เลือกตั้งและการเมือง

กกต.ประกาศรับรอง ส.ส. ครบ 500 คน - ‘ทนายรัชพล’ ยื่นหนังสือ กกต.ค้านเอกสาร ‘เรืองไกร’ ร้องสอบ ‘พิธา’

โดย petchpawee_k

20 มิ.ย. 2566

45 views

กกต.ประกาศรับรอง ส.ส. ครบ 500 คน เผยรับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่พรุ่งนี้ ย้ำรับรองก่อนไม่ตัดสิทธิ์ตรวจสอบทุจริตเลือกตั้ง ยังไม่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสิบคุณสมบัติ 'พิธา' เหตุยังรวบรวมข้อเท็จจริงไม่แล้วเสร็จ


วานนี้ (19 มิ.ย.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมด้วยนายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ทางสำนักงาน กกต. ได้เสนอผลการนับคะแนนเลือกตั้ง แบบ ส.ส.เขต 400 เขต และแบบบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองจำนวน 67 พรรคการเมือง พร้อมทั้งผลการตรวจสอบเบื้องต้นจากรายงานการเลือกตั้งประจำจังหวัด ทั้ง 77 จังหวัด และรายงานตรวจสอบสิทธิสมัครเลือกตั้งของผู้ได้รับการเลือกตั้ง รวมถึงเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งใน กทม. ต่างจังหวัด และกลุ่มภารกิจงานสืบสวนสอบสวนการเลือกตั้ง ส.ส.


ที่ประชุม คณะกรรมการกกต.ได้มีมติให้ประกาศผลการเลือกตั้ง แบบแบ่งเขตทั้ง 400 เขต และแบบบัญชีรายชื่อครบทั้ง 100 คน โดยที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยังมีอำนาจสืบสวนและไต่สวนตามมาตรา 138 พรป.การเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ดังนั้นหากประกาศผลดารเลือกตั้งแล้วแต่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัคร หรือผู้ใด ทุจริตการเลือกตั้ง หรือรู้เห็นกับการกระทำของคนอื่น ให้กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น


สำหรับผู้ที่ได้รับการประกาศรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มารับหนังสือรับรองการเป็น ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ได้ตั้งแต่วันที่ 20-24 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ


ทั้งนี้ ภายหลังการรับรองสมาชิกภาพส.ส. จะมีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กรณีการถือหุ้นไอทีวีเลยหรือไม่นั้น เลขาธิการ กกต.ระบุว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อของสำนักงาน กกต. จึงยังไม่เห็นข้อเท็จจริงทั้งหมเเ ซึ่งต้องดูว่าข้อกฎหมายจะเปิดช่องให้ดำเนินการได้แค่ไหน อย่างไร ซึ่งตอนนี้การพิจารณาสำนวนยังไม่แล้วเสร็จ


ส่วนกระบวนการจะต้องเร่งให้แล้วเสร็จก่อนโหวตนายกหรือไม่ เลขา กกต. ย้ำว่าเราไม่สนใจเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของกระบวนการการทำงาน ต้องได้ข้อเท็จจริงให้สิ้นกระแสความ ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าจะมีความรวดเร็วก็เกิดขึ้นกับการทำงาน ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด


นายแสวง ยังกล่าวถึงข้อร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งในหลายเขต ว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างที่สำนักงานกำลังพิจารณา ซึ่งมีกรอบระยะเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ที่ต้องประกาศ 400 เขตไปก่อนเพราะมองว่ากระบวนการพิจารณา สืบสวนไม่สามารถทำให้แล้วเสร็จภายในระยะ เวลา 60 วันตามที่กฎหมายกำหนดได้ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่จะได้มีโอกาสแก้ต่างให้กับตัวเอง จึงได้ประกาศผลไปก่อนโดยไม่ตัดอำนาจการตรวจสอบของ กกต.


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ว่า หลังการรับรองให้เป็น ส.ส.   กกต.จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลยหรือไม่ เลขาธิการ กกต.ระบุว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนข้อของสำนักงาน กกต. จึงยังไม่เห็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งต้องดูว่าข้อกฎหมายจะเปิดช่องให้ดำเนินการได้แค่ไหน อย่างไร ตอนนี้การพิจารณาสำนวนยังไม่แล้วเสร็จ


ส่วนจะเร่งให้แล้วเสร็จก่อนโหวตนายกฯหรือไม่ เลขากกต.ย้ำว่า เราไม่สนใจเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของกระบวนการการทำงาน หลังจากกกต.รับรองผล ส.ส.เมื่อวาน


สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาภายใน 15 วัน คือ ไม่เกินวันที่ 3 กรกฎาคม จากนั้นจะมีการประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภาฯ และประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาไว้

---------------------------------------------------

“ทนายรัชพล” ยื่นหนังสือถึง กกต. ค้านเอกสารเรืองไกร ปมร้องสอบ “พิธา” - วอนชะลอแจ้งข้อหา ม.151 หลังทราบตั้ง กกต.ไต่สวนแล้ว มองความผิดยังไม่ชัดเจน-ไม่เป็นธรรม - พร้อมให้เรียก “คิมห์” เข้าชี้แจง ทุกอย่างจะได้ชัดเจน


วานนี้ (19 มิ.ย.66) เวลา 13.30 น. ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลืกตั้ง หรือ กกต. นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. 6 ประเด็น ซึ่งประเด็นหลักคือการนื่นค้านหนังสือของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่มีการยื่นร้องสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลหลายประเด็น สำหรับ 6 ประเด็นที่ทนายรัชพล ยื่นร้อง ประกอบด้วย


1. คัดค้านเอกสารของนายเรื่องไกร ที่ยื่นหนังสือกับทาง กกต.เพื่อร้องสอบนายพิธา ซึ่งทนายรัชพลมองว่าเอกสารหลายอย่างมีความไม่ชัดเจน ไม่มีความน่าเชื่อถือ จึงรวบรวมเอกสารต่างๆ มาให้ทาง กกต.เพื่อตัดเอกสารของนายเรืองไกร ออก พร้อมให้เรียกนายเรืองไกร มาสอบถามว่าเอกสารต่างๆนั้นมีที่ไปที่มาอย่างไร


ส่วนตัวเอกสารที่ขอให้ตัดออก คือ เรื่องเอกสารบันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 และเอกสารงบการเงิน ซึ่งในเรื่องนี้ตนยังสงสัยเช่นเดียวกันว่า ตัวบันทึกประชุมผู้ถือหุ้นตัวนายเรืองไกรเอง ได้พูดผ่านสื่อด้วยบอกว่า เอกสารเรื่องนี้ต้องมีการรับรองอีก และหากเกิดว่ามีการรับรองแล้วเติมปรับทอน แก้ไข เอกสารดังกล่าว มันก็สามารถทำได้ในการรับรองการประชุม จึงสงสัยว่าเอกสารยังไม่เรียบร้อย ตัวนายเรืองไกรเอง เอามายื่นให้ กกต. สรุปแล้วมีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ เป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ / ส่วนงบการเงินเองก็มีความจัดแย้งกัน แล้วนำส่ง กกต.ทำไม


2. ขอให้พิจารณาชะลอการแจ้งข้อกล่าวหาตาม ม.151 จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องถือหุ้นสื่อ ซึ่งตนทราบมาว่าทาง กกต. มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนแล้ว จึงมองว่าหากผลยังไม่ชัดเจน ศาลยังไม่ตัดสินว่าตกลงแล้วนายพิธา ถือหุ้นหรือไม่ หรือเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ จึงอยากให้ กกต.ชะลอไว้ก่อน เพราะหากไปจับนายพิธา และโทษคดีนี้ 10 ปี สามารถออกหมายจับได้เลย โดยที่ความผิดยังไม่ชัดเจน ตนจึงมองว่าไม่เป็นธรรมกับนายพิธา


3. ขอให้พิจารณาเรียกนายคิมห์ ชี้แจง เรื่องเอกสารงบการเงิน การประกอบกิจการ iTV ซึ่งมองว่าหากเรียกมาเรื่องนี้จะเกิดความชัดเจน และ กกต.มีการตั้ง คกก.ไต่สวนแล้ว กกต.เอง เป็นเจ้าพนักงาน จึงมีอำนาจสามารถเรียกนายคิมห์ มาให้ชี้แจงได้ เพื่อจะได้รู้ว่าตกลงแล้วเอกสาร งบการเงินของ iTV มีการประกอบกิจการหรือไม่ อย่างไร หรือประกอบกิจการอะไร หรือว่าไม่ได้ประกอบกิจการเลย จะได้รู้ความจริงกันเสียทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอกสารรายงานการประชุม


4. ขอให้พิจารณาขอข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินจาก ป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณาคดี ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นประโยชน์



ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ร้องเรื่องที่ดิน ตนมองว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะว่ามรดกมีอยู่หลายอย่าง ต่อให้มีที่ดินหรือหุ้น ในส่วนของทรัพย์อาจจะแบ่งเป็นสองฝั่ง คือ แบ่งไปแล้วก็สามารถโอนให้คนอื่นได้ และอีกส่วนไหนที่ยังไม่ได้แบ่ง สามารถที่จะรอในการจัดการมรดกได้


5.ในเรื่องเอกสาร ที่มีความไม่ชัดเจน และตัวบันทึกรายงานการประชุม ขัดแย้งกับคลิปเสียงของนายคิมห์ที่พูดในที่ประชุม ซึ่งตนได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ทุ่งสองห้อง / ส่วน กกต. ตนมองว่าน่าจะเป็นผู้เสียหายโดยตรง จึงอยากขอให้ กกต.พิจารณาเข้าแจ้งความ ในข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อให้มีสำนวนในการสืบสวนสอบสวน และอาจจะได้ข้อมูลมาบางส่วนเพื่อมาประกอบการพิจารณาของ กกต.


6.การพิจารณาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตนอยากให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการดำเนินคดีเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 มาตรา 6 วรรค 3 "กรณีคณะกรรมการมีความเห็นว่า สมาชิกภาพของสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภามีเหตุสิ้นสุดลง หรือความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือภายหลังประกาศผลเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นว่า


ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาคนใดผู้ใดไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง หรือสมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี เนื่องจากคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิสมัครรับเลือก และรับเลือกตั้งหรือเป็นผู้ได้รับเลือก ให้คณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ"


ทั้งนี้ ทนายรัชพล ระบุว่า คาดหวังว่า กกต.จะนำพิจารณา ส่วนจะนำเกินการตามหรือไม่อาจก้าวล่วงได้ เพราะตนทำในนามประชาชนพลเมืองดี ที่อยากเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับประเทศไทย ไม่ว่าใครก็ตาม


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/r3h4G1OEb9E

คุณอาจสนใจ

Related News