เลือกตั้งและการเมือง

เดือด! ศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป. กองหนุน 'นราพัฒน์-อภิสิทธิ์' เล่นเกมจนประชุมล่ม

โดย nattachat_c

10 ก.ค. 2566

48 views

วานนี้ (9 ก.ค. 66) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ไม่สามารถเลือกหัวหน้าพรรคภายในวันนี้ได้ นั้น ไม่ใช่ความล้มเหลว เพราะการประชุมดำเนินการตามข้อบังคับตลอด 


แต่ปัญหาที่พบ คือ ตามกำหนดการเดิม จะเริ่มการประชุมช่วงบ่ายในเวลา 13.00 น. แต่ปรากฏว่าการประชุมในช่วงเช้ายืดเยื้อ เพราะมีการถกเถียงกันในเรื่องเเก้ไขข้อบังคับ 137 กว่าจะได้พักรับประทานอาหารกลางวัน ก็ล่วงเลยเวลาไปจนถึงช่วงบ่าย ทำให้สมาชิกหลายคนที่ต้องกลับต่างจังหวัด ได้จองตั๋วเครื่องบินไว้เเล้ว ต้องเดินทางกลับต่างจังหวัดไปก่อน เนื่องจากไม่สามารถขยับเวลาได้ เพราะไม่ทราบล่วงหน้าว่าการประชุมจะยืดเยื้อ ซึ่งเชื่อว่าการประชุมครั้งหน้าจะไม่มีปัญหา


นายชัยชนะ ยังมองว่า คนที่เป็นองค์ประชุม ควรมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ ถ้าหากคิดว่าหากโหวตวันนี้แล้วจะแพ้ นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย


ส่วนการแก้ไขข้อบังคับเดิม ที่ใช้ระบบลงคะแนน 70:30 ถือเป็นการปิดทางนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้องไปถามนายอภิสิทธิ์เอง


นายชัยชนะ ยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมหารือถึงแนวทางการโหวตนายกรัฐมนตรี แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังไม่มีหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ตาม แต่จะพูดคุยภายใน 25 ส.ส. ของพรรค

-----------

วานนี้ (9 ก.ค. 66) เวลา 10.00 น.ที่ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ หลักสี่ พรรคประชาธิปัตย์จัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ชุดใหม่ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคฯ และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคฯ ดำเนินการประชุม ขณะที่องค์ประชุมในวันนี้มีจำนวน 299 คน ครบตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค


เมื่อเข้าสู่วาระการประชุมและก่อนที่จะเข้าสู่วาระการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรคฯ ได้ลุกขึ้นหารือว่า ระหว่างที่พรรคจะมีการตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง พรรคฯ เพื่อตรวจนับคะแนนนั้น ตนจะขอเสนอญัตติ ยกเลิกข้อบังคับพรรคที่ 87 ก่อน หรือรอให้มี กกต.พรรคก่อน


แต่นายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม. เสนอว่า การประชุมครั้งนี้ตนเชื่อว่าจะมีสมาชิกแสดงความคิดเห็น ตามความเชื่อและความคิดของแต่ละคน ดังนั้นการแสดงออกในฐานะพี่น้องของพรรคในที่ประชุมนี้ ตนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องภายในที่เราจะได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่ จึงขอเสนอว่า ควรให้สื่อมวลชนออกจากห้องประชุม เพื่อจะได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่ว่าประชาธิปัตย์ควรเดินไปอย่างไร เพราะสิ่งที่สื่อมวลชนรับทราบระหว่างที่เราพูดคุยกัน อาจจะมีการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะการพูดของเรามีเวลาที่จำกัด อาจจะทำให้การสื่อสารไปยังบุคคลภายนอกผิดพลาดได้ ดังนั้นเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขอให้เชิญสื่อมวลชนออกไป


ซึ่งนายสาธิต ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายธนา ทำให้นายจุรินทร์ ได้ขอให้เชิญสื่อมวลชน และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่ประชุมไป
-----------

วานนี้ (วันที่ 9 ก.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลกทม. กล่าวถึงเหตุผลที่ตนเสนอญัตติต่อที่ประชุมให้ งดเว้นข้อบังคับข้อที่ 37 ที่ระบุว่าเมื่อหัวหน้าพรรคลาออกจะต้องมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 60 วัน เนื่องจากตนเห็นว่า การประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าสมาชิกมีการถกเถียงกันมาก และมีการกระทบกระทั่งกันตลอด หากยังให้ดำเนินการต่อไป อาจก่อให้เกิดผลกระทบภายในพรรค เพราะจะมีคนแพ้คนชนะ แต่ถ้ามีโอกาสยืดเวลาออกไปเพื่อให้ได้พูดคุยกันก่อน เราก็จะร่วมกันชนะคนอื่น


เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าสมาชิกพรรคบางส่วน อยากให้ชะลอการเลือกหัวหน้าพรรคออกไปเพื่อรอลุ้นโอกาสที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล หากผลสรุปพรรคเป็นฝ่ายค้าน ก็จะยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายอภิสิทธิ์ไ ปบริหารจัดการปฏิรูปพรรค นายองอาจ กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดถึงเรื่องรอเป็นรัฐบาล แค่อยากให้พวกเรามีโอกาสพูดคุยให้ตกผลึกมากกว่า เพื่อจะจะได้ร่วมมือกันให้ได้มากที่สุด

-----------

วานนี้ (วันที่ 9 ก.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้มีการเสนอชื่อผู้ประสงค์สมัครเป็นหัวหน้าพรรค แต่เนื่องจากยังไม่ครบองค์ประชุม มีเพียง 221 เสียงไม่ครบ 250 เสียง ทำให้ที่ประชุมขอเลื่อนการประชุมไปในเวลา 15.00 น. อย่างไรก็ตามพบว่า ผู้เข้าร่วมองค์ประชุมบางส่วนหายไป มีเก้าอี้ว่างจำนวนมาก


ต่อมาในเวลา 15.00 น. มีการเริ่มนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้ง พบว่า มีองค์ประชุมลดลงเหลือเพียง 201 เสียง ทำให้ไม่สามารถดำเนินการประชุมต่อไปได้


ทำให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค ประกาศ เมื่อที่ประชุมไม่ครบก็ไม่สามารถประชุมต่อไปได้ จะต้องเลิกการประชุม โดยตนจะต้องหารือกับเลขาธิการพรรคเพื่อนัดการประชุมครั้งถัดไป


โดยหลังจากนี้ก็จะใช้เวลาในการเลือกหัวหน้าพรรคภายใน 30 วัน ตามข้อบังคับพรรค
-----------
วานนี้ (วันที่ 9 ก.ค.) นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ เปิดเผยความคืบหน้าภายหลังจากที่การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ไม่สามารถที่จะเดินหน้าประชุมต่อไปได้ โดยเฉพาะวาระสำคัญคือเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ จึงต้องเลื่อนออกไปก่อน โดยเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้


คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้ ประชาชนและสมาชิกจะเข้าใจ ซึ่งต้องยอมรับว่าจะต้องปรับเปลี่ยน ในการสื่อสารใหม่ทั้งภายในและภายนอก / ส่วนกรณีที่หลังจากนี้จะดำเนินการต่อไปเนื่องจากตนเองเป็นแคนดิเดตที่จะถูกเสนอชื่อจริงเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่


นายนราพัฒน์ ระบุว่า จะต้องไปเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับพรรค ที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะเรียกประชุม และจะได้พิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค


ส่วนจะมีการเรียกประชุมในวาระดังกล่าวก่อนวันที่ 13 กรกฎาคม หรือไม่นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการหารือของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ซึ่งขึ้นอยู่กับข้อบังคับพรรค หรือจะดำเนินการต่อให้ทัน เพราะตามกรอบระยะเวลา 60 วันเป็นไปตามกรอบข้อบังคับพรรค


จากเหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของพรรคที่ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหรือไม่ นายนราพัฒน์ ชี้แจงว่า นั่นคือปัญหา และเคยพูดตั้งแต่ต้นว่านี่คือเสน่ห์ของการเป็นประชาธิปไตยของพรรค เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน ตนจึงอยากจะบอกกับสมาชิกและเพื่อนๆ ว่าเราต้องเคารพในการตัดสินใจ ว่าหากประชาธิปัตย์จะทำอะไรจะต้องตัดสินใจตามมติ    หากมติไปในทิศทางใดก็จะต้องเดินตาม ซึ่งความเห็นส่วนตัวพูดได้ทำได้ แต่ก็ต้องเคารพมติ / ส่วนกรณีที่ประชุมระบุว่าสัดส่วน 70:30 ไม่เป็นธรรมนั้น ส่วนตัวมองว่าถ้ารอโอกาส ให้มาหารือกันอีกครั้ง อาจจะมีกฎระเบียบกติกาที่ชัดเจน ที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และทุกฝ่ายจะต้องยิ้มได้


พร้อมยอมรับว่า ที่วันนี้เราเป็นแบบนี้เพราะแพ้ภัยตัวเอง เราต้องรวบรวมกับสรรพกำลัง และความเข้าใจ ซึ่งการสื่อสารภายในองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าสื่อสารแล้วทำให้เราเดินทางไปในทิศทางเดียวกัน ได้ก็จะจบ ทำให้การสื่อสารภายนอกง่ายขึ้นทำให้ประชาชน ทำอะไร มีตัวตนอย่างไร และมีแนวคิดอย่างไร และมีทิศทางอย่างไร


ซึ่งตนเองได้ตัดสินใจมาซักระยะหนึ่งที่จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ พร้อมยืนยันว่ามีผู้ใหญ่มาทาบทามและเสนอมุมมอง อยากหาใครสักคนที่เป็นกลางพูดคุยกับทุกฝ่ายได้ มาเขียนกติกาและกฎเกณฑ์เพื่อให้วันข้างหน้า รวมกันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกับความคิดของตนอยู่แล้ว


พร้อมยอมรับว่า มีบทเรียนที่เราไม่ได้รวมกันจึงทำให้พลังเราลดลง และยินดีหากมีสมาชิกมาสนับสนุนก็จะขับเคลื่อนกติกา และข้อบังคับโครงสร้างพรรคให้ทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ทันต่อโลก


ส่วนกรณีที่ตอนนี้เหลือระยะเวลาอีกประมาณ 30 วันจะถือโอกาสไปหาเสียงไปในตัวด้วยหรือไม่ นายนราพัฒน์ ระบุว่ายังไม่ทราบว่าคณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาและกำหนด วันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อไหร่ แต่หากมีการพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน แล้วพรรคมีทิศทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นตนก็ได้


แต่หากใครมีความคิดแบบตนและสามารถทำให้พรรคประชาธิปัตย์เดินหน้า ด้วยความเข้มแข็งต่อไปได้ ก็ยินดีหากคนนั้นจะมาเป็นผู้นำให้ แต่ยืนยันว่าตนเองก็พร้อมที่จะอาสามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ถ้าหากสมาชิกลงคะแนนให้ตนเองได้เป็นก็ยินดี ได้เป็นก็ยินดี

----------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/7gULqOrvzSI

คุณอาจสนใจ

Related News