เลือกตั้งและการเมือง

'ชลน่าน' ซัดกลับ 'สนธิญา' ร้อง กกต.ปมเงินดิจิทัล - 'ศิธา' โพสต์เดือด 'คนถือปืน' ไม่ถูกตรวจสอบ

โดย nattachat_c

8 มิ.ย. 2566

30 views

วานนี้ (7 มิ.ย. 66) ที่สำนักงาน กกต. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย


เนื่องจาก ประกาศชะลอนโยบาย 10,000 บาท ที่จะแจกประชาชน ทั้งที่ได้ประกาศหาเสียงไว้ก่อนเลือกตั้ง อีกทั้ง กกต. ประกาศรับรองนโยบายดังกล่าวแล้ว และยังปัดตกไม่รับคำร้อง ที่มีการร้องว่า นโยบายดังกล่าวไม่สามารถทำได้ ซึ่งผ่านมาเพียง 2-3 วัน หลังจากนั้น รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก็มีการแถลงชะลอนโยบายออกไป โดยไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน


ดังนั้น จึงมาร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า พรรคเพื่อไทยเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เพราะขณะนี้ กกต. ยังไม่ประกาศรับรองผลเลย แต่พรรคเพื่อไทยประกาศชะลอนโยบายแล้ว


ซึ่งเรื่องนี้มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 258 ว่า การที่พรรคการเมืองจะประกาศนโยบายอย่างหนึ่งอย่างใด ต้องมีการศึกษาว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ เอางบประมาณมาจากไหน


จึงขอตั้งคำถามว่า การประกาศนโยบายนี้ พรรคเพื่อไทยได้มีการศึกษาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่ เพราะสิ่งที่ประกาศออกมา ส่งผลให้ประชาชนที่อยากได้เงิน 10,000 บาท ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ออกไปเลือกพรรคเพื่อไทย แต่กลับทำไม่ได้


ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบกับประชาชนอย่างไร เปรียบเป็นการหลอกลวงประชาชน ตามกฏหมายเลือกตั้งหรือไม่ เป็นการประกาศให้ประชาชนเลือกแต่ทำไม่ได้ การมาอ้างว่า ระบบดิจิทัลในประเทศไทย ไม่สามารถดำเนินการได้ทั่วถึง จึงต้องตั้งคำถามว่า ถ้าทำไม่ได้แล้วประกาศได้อย่างไร และ กกต. รับรองนโยบายดังกล่าวได้อย่างไร เป็นการปาหี่กันหรือไม่


“การทำแบบนี้ ทำให้ประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ได้เงิน 10,000 บาท ผิดหวัง รวมทั้งผมด้วยที่ไม่ได้ตังค์ ดังนั้น การประกาศนโยบายอย่างนี้แล้วทำไม่ได้ จะประกาศไปเพื่ออะไร” นายสนธิญา กล่าว


จึงขอให้ กกต. พิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทยด้วย

--------------

วานนี้ (7 มิ.ย. 66) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสนธิญา สวัสดี  ยื่นร้องยุบพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยหลอกลวงประชาชน จากการชะลอนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อเปิดทางให้พรรคก้าวไกลดำเนินนโยบายก่อน ว่า


ขอบคุณนายสนธิญา ในการตรวจสอบนโยบายพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังทำให้นโยบายของพรรคเพื่อไทย ยังได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก แต่พรรคเพื่อไทยไม่หวั่นเกรง หรือวิตกกังวลต่อคำร้อง เพราะข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะพรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องชะลอนโยบาย เพื่อให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่ง จึงจำเป็นต้องชะลอนโยบายของพรรคเพื่อไทยไปก่อน จึงมั่นใจว่า ไม่เข้าข่ายตามคำร้องว่า พรรคเพื่อไทยหลอกลวงประชาชน


ทั้งนี้ หากนายสนธิญาศึกษาประเด็นการทำนโยบายอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ เชื่อว่าจะไม่ร้องในประเด็นนี้ เพราะจะทำให้อับอาย การไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง แล้วไปร้องเป็นประเด็นสาธารณะ จะทำให้สังคมเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะประเด็นที่แหลมคม ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลด้วย และย้ำว่า หากนายสนธิญาเข้าใจ จะไม่ร้องเรื่องนี้


นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในข้อกฎหมายนี้ มีมาตรา 101 ของพระราชบัญญัติประกอบพรรคการเมืองคุ้มครอง หากผู้ใดร้องเท็จ พรรคการเมืองสามารถร้องเอาผิดกับคนที่จงใจกลั่นแกล้งให้พรรคเสียหายได้ มีโทษตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท


ซึ่งจะให้ฝ่ายกฎหมายดูในรายละเอียด เพราะพรรคเพื่อไทยเคยฟ้องกลับ กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องเรียนเรื่องค่าแรง 600 บาท มาแล้ว

------------

วานนี้ (7 มิ.ย. 66) ที่สำนักงาน กกต. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เดินทางมายื่นคำร้องขอให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล 


นายสนธิญา กล่าวว่า ได้ ขอให้ กกต. ตรวจสอบ ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล กระทำผิดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่ กรณีถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน เพราะมีข้อบังคับพรรคกำหนดห้ามไว้ชัดเจน จึงขอให้ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายพิธายังเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ซึ่งหากนายพิธาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่ต้น  และไปลงสมัครรับเลือกตั้งร วมถึงเซ็นรับรองผู้สมัครของพรรค จึงเป็นการเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค

------------

วานนี้ (7 มิ.ย. 66) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงคำร้องให้ตรวจสอบถือหุ้นบริษัท ITV จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า


ขณะนี้ ต้องรอให้ กกต.วินิจฉัยอย่างเดียว ตนไม่มีหลักฐานมายื่นต่อ กกต.เพิ่มเติม เพราะเห็นว่า หลักฐานของตนเอง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ รวมถึงนายสนธิญา สวัสดี ก็น่าจะเพียงพอแล้ว


ซึ่ง กกต.ไม่จำเป็นต้องเร่งพิจารณา ก็ทำไปตามระเบียบของ กกต. และไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นข้อกังวล หลักฐานทุกอย่างครบถ้วนหมดแล้ว แต่เนื่องจากว่า เป็นกรณีที่สนใจของประชาชน กกต.จะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการวินิจฉัยมากกว่า


เมื่อถามว่า ล่าสุด นายพิธาได้ทำการโอนหุ้นดังกล่าวให้กับทายาทแล้ว และบอกว่ายังมีคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น

นายศรีสุวรรณ มองว่า ประเด็นปัญหาคือ นายพิธาโอนหุ้นเมื่อไหร่ หากโอนหุ้นก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ก็ไม่มีความผิด ถ้าโอนหุ้นหลังการรับสมัครเลือกตั้งก็ถือว่าความผิดสำเร็จไปแล้ว ซึ่ง กกต. คงมีหนังสือไปถามสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศว่า โอนหุ้นไปเมื่อไหร่


“ประเด็นปัญหาคือ คุณพิธาโอนหุ้นวันที่เท่าไหร่ ถ้าโอนหุ้นก่อนสมัครรับเลือกตั้ง ก็เข้าข่ายไม่มีความผิด ถ้าโอนหลังหลังสมัครรับเลือกตั้ง เช่น มาโอนวันนี้ พรุ่งนี้ ความผิดมันก็สำเร็จแล้ว ขึ้นอยู่กับว่า เขาโอนหุ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เราไม่รู้ ต้องไปดู”


ส่วนกรณีที่ กกต.ขอให้พรรคก้าวไกลชี้แจงภาพประชาสัมพันธ์ที่มีการ์ตูนซีรีส์ปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกล ที่ปรากฏสัญลักษณ์ 'ค้อนเคียว' หลังมีผู้ร้องว่า อาจเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองนั้น นายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวตนเองไม่ได้เป็นผู้ร้องต่อ กกต. แต่อาจเป็นเรื่องที่ กกต.เห็นด้วยตัวเอง และหยิบยกขึ้นมาพิจารณาหาข้อเท็จจริง

------------

นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า


"บ้านเมืองนี้มันสิ้นคิดกันถึงขนาดให้นักร้องเรียนอาชีพ มาเป็นคนชี้นำว่าอะไรผิดอะไรถูกกันแล้วหรือ บัดซบจริงๆ"


"ตอบโจทย์ TPBS รับลูกฝ่ายอำนาจนิยมเต็มที่ ลงทุนเอานักร้องอาชีพมาออกรายการเพื่อล้มประชามติของปชช.ให้จงได้"


"TPBS ใช่สถานีโทรทัศน์เพื่อประโยชน์สาธารณของปชช.ในระบอบปชต.หรือเป็นเพียงกระบอกเสียงของอำนาจนิยมเท่านั้น"

------------

วานนี้ (7 มิ.ย. 66) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึง ความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีถือหุ้นไอทีวี


หลังมีการรายงานว่า สำนักงาน กกต. ได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุม คณะกรรมการ กกต. พิจารณา แล้ววันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา


โดย ประธาน กกต.ระบุว่า กรณีนี้เป็นเรื่องที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบกรณีการขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง


ดังนั้น กกต. จึงมีหน้าที่ตามกฎหมายในการตรวจสอบ กรณีมีคำร้องหรือเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฎว่ามีการกระทำใดอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง


ยืนยันว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับคำร้องไว้ดำเนินการตามระเบียบหรือไม่เท่านั้น


กกต. ยังไม่ได้พิจารณาว่า กรณีมีมูล จึงได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนหรือไม่ แต่อย่างใด

------------

น.ต.ศิธา ทิวารี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า


คนถือหุ้น vs. คนถือปืน


นายพิธา คนธรรมดาเต็มขั้น ประชาชนอุตส่าห์เลือกมา ให้เป็นว่าที่นายกฯ :==>  “ถือหุ้น” ITV 0.0035% ถูกตรวจสอบจะเป็นจะตาย กลัวครอบงำสื่อ กลัวประชาธิปไตยไม่เป็นธรรม กลัวได้เปรียบเลือกตั้ง


พลเอกประยุทธ ผบ.ทบ. อำนาจล้นฟ้า ตัวเองอยากเป็นนายกฯ :=> (สั่งลูกน้อง) “ถือปืน” ขับรถถัง ออกมายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายประชาธิปไตย ไม่ถูกตรวจสอบ เพราะตั้งองค์กรอิสระเอง และออกกฎหมายอภัยโทษตัวเองเรียบร้อย


อยู่มา 9 ปี ยังทำทุกวิถีทาง เพื่อ #สืบทอดอำนาจ สืบแล้ว สืบอยู่ สืบต่อ


#หลักการ ใดๆไม่ต้องพูดถึง สู้กันด้วย #หลักกู & #นิติสงคราม ผ่าน #ProxyWarfare สงครามตัวแทน


การเมืองแบบนี้ #ประเทศกูมี #ThailandOnly ที่เดียวในโลกเท่านั้น

------------



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/8QJNtw1k4CE

คุณอาจสนใจ

Related News