เลือกตั้งและการเมือง
ชกได้ผมชกแล้ว! สรุปปมเดือด 'ชลน่าน' vs 'ศิธา' ด้าน 'ศิธา' ลั่นยินดีลาออก หากการตั้ง รบ.ติดขัดเพราะผม
โดย nattachat_c
25 พ.ค. 2566
1.1K views
จากกรณี วันที่ 22 พ.ค. 66 ซึ่งเป็นวันลงนาม MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ที่นำโดยพรรคก้าวไกล ซึ่ง น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย ได้ถามแกนนำพรรคร่วม ภายหลังลงนามในเอ็มโอยู โดยระบุว่า อยากเห็นเอ็มโอยูแอดวานซ์ ให้ 8 พรรค สัญญาจะจับมือกันต่อไป แม้ตั้งรัฐบาลไม่ได้ หรือเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน
ทำให้ วันที่ 23 พ.ค. 66 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงความคิดเห็นผ่านรายการ 'อยากมีเรื่องคุย' ทางข่าวสดออนไลน์ ถึงกรณีดังกล่าว ว่า
"จริงๆ แล้ว น.ต.ศิธา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคร่วม ตนไม่สบายใจเท่าไหร่สำหรับคำถามของน.ต.ศิธา เพราะไม่ได้เป็นสื่อ แต่ไปคาดคั้นอย่างนี้ อีกทั้ง ตัวเองเป็นพรรคร่วม ตนคิดว่าเสียมารยาทอย่างยิ่ง ฝากคุณหญิงสุดารัตน์ด้วย"
ต่อมา น.ต.ศิธา ทิวารี ออกมาโพสต์ตอบโต้ นพ.ชลน่าน โดยระบุว่า
ตามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาฝากถึงผมในมุมของการเสียมารยาทนั้น ขออนุญาตชี้แจง ดังนี้
เมื่อวานนี้ ในการแถลงข่าวเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ผมได้ตั้งคำถามไปยัง 8 พรรคการเมือง ว่า “ท่านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าท่านจะยืนตัวตรง สู้กับกลไกที่เผด็จการฝังไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปีแรกของ รธน.60 โดยกำหนดให้ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ ด้วยการเซ็น #AdvanceMOU อีก 1 ฉบับ ระบุว่าท่านจะทำงานร่วมกัน ตามฉันทานุมัติของประชาชน ที่มีให้กับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย (หรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม) ไม่ว่าท่านจะเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้านร่วมกันก็ตาม” ได้หรือไม่
เนื่องจากการแถลงข่าวยืดเยื้อเกินเวลา ผมจึงบอกว่า “จะตอบทั้ง 8พรรค” หรือ “จะตอบเฉพาะ 2พรรคใหญ่” คือ ก้าวไกล และ เพื่อไทย เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ได้
คุณพิธา ได้กดไมค์ตอบผมทันที ว่าเป็นไปได้ที่จะลงนามใน Advance MOU ร่วมกับในอนาคตอันใกล้ ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบคำถามผม แต่ได้ตอบคำถาม ที่นักข่าวฝากให้ผมถามให้ ผมจึงได้ย้ำคำถามไปอีกครั้ง ผมก็ได้รับคำตอบจากคุณพิธาคนเดียว ส่วนคุณหมอชลน่าน ไม่ตอบเช่นเดิม
เมื่อถึงจุดนี้ผมพอจะเข้าใจว่า คำถามของผม คุณหมอชลน่านไม่ได้ลืมที่จะตอบ แต่อาจเป็นคำถามที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอึดอัดที่จะตอบ ผมจึงยุติการตั้งคำถาม หลังจากแถลงข่าวเสร็จ เราก็ไปนั่งทานข้าว และพูดคุยชนแก้วกันอย่างชื่นมื่น โดยที่คุณหมอก็พูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ได้มีการคาดคั้น หรือชี้แจง จากทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด
ผมไม่ทราบว่า หลังจากนั้น คุณหมอโดนใครตำหนิ หรือไปรับบรีฟจากใครมา อยู่ๆวันนี้จึงงัวเงีย ออกมาพูดกับสาธารณชนว่า เป็นการเสียมารยาท และฝากหัวหน้าพรรคฯมาอบรมผม ด้วย
โดยในมุมมองผมนั้น ทั้งตามมารยาทที่คุณหมอหยิบยกมาอ้าง และเนื่องจากที่เป็นลูกผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นั้น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราก็ควรจะพูดคุยด้วยอารมณ์และความรู้สึก และ Messages เดียวกัน ไม่ใช่ดื่มกิน ชื่นมื่นกันเป็นชั่วโมง แต่พอวันรุ่งขึ้นกลับตาลปัด มาพูดถึงกันในเชิงลบ ผ่านสื่อมวลชนเช่นนี้
สำหรับผมการที่พรรคการเมืองจะออกมายืนยัน เพื่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนนั้น มันยิ่งใหญ่กว่าการเสียมารยาทของผมเพียงแค่คนเดียวมากนัก ดังนั้นการที่ผมจะเอาตัวเองเข้าแลก เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เช่นนี้ ผมไม่ได้กังวลต่อคำสบประมาท ว่าเป็นการเสียมารยาท แต่อย่างใด
และต่อมา โพสต์อีกว่า
ถ้าจะให้พูดให้เคลียร์คัท “ผมไม่ได้กลัวการเสียมารยาท มากไปกว่า กลัวการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ” เลย
ส่วนในมุมการรักษามารยาท ที่คุณหมอกำหนดบรรทัดฐานมานั้น เมื่อทราบความอึดอัดของหมอชลน่านเช่นนี้ ผมก็คงไม่ไปถามอะไรถึงเรื่องนี้อีก ในทำนองเดียวกัน หากหลังจากนี้มีประชาชนผู้ลงคะแนน ให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมร่วม 25ล้านคน หรือสื่อมวลชนทั่วไป จะมีใครไปถามหมอแทนประชาชน ถึงจุดยืน Advance MOU นี้อีก
ผมก็หวังว่า ท่านหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะรักษามารยาท ด้วยการตอบคำถามต่อพี่น้องประชาชนด้วยครับ”
-------------
วานนี้ (24 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก "ไม่ได้กลัวเสียมารยาท ไปกว่าการสืบทอดอำนาจเผด็จการ" ว่า
กล่าวว่า ถ้าเจตนารมณ์ของ น.ต.ศิธา เป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนตัวไม่ได้โกรธแค้นอะไร วันที่เราแถลงข่าว ตนก็พยายามจะไม่ตอบโต้อะไรมากมาย เพียงแต่บอกว่า “คุณศิธา ควรจะมานั่งตอบบนเวทีไม่ควรจะไปนั่งถามอยู่ข้างล่าง” ซึ่งคำพูดแค่นี้ก็ถือว่าแรงแล้ว
“สิ่งที่ทำให้ผมต้องตำหนิต่อหน้า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เพราะน้องพิธีกรในรายการถาม ผมจึงต้องเปิดใจที่จะพูดเรื่องนี้ว่า มันดูไม่เหมาะสม ไม่มีมารยาท เพราะคุณศิธาเป็นคนที่นั่งอยู่ในวงยกร่าง MOU ด้วยกัน เป็นคณะทำงานของพรรคไทยสร้างไทย นั่งปรึกษาหารือ ดูร่าง MOU ด้วยกัน และเขาเองมีส่วนเสนอเยอะมากในการแก้ไขปรับปรุงทั้งหมด แม้แต่ประโยคแรกที่ท่านเห็นใน MOU ก็เป็นคุณศิธานั่นแหละที่เสนอ
ดังนั้น อะไรที่อยู่ในวงที่เราปรึกษาหารือกัน ไม่ควรจะพูด เพราะคุณเป็นคนใน ถ้าเป็นประชาชนถาม หรือสื่อมวลชนถาม ผมจะขอบคุณมาก และยินดีที่จะตอบ แต่การที่คนในมานั่งตั้งคำถามแบบนี้ มันก็ยากที่จะประเมินวัตถุประสงค์ และผมโดนเรื่องนี้มาหลายครั้ง”
"ส่วนตัวไม่ได้อะไรมาก เพียงแค่ต้องการให้มีมารยาทต่อกัน ถ้าเขาเป็นแค่สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย หรือเป็นคนนอก จะไม่ตำหนิเลย เพราะมีสิทธิ์ที่จะถาม แต่นี่เป็นคนยกร่าง MOU ด้วยกัน แล้วไปออกรูปแบบนั้น มันคืออะไร และคำถามที่ น.ต.ศิธา ตั้ง ไม่ได้ออกไปในทางบวก ทั้งที่เรากำลังมุ่งมั่นจัดตั้งรัฐบาล"
"สิ่งที่ตนไม่สบายใจมากที่สุดคือ การไปโพสต์ในทำนองว่าตนพูดลับหลัง นั่งกินด้วยกัน ดื่มด้วยกัน ทำไมถึงไม่พูดด้วยความสัจจริง เขาจัดงานเลี้ยงแบบเป็นทางการ มีการนั่งตามลำดับ ตนนั่งข้างซ้ายของนายพิธา ส่วน น.ต.ศิธา นั่งห่างไปประมาณ 5-6 เก้าอี้ แม้กระทั่งลงมาแล้ว ตนก็ยังพูดกับ น.ต.ศิธา ว่า เรื่องนี้ไม่ควรพูด ไม่ควรถาม ส่วนตัวไม่ได้ยึดติด"
“ก่อนจะทางเดินกลับ ผมเจอเขา ผมยังไปตบไหล่ให้กำลังใจ เพราะรู้สึกว่าเราตำหนิน้องมากเกินไปหรือเปล่า แต่การที่มาใส่ร้ายว่า ผมถูกรับบรีฟมาหรือเปล่า อันนี้ใส่ร้ายเลยนะครับ ถ้าแบบนี้ ผมคิดว่าผมทำงานลำบาก ผมทำงานกับคุณศิธาลำบากมากถ้าเป็นแบบนี้ คือคุณต้องพูดความจริง เราเป็นนักการเมือง เราเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน ถ้าคุณศิธามีพฤติกรรมแบบนี้ ผมว่าการทำงานกับผมลำบาก ผมเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผมว่าผมทำงานลำบากกับคุณศิธา”
เมื่อถามว่าหลักจากนี้ต้องเคลียร์ใจกันหรือไม่
นพ.ชลน่าน ระบุว่า ไม่ต้อง เพราะเมื่อวันที่ตกยกประเด็นขึ้นมา คุณหญิงสุดารัตน์ก็พูดดี และเล่าในมุมของตัวเองว่า น.ต.ศิธามีความจริงใจ และก็ขอโทษกันแล้ว ถือว่าจบ
แต่พอ น.ต.ศิธาไปเล่นมุมที่ขยายต่อ ตนว่า มันไม่แฟร์กับตน เพราะเป็นการกล่าวหาว่า ตนไปรับบรีฟ เหมือนกล่าวหาพรรคเพื่อไทยด้วย ถ้าไม่หยุด ตนก็ต้องเล่นต่อ แต่จะขอแค่ชี้แจงขอเท็จจริง แต่ที่เขาบอกว่า ไปดื่มกินชนแก้วอะไรนั้น ไม่มี เพราะตนเลิกดื่มไปเป็นปีแล้ว
นพ.ชลน่าน ยังย้ำว่า ตนพร้อมให้อภัยทุกคนอยู่แล้ว ขอโทษกันมันก็จบ อย่าไปสร้างเรื่องเลย เพราะมันจะหมายถึงการทำงานร่วมกันแบบไม่ราบรื่น เรื่องเล็กอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่
-------------
จากกรณีที่กลายเป็นวิวาทะเดือดระหว่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย หลังจาก น.ต.ศิธา จับไมค์ถามปม Advance MOU ถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน มองว่าเสียมารยาทพร้อมกับยอมรับว่า ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับ น.ต.ศิธา
วานนี้ (24 พ.ค. 66) มีแฟนข่าวจากเพจ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว’ ได้เข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยมีความเห็นต่างออกไป ระบุว่า “คนที่เสียมารยาททางการเมืองที่สุด ไม่ใช่ชลน่าน หรือศิธา แต่คือสุดารัตน์
จุดยืนก่อนเลือกตั้ง: 2 พ.ค. 66 Live กรรมกรข่าวเปิดอกคุย “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” รับฟัง มีอะไรที่ควรที่จะต้องปรับปรุงหรือแก้ไข ต้อง ฟังเหตุผล แยกหมวด degree ความรุนแรงของ โทษออกจากกัน
จุดยืนหลังเลือกตั้ง: 22 พ.ค. 66 ในช่วงการตอบ คำถามสื่อหลังประกาศ MOU พูดว่า มาตรา 112 เราไม่แก้”
-------------
วานนี้ (24 พ.ค. 66) ช่วงเช้า น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า
“MOU = เปิดตัวเป็นแฟนกัน
#AdvanceMOU = จัดงานหมั้น
ร่วมรัฐบาล = แต่งงานกันเป็นครอบครัว
ผมก็เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนทั่วไปครับ เราทนทุกข์กับการบริหารประเทศแบบลุงๆมา 9 ปี เมื่อมีโอกาส ก็อยากจะเชียร์ให้ประเทศไทยของเรา จัดตั้งรัฐบาลที่เป็น #ครอบครัวประชาธิปไตย ที่สง่างามให้ได้ โดยหลายคนมองว่า 8 พรรคนี้เหมาะสม และลงตัวที่สุด หากคำถามของผมมันล้ำหน้า (Advance) มากเกินไป จนทำให้ไม่สบายใจ ผมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คนรักกัน เป็นแฟนกันแล้ว / คิดเกินเลยไป ก็ต้องถอยหลัง / ผิดพลั้งไป ก็ต้องขอโทษ / ต่อไปนี้ ไม่ล้ำเส้น ไม่เร่ง ไม่บีบคั้น / เรามาเดินหน้าต่อแบบพอดีๆ / ไปด้วยกันครับ #MOU8พรรคร่วมรัฐบาล”
-------------
วานนี้ (24 พ.ค. 66) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ออกมาโพสต์ขอโทษที่กล่าวหารับบรีฟ โดยยืนยันว่า ไม่ได้ถือโทษโกรธ แต่อยากให้ทุกอย่างอยู่ในร่องในรอยในกรอบ ถ้าขอโทษก็ยินดีรับ
ซึ่งในวันแถลงข่าวลงนาม MOU ตนก็บอก น.ต.ศิธาว่า จะทำตัวเป็นสื่อ หรือจะทำตัวเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งที่ก็เป็นคนร่วมพิจารณาร่าง MOU อยู่ด้วย คำพูดนี้ ถือว่าแรง ทุกคนได้ยิน และที่สำคัญ การไปเขียนต่อเติมเสริมแต่งว่า มีการดื่มสังสรรค์ชนแก้ว มีการพูดคุย จนไปกล่าวหาว่า ตนไปรับบรีฟ อันนี้เสียหายมาก ถ้าจะขอโทษ ต้องขอโทษตรงนี้ด้วย
ยืนยันว่า ไม่ได้โกรธ แต่เราเองกำลังจะทำภารกิจสำคัญที่สุด คือจัดตั้งรัฐบาล MOU ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายมองว่า ต้องทำ ดังนั้น การจับมือครั้งนี้ คือการมัดกันแน่นอยู่แล้ว ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยพูดตลอดว่า เรายอมรับมติมหาชน การที่จะไม่จับมือกัน มันเป็นไปไม่ได้ ยินดี หากเขาขอโทษ เราก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเพราะว่าต้องการที่จะทำให้เป้าหมายของเราประสบความสำเร็จ
“ถ้ายังมีเงื่อนงำ หรือเงื่อนไขอยู่ ผมก็ประกาศว่า ผมไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับคุณศิธา ผมพูดตรงๆว่า ผมไม่สบายใจกับเรื่องนี้ ยกเว้นแกนหลัก(พรรคก้าวไกล) เขาบอก พรรคของคุณศิธา(พรรคไทยสร้างไทย) 6 เสียงมีความสำคัญ ผมก็ต้องมานั่งดูตัวเอง ว่า ผมสำคัญหรือเปล่า”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากลงจากเวทีแถลง นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งว่า ไม่สบายใจ ถ้าพรรคแกนนำไม่จัดการเรื่องนี้ คุณต้องไม่จัดการพรรคร่วมของคุณให้อยู่ในร่องในรอย ถ้าเห็นเขาสำคัญ แล้วเห็นตนไม่สำคัญ ก็คงต้องย้อนถามกัน นี่คือสิ่งที่ตนพยายามจะสื่อสาร
เมื่อถามว่า หมายถึงจะต้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งใช่หรือไม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเป้าหมายหลักของเราคือการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรมาเป็นประเด็น ถ้าเขาสำนึกได้ เขาขอโทษก็จบ และมันเป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลที่ต้องมาเคลียร์เรื่องนี้
“ถ้ายังปล่อยให้เรื่องราวเป็นประเด็นแบบนี้ MOU ที่เราเขียนว่า ทุกพรรคต้องมีความจริงใจต่อกัน ต้องให้เกียรติกัน เขียนไว้แล้วเพิ่งลงนาม แต่เพียงชั่วข้ามคืน มันก็ไม่เกินขึ้นแล้ว มันยากหรือไม่ล่ะกับการทำงาน”
เมื่อถามว่า ก้าวไกลต้องพูดคุยเรื่องนี้ให้จบเมื่อไหร่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดเวลา ตนเป็นผู้ใหญ่พอ ไม่ได้โกรธเคืองอะไร และเมื่อวานนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ก็ขอโทษ ก็จบแล้ว ตนไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว แต่ปรากฎว่า น.ต.ศิธา ไปโพสต์ขยายความว่า ตนถูกบรีฟ ถูกกดดัน นั่งกินเหล้าด้วยกัน นั่งสังสรรค์กัน นี่คือสิ่งที่ตนไม่พอใจ แต่ถ้าวันนี้ เขาขอโทษมาก็ไม่ติดใจ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ก็สำนึกบ้างว่า เราทำอะไรไปบนพื้นฐานอะไร คือ มันไม่ได้เกิดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เราก็เลยอ่านเจตนาเขาออกว่า เขาต้องการอะไร ผมไม่ทราบว่า เขาต้องการอะไร แต่การแสดงออกแบบนั้น ทำตัวว่าเป็นผู้แทนของประชาชนมาบอกว่า ต้องการให้กำจัดเผด็จการด้วยการผูกมัดกัน มัดกันเป็นฝ่ายค้าน
ผมก็บอกว่า มันเป็นเรื่องไร้สาระนะ เสียงข้างมากขนาดนี้ จะไปมัดกันเป็นฝ่ายค้านทำไม ทำไมไม่มัดกันเป็นรัฐบาลล่ะ คือคำถามมันก็ไม่ใช่แล้ว สถานะมันก็ไม่ใช่ ยอมรับจริงๆวันนั้นผมมีอารมณ์ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ ลงมาก็เพียงแต่ชี้หน้าเขา คุณทำตัวให้ถูก คุณว่า คุณจะเป็นสื่อ หรือเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เอาให้แน่ ผมตำหนิเขาเลยนะ และไปกล่าวหาว่า โดนกดดันโดนบรีฟ ผมยิ่งโกรธใหญ่เลย มันหมายถึงว่า ดูหมิ่น ด้อยค่า ทั้งตัวผม และพรรคผมด้วย เจตนามันบ่มว่า เขาทำอะไร เพื่ออะไร แต่ถ้าเขาขอโทษ ผมจบนะ ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เข็มมุ่งเราคือจัดตั้งรัฐบาล”
เมื่อถามว่า น.ต.ศิธาต้องขอโทษในรูปแบบใด
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แบบใดก็ได้ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาสำนึก
เมื่อถามว่า จะเป็นปมร้อนให้เพื่อไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็ฝากพรรคแกนนำ อย่าให้เรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาบั่นทอนการทำงานร่วมกันของเรา แต่ถ้าเห็น 6 เสียงมากกว่า 141 เสียง ตนก็ยอม ส่วนแนวทางก็แค่อยากให้พูดคุยกันกับ น.ต.ศิธาว่า ขอเถอะ กำลังจับมือจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่ช่วยกันได้ ก็ควรช่วยกันทำ จะไปสร้างฉากสร้างซีนอะไร ก็ไปทำทีหลัง ให้เรื่องนี้จบก่อนตนว่าพูดแค่นี้มันน่าจะจบ
เมื่อถามว่า ถึงขั้นต้องลดบทบาท น.ต.ศิธา หรือไม่
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของพรรคแกนนำ แต่ตนก็จะบอกชัดเจนว่า พูดตรงนี้ให้จบนะ อย่าไปขยายความข้างนอก จะได้มีข้อตกลงชัดเจนว่าเราพูดกันแล้ว
ส่วนจะไม่ให้ น.ต.ศิธา ไม่รับตำแหน่งใด ๆ ในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
นพ.ชลน่าน ระบุว่าไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคแกนนำ เพราะตนไม่มีอำนาจพอที่จะไปชี้เอานั่นไม่เอานั่น เพียงแต่ขอให้เกียรติกันเท่านั้นก็พอ ตนไม่ติดใจจะเป็นรัฐมนตรีหรือเป็นอะไรก็เรื่องของเขา แต่ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ทำงานร่วมกันยาก
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเดินออกจากห้องสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่า “ทำไมวันนี้เดือดจัง” นพ.ชลน่าน สวนกลับมาทันทีว่า “ถ้าชกได้ ผมชกแล้ว”
------------
วานนี้ (24 พ.ค. 66) น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความเป็นเนื้อเพลง ระบุว่า
“อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ ว่าอะไรสำคัญไปกว่าแค่รักกัน อีกหน่อยซึ่งคงไม่นาน ถึงวันนั้นแล้วเธอจะเข้าใจ”
ซึ่ง น.ต.ศิธา บอกว่า เนื้อเพลงนี้ที่โพสต์ไปเพราะว่า ก่อนหน้านี้ตนโพสต์เรื่องซีเรียส มันเครียด
ต่อมา ‘ศิธา ทิวารี’ ทวีตข้อความ ระบุว่า
“พรรคไทยสร้างไทย พูดชัดเจนมาโดยตลอดว่า เรายินดียกมือสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล ได้จับมือกันตั้งรัฐบาล ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล หากต้องการเสียงของไทยสร้างไทยเข้าร่วมรัฐบาล แต่ติดขัดที่ตัวผม ผมยินดีลาออกจากพรรคให้ทันที ยืนยันว่า เราไม่ใช่เงื่อนไข ที่จะทำให้ ปชต.ต้องหยุดชะงัก ครับ”
------------
วานนี้ (24 พ.ค.66) ทีมข่าวได้คุยกับ น.ต.ศิธา ถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ถ้าหากพรรคก้าวไกลยืนยันว่า 6 เสียงของไทยสร้างไทยยังสำคัญ นพ.ชลน่าน บอกว่าจะ ย้อนดูตัวเองว่าสำคัญหรือไม่
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ไม่ต้องเลือกเลยระหว่าง 6 เสียงกับ 141 เสียง เพราะว่าเรายินดีเป็นฝ่ายค้าน และจะยกมือโหวตให้ด้วย แล้วระบุด้วยว่านายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดนนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล หรือจะเป็น 3 คนจากเพื่อไทยเป็นนายกฯจัดตั้งรัฐบาล เราจะไม่เอาเงื่อนไขการเป็นรัฐบาลมาต่อรอง
แต่ถ้าบอกว่าจำเป็นต้องเอาพรรคไทยสร้างไทยเข้าร่วม แต่ไม่พอใจ น.ต.ศิธา ตนพร้อมถอยให้เลยไม่ต้องมาสืบสาวราวเรื่อง ตนจะลาออกให้ และคุณก็เดินหน้ากันเลย จะได้สบายใจทุกฝ่าย และประชาธิปไตยเดินหน้าได้ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว
เมื่อถามว่าตัว นพ.ชลน่านเอง อยากให้โทษวิธีใดก็ได้แบบมีจิตสำนึก
น.ต.ศิธา ได้กล่าวขอโทษ ถ้าหากตนได้ไปดูถูก นพ.ชลน่าน และพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามย้ำว่า น.พ.ชลน่าน อยากให้ขอโทษปมกล่าวหารับบรีฟ
ประเด็นนี้ น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตอนที่เริ่มจากตอบคำถามเสร็จ วันแถลง MOU ก็เป็นปกติดี ลงมาไม่ได้โกรธอะไรกัน ยังเป็นปกติ และให้กำลังใจ แต่พอผ่านไปอีกวัน ได้มีการพูดว่าตนเสียมารยาท และได้ฝากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ไปอบรมหน่อย แต่ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้มีอะไรขัดแย้ง ไม่ได้มีอคติอะไรต่อกันเลย ซึ่งตนยังเคยพูดด้วยว่าพรรคเพื่อไทย แคนเดตนายกฯ น่าจะมี นพ.ชลน่าน ด้วย
เมื่อถามถึงว่าวานนี้ (24 พ.ค. 66) ท่าทีของ นพ.ชลน่าน ค่อนข้างอารมณ์เดือด ถึงขั้นที่พูดว่า “ชกได้ชกแล้ว”
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ได้คุยกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว เป็นช่วงที่ นพ.ชลน่าน ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วเดินมา ตนมองว่าไม่ได้ถือเป็นสาระเลย เพราะมองว่าไม่ได้เป็นการพูดจริง และยืนยันว่าไม่ได้โกรธ และพูดได้หมดเลยทั้ง “ชกได้ชกไปแล้ว / หรือเตะแม่ง” มองว่าพูดไม่ได้หมด เพราะไม่ได้จ่อไมค์ให้สัมภาษณ์ / ซึ่งหลายคนก็ยืนยันว่า นพ.ชลน่าน พูดเล่นกับนักข่าว แล้วมีการเอาไปลง
ส่วนจะมีการต่อสายตรงเคลียร์ใจกับ นพ.ชลน่านหรือไม่นั้น
น.ต.ศิธา ระบุว่า โทรมาได้เลย ผมยินดี ไม่ได้มีประเด็นอะไร พร้อมกล่าวขอโทษอีกครั้ง / และหากมองว่าขอโทษแบบไม่สำนึก หรือดูถูกเพื่อไทย อันไหนที่เป็นคำพูดที่ดูถูกตนขอโทษและขอถอนคำพูด
ทั้งนี้ น.ต.ศิธา กล่าวว่า สามารถย้อนอ่านโพสต์ดูได้เลยว่าตรงไหนที่ตนไม่มีสำนึก ตนละเอียดแม้กระทั่งโพสต์คำว่า “อย่ามาใช้ตนเป็นข้ออ้างในการที่จะทะเลาะกันเลย เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเถอะ” ตนก็ได้เอาออก เพราะจะกลายเป็นว่าเอามาอ้าง เดี๋ยวมีประเด็นอีก ทั้งหมดทั้งมวลบริสุทธิ์ใจ ขอโทษได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ให้แกนนำอย่างพรรคก้าวไกลมาคุยนั้น
น.ต.ศิธา ระบุว่า อย่างที่ตนบอกจัดตั้งรัฐบาลไปเลย พร้อมโหวตให้อยู่แล้ว พรรคก้าวไกลมาคุยก็ยินดี หรือใครๆ ก็คุยได้ และตัว นพ.ชลน่านเองก็คุยได้
เมื่อถามถึงว่ากรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุดหรือสั่นคลอนหรือไม่
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ตนมองว่าไม่ใช่เหตุการณ์นี้หรอก อย่างที่บอกตั้งแต่แรงอย่างมาพิงตนเลย และถ้าหากย้อนกลับไปดู Digital Footprint ของตนก็โพสต์แม้กระทั่งว่า “รักเพื่อไทยกา 29 / รักก้าวไกลกา 31 ขอบคุณครับ” แล้ว ขึ้นมาอันดับที่ 3 ว่าเปิดรับศิธา กาไทยสร้างไทย เบอร์ 32 หรือรักชอบพรรคไหนในฝ่ายประชาธิปไตยเลือกไปเลย
-------------
น.ต.ศิธา เล่าย้อนถึงเมสเสจที่ตนถามเรื่อง Advance MOU เพราะตนเข้าใจว่าได้จะตอบว่า “โอเค ได้เลย โอเค ได้เลย” ซึ่งได้ฟังจากนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ เคยพูดให้สัมภาษณ์ว่า “จับให้มั่น ยังไงเราก็ไม่ทิ้งก้าวไกล จะไปเป็นฝ่ายค้าน ก็ไปเป็นด้วยกัน เสียงข้างมาก ดูสิจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ยากมากถ้าจะเป็นไอ้เข้ขวางคลองต่อ ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย”
แล้วก็เลือกเลยว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ Day1 เลยหรือไม่ ก็หลุด แต่พอหลุด ส.ว.ก็หนุนอีกแล้วกลับมาใหม่ หรือว่าจะรอไปอีก 1 ปี พอถึงปี แล้วแน่นอนว่า ส.ว.เคลียร์คัท ว่า ส.ว.เลือกนายกฯ เพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ เรามีใจประชาธิปไตยบริสุทธิ์ ก็อย่าไปใช้บริการอันนั้น จะส่งผลให้เกมส์เปลี่ยน เราดึงเกมที่เผด็จการเขียนให้เราเล่นอยู่บนแพลตฟอร์มที่โหวตได้ 250 เสียง คือ ครึ่งหนึ่งของ ส.ส. ให้ทิ้งไปเลย เพราะว่ามี 300 เสียง ฉันไม่ฟัง ถ้าไม่โหวตตามเสียงประชาชน ก็จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไป เราเป็นฝ่ายค้านก็ได้ ซึ่งอีกฝ่ายก็จะได้เสียงจาก ส.ว. มา และต้องการอีกร้อยกว่าเสียง ก็เพียงพอในการจัดตั้ง แต่ว่าไม่สามารถไปได้ เพราะรัฐสภาโหวตด้วยเสียง 500 เสียง เป็นกลไกประชาธิปไตยปกติ แต่การเลือกนายกฯ ไม่ปกติ ถ้าทำแบบนี้ก็กัดฟันอีก 1 ปี ให้ประเทศชลอ แล้วพลิกเกมส์กลายเป็นว่าฝ่ายประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกมา 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ กลายเป็นต่อ เราก็ยืนนิ่งๆ ไว้
จากนั้น ตนถึงเปรียบเทียบว่าเป็นแฟน หมั้น และแต่งงาน ถ้าเราหมั้นไป คนที่ใส่แหวนหมั้นแล้วคนก็จะจีบน้อยลง หรือไปจีบคนอื่น หรือใช้วิธีอื่น ประชาธิปไตยก็สง่างามเพราะดีขึ้น แต่ถ้ามองว่าเสียมารยาทตนก็ขอโทษอีกครั้ง
ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่า ตนพร้อมถอยให้ หากติดขัด ขอแค่ประชาธิปไตยเดินหน้า อยู่บ้าน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ขอแค่ก้าวไกลหรือเพื่อไทยเป็นนายกฯ ตนมีความสุขเพราะเป็นกลิ่นของความเจริญ
แต่ถ้าหากไม่ติดขัดตนก็พร้อมเดินหน้าจับมือตัดตั้งรัฐบาลไปด้วยกัน และอยากให้ประชาชนเชื่อมั่นได้เลยว่าไม่ได้ขัดแย้งกันแต่อย่างใด คะแนนไม่ได้ก็โยนให้ทุกคนจนเขาเรียกว่า นายแบก / ตัวซัพ สายซัพ ฝ่ายประชาธิปไตย
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ ยังไม่ได้พูดคุยกันโดยตรง เพียงแค่เห็นชี้แจง และขอโทษผ่านรายการๆหนึ่ง ตนก็เข้าใจแล้ว
-------------