เสียไปกลับมา


ซึ่งผลการเลือกตั้ง สส.จังหวัดศรีษะเกษ พรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งกลับมาเกือบหมด ยกเว้น แค่ 1 เขตที่เป็นของพรรคภูมิใจไทย แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งไปจบก็คือจบ เพราะสิ่งที่ทำไปทำให้ได้ สส. คืนกลับมา


 ส่วนที่ชาวบ้านรู้สึกผิดหวังที่บอกว่าเป็นแค่นโยบายการหาเสียง นายอดิศร บอกว่าไม่เป็นไรสู้กันเต็มที่กับทุกเขตเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองก็สู้กันเต็มที่  

เมื่อสอบถามว่า 212 เสียงสามารถไปต่อได้ใช่หรือไม่ นายอดิศร บอกว่า ถ้าเอาทฤษฎีข้าวต้มมัด มันก็เท่าเดิมไม่สามารถจะเดินทางไปถึง 375 คะแนนเสียงได้ ดังนั้นถึงไม่อยากจะแกะก็ต้องแกะ

------------------------------------------------

ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน แสดงความเป็นห่วงถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้สามารถผ่านด่าน สว.และจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ


นายจตุพร บอกว่าช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา ทั้งแคนดิเดตนายกและแกนนำพรรคเพื่อไทยแทบทุกคนได้ประกาศชัดเจนเกือบทุกเวที ว่าจะต่อสู้เพื่อปิดสวิสต์ สว.และปิดสวิสต์ 3 ป.ซึ่งคำประกาศนี้คือพันธสัญญาที่ใหญ่กว่า MOU ของ 8 พรรค เพราะเป็นพันธสัญญาที่ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน


โดยเฉพาะตัวหัวพรรค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่ลั่นวาจาไว้ว่าถ้าจับมือกับพลังประชารัฐ ตัวเองก็จะลาออกจากหัวหน้าพรรค นายจตุพร ระบุว่า  คนที่เป็นห่วงและน่าเห็นใจที่สุดคือตัว “หมอชลน่าน” เพราะที่ผ่านมาหมอชลน่านเป็นคนที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี และทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร์ได้อย่างตรงไปตรงมาคนหนึ่ง จนสื่อมวลชนเคยมอบฉายาให้ว่า “คนดีศรีสภา”


แม้ตอนนี้หมอชลน่านจะเป็นถึงหัวหน้าพรรค แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจทิศทางของพรรคเพราะเป็นเพียงหัวโขนของพรรค ไม่ว่าหมอชลน่านจะพยายามอธิบายเหตุผลใด ๆ ถึงการฉีกพันธสัญญาที่มีต่อประชาชนก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น  สิ่งที่หมอชลน่านทำได้หลังจากนี้คือเตรียมนับถอยหลังปิดฉากเส้นทางการเมือง


“ที่หมอชลน่านได้พยายามอธิบายอะไรต่าง ๆ ปลายทางของคุณหมอชลน่าน เป็นเส้นสังเวยอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค มิหนำซ้ำการเป็นผู้แทนราษฎร์ระบบเขตแม้ว่าจะลาออกยาก แต่ท้ายที่สุดประชาชนเขาจะไม่ทนนะเขาจะกดดันถึงขนาดผู้แทนเขต หรือแม้กระทั่งคิดจะเป็นรัฐมนตรี คนก็จะไม่ทน ก็จะกดดัน จนจะไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”


นายจตุพร เชื่อว่าลึกๆ แล้ว หมอชลน่านอยากหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้เต็มที   สุดท้ายหมอชลน่าน ในฐานะที่เป็นหมอสูตินรีแพทย์ อาจจะต้องไปพบจิตแพทย์ก็ได้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/on6gNNYNW-Y


คุณอาจสนใจ

Related News