เลือกตั้งและการเมือง

'เพื่อไทย' ลุยเชียงใหม่ 'เศรษฐา' ย้อนวันรัฐประหาร - 'ณัฐวุฒิ' ลั่นไปหยิบเสื้อแดงแล้วไล่เผด็จการกัน

โดย nattachat_c

11 พ.ค. 2566

137 views

วานนี้ (10 พ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายก พรรคเพื่อไทย นำทัพพรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัย ที่บริเวณประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียง


นายเศรษฐา พูดคุยเปิดใจ ในลักษณะถามตอบ กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ


นายณัฐวุฒิ ถามถึงความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี

นายเศรษฐา ย้ำว่า ตนมีความพร้อม


นายณัฐวุฒิ ถามว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปีข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

นายเศรษฐา กล่าวว่าว่า หลายปีที่ผ่านมา เหตุการณ์บ้านเมืองไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สิทธิเสรีภาพ ค่าใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้น รายได้ลดลง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ตนตัดสินใจเข้าสู่ถนนการเมือง กับพรรคที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน


ยืนยันว่า ถ้าหากมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า ความยากจนของทุกคนจะหมดไป ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก ค่าไฟฟ้าลดทันที ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญมาเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ สมรสต้องเท่าเทียม เสรีภาพต้องเกิดขึ้น และคนที่ไม่ได้เป็นทหารต้องไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนชังชาติ เพราะทุกอาชีพก็เป็นคนรักชาติได้


นายณัฐวุฒิ ถามถึงการเข้ามาเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ หากมีอะไรเข้ามาโจมตีจะรับมือได้หรือไม่

นายเศรษฐา กล่าวว่า เชื่อว่าประสบการณ์กว่า 30 ปี ในแวดวงธุรกิจจะช่วยได้ วันนี้ ตนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยประชาชน และตนไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมทีมงานพรรคเพื่อไทยที่มีคุณภาพ มีนโยบายที่ดี ชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด และพรรคเพื่อไทยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน


นายเศรษฐายังย้ำว่า ตนมีความพร้อมทุกอย่าง พร้อมและยินดีที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยทำงาน เพราะประชาชนสำคัญที่สุด


“เชื่อว่าเรามีข้าราชการดีๆ เยอะ หากตนเป็นนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่ามีความสามารถโน้วน้าวจิตใจคนดีได้ เพียงเพราะเขาต้องการผู้นำที่มีความสามารถเท่านั้น วันที่ 14 พฤษภาคม เข้าคูหากาเพื่อไทยให้ชนะน็อก”


นายณัฐวุฒิ ถามต่อ ถึงคดีความของนายเศรษฐา ก่อนถามว่ากลัวหรือไม่

นายเศรษฐา ยืนยันไม่กลัว ถ้ากลัวตนไม่มายืนอยู่ตรงนี้ เพราะเป็นนักธุรกิจมีเงิน มีทรัพย์สินแบบสบายๆ ก็ได้ 


ก่อนเล่าถึงประสบการณ์ ที่เคยมีทหารถือปืนข่มขู่ สมัยรัฐประหารปี 2557 คุมคามครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ตนเข้าการเมือง ตนโดนเชิญเข้าไปรายงานตัวที่กรมทหาร มีทหารถือเอ็ม 16 ข้างหลัง ตนจะไป-กลับ ตปท.ก็ต้องขออนุญาต คือทำกับผม ผมไม่ว่า แต่พอผมไปเมืองนอก เค้าเอารถทหารแฮมเมอร์ไปบ้านผม ไปหาแม่ผมที่อายุ 80 กว่า ไปขู่เข็ญแม่ผม ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย  


นายเศรษฐายังเชื่อว่า นางสาวแพทองธารก็ไม่กลัวทหารด้วยเหมือนกัน เพราะนางสาวเเพทองธารเจอมามากกว่าตนเยอะ และเธอก็เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งอย่างมาก


นายณัฐวุฒิ ถามถึง เหตุผลที่พรรคเพื่อไทย ต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆมักจะเสนอแค่คนเดียว

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเสนอชื่อเเคนดิเดตนายกฯ คนเดียวอันตรายมาก เห็นได้จากตอนนี้มีบางพรรคเสนอคนเดียว และก็ถูกร้องเรียนเรื่องถือหุ้นขึ้นมา ถ้าเป็นจริงนั้นก็ยิ่งอันตราย ดังนั้น  หากเราเสนอคนเดียว มันก็เปรียบเหมือนเป็นการชี้เป้าให้คู่แข่งเตะตัดขาเราได้ พร้อมยืนยันทั้ง 3 คน ของเพื่อไทย มีความรักความเชื่อใจต่อกัน และพร้อมที่จะทำหน้าที่นายก

--------------

ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้วิดีโอคอลร่วมปราศรัย โดยกล่าวทักทายเป็นภาษาถื่นคำเมืองว่า 'สวัสดีเจ้า' พร้อมบอกคิดถึงชาวเชียงใหม่ และอยากมาเชียงใหม่ เสียดายไม่ได้ไป แต่ขอส่งใจมาก่อน เพราะวันนี้ไม่ได้ไป


จากนั้น ได้กล่าวย้ำนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ประสบการณ์บริหารประเทศตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชนวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยมาแล้ว เอาความหวังที่ไม่ลมๆ แล้งๆ มาให้ชาวเชียงใหม่ และคนไทยทั้งประเทศ


หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำนโยบายให้สำเร็จ รวมถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกินกิจในเชียงใหม่และปัญหา Pm2.5 ที่ ส.ส.เพื่อไทยเคยเสนอกฎหมายอากาศสะอาด จึงขอประชาชนทุกคนมั่นใจเข้าคูหาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ให้แลนด์สไลด์ที่เชียงใหม่
--------------

นายเศรษฐา กล่าวต่อกับมวลชนชาวเชียงใหม่ ว่า


ถ้าเกิดลองหมุนเวลาย้อนกลับไป ปีที่พรรคพรรคไทยรักไทยชนะอย่างถล่มทลาย ได้นายกที่ชื่อทักษิณ ชิณวัตร ซึ่งเป็นลูกหลานคนเชียงใหม่ ตอนนั้นทุกคนรู้สึกกันอย่างไร เชียงใหม่ยามนั้นเป็นจังหวัดที่มีความหวัง มีนโยบายดีๆ ที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอยู่ดีกินดี สมัยนั้นก็ 20 ปี มาแล้ว เป็นช่วงเวลาที่โหยหาอยากให้กลับมาอีก


แต่กลับกัน 8 ปี ที่ผ่านมา เป็นอย่างไร ตนว่าแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง ทั้งเรื่องสิทธิที่ไม่เท่าเทียมกัน 8 ปี ที่ผ่านมา ตนว่าพอเเล้ว


วันที่ 14 พฤษภาคม เราต้องเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ ตนอยากจะสร้างความหวังขึ้นอีกครั้ง ต้องกาเพื่อไทยให้ได้เสียงส่วนมากในสภา เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อนโยบายที่ดีๆ ที่เคยพูดไว้ จะได้ถูกผลักดันให้ทำได้จริง


ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่โคม่า ซึ่งไม่มีเวลาให้มือใหม่อีกแล้ว ซึ่งการที่เราจะต้องการดูแลกระทรวงหลายๆ กระทรวง เพราะเราต้องการผลักดันนโยบายของเรา และเราต้องการให้พี่น้องชาวเชียงใหม่ยกคะแนนทั้งจังหวัดให้เพื่อไทย 300 บวกๆ เพื่อไม่ต้องพึ่ง 250 เสียง ส.ว. เราจะยืนได้ด้วยตัวเอง


ดังนั้น แค่ 251 เสียง ไม่พอ เราไม่อยากเป็นนายกที่ต้องมาต่อรองผลประโยชน์กับพรรคร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงกับประเทศครั้งยิ่งใหญ่ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความเสมอภาค และส่งต่ออนาคตที่ดีให้กับลูกหลานต่อไป
--------------
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยที่ประตูท่าแพ เชียงใหม่ ว่า


นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนอยากให้กลับบ้านมากที่สุดชื่อ 'ทักษิณ ชินวัตร' แต่ 9 ปี มานี้ ตนพบความจริงอีกอย่างว่า นายกรัฐมนตรีที่ประชาชนอยากให้กลับบ้านมากที่สุดชื่อ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา'


คนอยากให้นายทักษิณกลับมาช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชน ส่วนพลเอกประยุทธ์ไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาตลอดกาล พลเอกประยุทธ์ไปไหนก็พูดทุกเรื่องรู้ทุกอย่าง ประกาศตลอดว่าจะเป็นายกรัฐมนตรี แต่คำเดียวที่พลเอกประยุทธ์ไม่เคยพูดคือประกาศว่า 'จะชนะเลือกตั้ง'


เขากำลังจะสร้างเกมเดิมมาหลอกหลอนอีกแล้วคือ “เลือกความสงบจบที่ลุงตู่ ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่เป็นนายกบ้านเมืองจะวุ่นวายแน่นอน” นี่คือวาทะกรรมจอมปลอม นี่คือข้ออ้างเหลวไหล บ้านเมืองจะสงบได้อย่างไรในเมื่อพรรคคุณยังไม่สงบ ผู้สมัครยังมาทวงเงินอยู่เลย แล้วจะแก้ปัญหาให้คนทั้งประเทศได้อย่างไร


ดังนั้น ถ้าหยุดพลเอกประยุทธ์กับพวก ได้บ้านเมืองไปต่อ ยาวแต่ถ้าหยุดไม่ได้ประเทศไม่มีทางเดินเร็วกว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ การตัดสินใจของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้ และต้องชนะให้เด็ดขาด ซึ่งพรรคที่จะชนะให้เด็ดขาดเกินครึ่งได้คือพรรคเพื่อไทยเท่านั้น


นายณัฐวุฒิ ยังเปรียบการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นมวย ที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องชนะน็อคเท่านั้น หวังชนะคะแนนไม่ได้เพราะนี่คือการเลือกตั้งที่ไม่น่าไว้ใจ ทั้งกติกาที่โคตรเอาเปรียบ ส.ว. ที่จ้องจะโหวตพลเอกประยุทธ์ตลอดเวลา


ขณะที่ กกต.ก็ไม่น่าไว้ใจ เมื่อทั้งกติกาและกรรมการที่ไว้ใจไม่ได้ ต่อให้ชกครบยกไล่ถล่มพลประยุทธ์จนหน้าบวมปูด แต่สุดเขาก็จะยกมือให้เขาชนะอยู่ดี ต้องชนะน็อกให้เด็ดขาดเท่านั้น วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หมดเวลาต๊ะต่อนยอนแล้ว เล็งดีว่ๆ จะหมัดน็อก หรือหมัดให้เขาอยู่นาน


นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงท่าทางดุดันและฮึกเหิม เพื่อสื่อไปถึงคนเสื้อแดงว่า

“นอกจากเสื้อสีแดงของพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังเชื่อว่าคนเชียงใหม่ยังมีเสื้อสีแดงอีกตัว ที่เคยใส่วิ่งหนีกระสุนปืนมาด้วยกัน ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการดูถูกเหยียดหยาม ถูกไล่ยิง ไล่ฆ่า ถูกจับขังมาด้วยกัน


คืนนี้ กลับบ้านไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อตัวนั้นมาโอบกอด แล้วบอกด้วยหัวใจว่าจะทำศึกใหญ่เพื่อประชาธิปไตย ไล่เผด็จการอีกครั้ง ถึงเวลาเอาคืนเพื่อชนะไปด้วยกัน และนอกจากจะไล่เผด็จการแล้ว จะต้องเลือกรัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น”
--------------






คุณอาจสนใจ

Related News