เลือกตั้งและการเมือง

'อนุทิน' ซัดกลับเพื่อไทย ทำไมปี 62 ยกมือเลือก 'ธนาธร' เป็นนายกฯ - 'นรวิชญ์' ขู่ฟ้องกลับ ภท.อาจถึงยุบพรรค

โดย nattachat_c

5 พ.ค. 2566

207 views

วานนี้ (4 พ.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยหาเสียงจังหวัดนครพนม ที่เวทีภายในโรงเรียนเทศบาล 4 ช่วย ครูแก้ว นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้สมัคร ส.ส. นครพนม เขต 2 เรียกคะแนน


ช่วงหนึ่งนายอนุทิน ระบุ ขอให้เลือกภูมิใจไทยยกจังหวัด หลายวันนี้ มีพรรคการเมืองหนึ่งมาบอกว่า ถ้าเลือกภูมิใจไทยแล้ว จะเอาบิ๊กตู่เป็นนายกฯ เขาพูดโกหก ถ้าเลือกภูมิใจไทยมากพอ คนตรงนี้จะเป็นนายกฯ แน่นอน


การหาเสียงต้องไม่โกหก เพราะคนโกหกก็ต้องทำชั่ว จะเอาสิ่งที่เราได้ไปประเคนให้คนอื่น ระบุ ตนไม่ฉลาดเต็มที่ แต่ฉลาดพอ คนนะไม่ใช่ควาย แต่ละพรรคเขาก็พยายามปราศรัยให้พรรคอื่นดูด้อย พร้อมยืนยัน ตนบ่ขี้ตั๊ว ไม่มีพูดโกหก ถ้าเลือกครูแก้ว ได้ตนมาด้วย ได้ภูมิใจไทยมาด้วย


ช่วงหนึ่ง นายอนุทินได้ท่องบทเพลง "อนุทินต้องเป็นนายกฯ" พ้นทุกข์ พ้นโศก พ้นโรค พ้นภัย


พร้อมย้ำว่า อนุทินอยู่พรรคภูมิใจไทย ถ้าจะให้รับใช้ ก็ขอเลือกภูมิใจไทย และจะไปยกให้ใครได้ไง หาเสียงเหงื่อแตกขนาดนี้ มีแต่จะยกนิ้วอะไรให้ คิดดู


เมื่อปี 62 เราถูกกล่าวหาว่าก็ไปยกมือให้คนอื่นเป็นนายกฯ ซึ่งขณะนั้น เรามีแค่ 50 เสียง ไม่อาจหาญ เราจึงต้องเคารพกติกา เลือกพรรคที่ได้เสียงมาก ที่พรรคของพลเอกประยุทธ์ได้ 120 เสียง ถ้าวันนั้น พี่น้องเลือกเราเยอะ นายกฯ คงไม่ใช่ชื่อพลเอกประยุทธ์ ผมก็จะเป็น


และมีพรรคที่มาด่าตน ยกตัวอย่าง พรรคเพื่อไทย ยกให้ใคร ก็ยกให้นายธนาธร แคนดิเดต จากพรรคก้าวไกล ทั้งที่มีแคนดิเดต ตั้ง 3 คน แต่ภูมิใจไทยถูกกล่าวหา ใครกันแน่โกหก ยืนยันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าภูมิใจไทยได้เยอะ


และยังมีกรณีของนายจาตุรนต์ ฉายแสง บอกปี 62 บอกภูมิใจไทยได้มา 50 ที่ รีบโทรหาทหาร ขอเป็นรัฐบาล นี่ก็โกหก มีแต่ตนต้องปิดมือถือเพราะรับสายไม่ไหว ต้องเปลี่ยนมือถือ ไม่เคยต้องโทรหาใคร ขุดกันมาจนตนต้องพูด จริงๆ แล้วไม่อยากพูด รุ่นใหญ่เขาไม่พูดกัน อย่างคนที่มีมารยาท ถ้าไม่จบ ก็ให้ตายไปกับตัว


ยืนยันไม่ต้องไปต่อรอง พอรู้ว่าได้ 50 ก็ได้คุม 3 กระทรวง อย่างที่ตั้งใจไว้ โดยนายกฯก็ขอให้สุจริต อย่าขัดขาพรรคร่วมด้วยกันเอง ซึ่งตนก็ทำมาตลอดจนถึงวันนี้


ช่วงหนึ่งนายอนุทิน ยังขอนับญาติกับคนนครพนม เพราะเมื่อ 36 ปีก่อน เคยบนสร้างพระประธานถวายวัดที่นี่ เพราะกลัวเรียนไม่จบ จริงๆ เรียนเก่ง แต่ไม่ตั้งใจเรียน เลยใช้สายมู ซึ่งตั้งแต่สร้างพระถวายมา โชคดีจนถึงมาเป็นรองนายกฯ


นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า วันนี้มีคนพยายามให้ร้ายนโนบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย ว่าเราปล่อยให้กัญชาเสรี ทั้งที่เราทำกัญชาให้เข้าถึงประชาชน ให้ใช้รักษาโรค ให้ทำเป็นยา ให้ทำเป็นพืชเศรษฐกิจ ให้เกษตรกรปลูกได้ แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมไม่ใช่เสรี ไม่เคยพูดแม้แต่คำเดียวว่า ให้ลูกหลานเสพกัญชาใช้กัญชาแบบนี้


และก่อนที่พรรคภูมิใจไทย จะประกาศเรื่องนี้ มันมีสิ่งเหล่านี้มากกว่าวันนี้อีก ที่สำคัญคนที่ออกมาพูดเรื่องกัญชาไม่ดี ยกมือให้กฎหมายกัญชาผ่านสภาทุกคนเลย แต่วันนี้คนเริ่มชอบพรรคภูมิใจไทย กลัวความนิยมพรรคเพิ่มมากขึ้น คนเหล่านี้จึงออกมาให้ร้าย และเจาะจงที่จังหวัดนครพนมด้วย อย่าไปหลงเชื่อเขา เพราะว่าของจริงยืนอยู่นี่ กัญชาถ้าใช้ถูกต้องมีประโยชน์มีกฎหมายควบคุมแน่นอน

------------

วานนี้ (4 พ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย โจมตีว่า เลือกภูมิใจไทย ได้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ว่า


เขาพูดแบบนี้ที่นครพนม ตนมาที่นครพนมก็เพื่อมาชี้แจงประชาชน ที่จริงเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่รู้จริงอย่าพูด มันสร้างความเข้าใจผิด ที่สำคัญมันยังจะผิดกฎหมายด้วย ไม่ฟ้องก็ไม่ได้ เพราะผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ เขาได้รับผลกระทบไปหมด เขาก็ต้องรักษาสิทธิ์ของเขาในการฟ้องร้องดำเนินคดี ส่วนใครจะตั้งรัฐบาล ใครจะเป็นนายกฯ พรรคภูมิใจไทยยึดถือกติกา พรรคที่มีเสียงมากสุดต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน


ที่มาบอกว่า เลือกภูมิใจไทย ได้พลเอกประยุทธ์ คนพูดดูเงื่อนไขการเมืองรึเปล่าว่า ปี 2562 กับปี 2566 มันต่างกันมาก ตอนนั้นพรรคภูมิใจไทยได้เท่าไหร่ พรรคพลเอกประยุทธ์ได้เท่าไหร่ พรรคเพื่อไทยได้เท่าไหร่ แล้วใครตั้งรัฐบาลสำเร็จ


ซึ่งตนไม่รู้ว่า นายเศรษฐาที่พูดออกมานี่นะ ได้รับฉันทามติจากพรรคไหม ที่มากล่าวกันในสิ่งที่ยังไม่เกิด ซึ่งตนก็พูดมาตลอดว่า ถ้าเลือกภูมิใจไทยมากพอ เราจะเป็นนายกฯ


“ขอย้อนความกลับไปที่ท่านมากล่าวหาว่าเลือกภูมิใจไทย ได้คนนั้น คนนี้เป็นนายกฯ ให้ดูปี 2562 ตอนนั้น พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมาเป็นที่ 1 แต่เวลาเลือกนายกรัฐมนตรี ท่านยังไปเลือกคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากพรรคอนาคตใหม่เลย ทั้งที่ ท่านมีทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีท่านชัยเกษม นิติสิริ แต่ท่านไม่เลือก ที่คุณเศรษฐาพูดมา เพื่อไทยเองก็ส่ายหัว นี่ไงที่บอกว่าไม่มีประสบการณ์ ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่รู้มีอำนาจ รึเปล่า แต่กำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน


ผมว่าคุณเศรษฐาปล่อยไก่ รู้เรื่องไม่ละเอียดแล้วมาพูดนี่อันตราย ถ้าไปรับตำแหน่งสำคัญ แล้วข้อมูลไม่พอ พูดเอามัน แค่กระบวนการความคิดก็ผิดแล้ว แล้วจะมารับผิดชอบบ้างเมืองหรือ


ที่จริงไม่ชอบพูดถึงพรรคอื่น แต่ครั้งนี้มันหนัก และมันต้องชี้แจง เพราะเขาเล่นงานเราก่อน     


เมื่อถามว่าการที่เขาออกมาโจมตี เป็นการสกัดกระแสพรรคหรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวสั้นๆ ว่า ความสามารถไม่พอ


ผมจะไม่พูดอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว สิ่งที่ภูมิใจไทย ทำคือ ถ้ามีเสียงมากที่สุดนะ และอยู่ในขั้วจัดตั้งรัฐบาล ผมก็เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ทำไว้ ปี 62 คือได้เสียง ส.ส.มากสุดด้วย แต่ไปเลือกคนอื่นเป็นนายก ตอนนั้นคุณเศรษฐา ยังไม่มา คือ ประสบการณ์น้อย

---------------
วานนี้ (4 พ.ค. 66) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร ในฐานะนายทะเบียนของพรรคภูมิใจไทย ออกมาแถลงข่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทยได้มีการฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กรณีปราศรัยที่จังหวัดนครพนม นั้น


นายนรวิชญ์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ที่นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้งนั้น อยู่ในวิสัยที่ประชาชนคนทั่วไปสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้โดยสุจริต และสามารถแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนั้น ไม่เข้าข่ายการกระทำผิดต่อกฎหมายใดๆ อยู่แล้ว


ทั้งนี้ การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายกัญชาเสรี นั้น ได้มีคำวินิจฉัยของศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ.1650/2566 ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่า “…การกล่าวหรือแสดงความคิดเห็นของจำเลยในเรื่องของกัญชา ทำให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์และโทษของกัญชา จึงถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่สุขภาพของประชาชนเป็นส่วนมาก…”


ฉะนั้น การที่นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ได้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต “ไม่เห็นด้วยกับนโยบายกัญชาเสรี” แต่ “เห็นด้วยในนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์” จึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต และเป็นการให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน และยังเป็นการแสดงจุดยืนของ นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า “หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะไม่มีนโยบายกัญชาเสรีอย่างแน่นอน จะมีแต่เพียงนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น” ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย จึงไม่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5)


ส่วนกรณีที่ว่า “...หากเลือกพรรคภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกรอบ...” นั้น

นายนรวิชญ์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และได้สนับสนุนให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ก่อนเลือกตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ประกาศว่า “...ไม่ยอมรับ ให้คน 250 คน ที่ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชนมาเลือกนายกรัฐมนตรีของพวกผม…” แต่ท้ายที่สุด ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล กลับโหวตให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี


นอกจากนี้ ตามคลิป Yes or No ของ TheStandardNews ในการตอบคำถาม Yes หรือ No ในประเด็นคำถามว่า “แก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง ส.ว. เลือกนายก” นายอนุทิน ก็ได้ตอบว่า “NO”

นั่นหมายความว่า นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้ตัดอำนาจ ส.ว. 250 คนในการเลือกนายกรัฐมนตรีออก และนอกจากนี้ ยังตอบคำถามเกี่ยวกับ “คุณประยุทธ” ว่า “GOOD” จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นายเศรษฐา ทวีสิน จะเข้าใจ และเชื่อโดยสุจริตว่า หากพลเอกประยุทธ ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยก็ยังคงสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี


ดังนั้น กรณีการปราศรัยของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่จังหวัดนครพนม ที่มาจากความเชื่อโดยสุจริต ไม่เป็นการใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทย จึงไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5) แต่อย่างใด


นายนรวิชญ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า การที่ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคภูมิใจไทย ไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นั้น จะ “ส่อ” เป็น “ฟ้องเท็จ” อาจเข้าข่ายเป็นการใส่ร้ายนายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะแคนดิเดท นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5) เสียเอง

อีกทั้งการที่พรรคภูมิใจไทย รับรู้ รับทราบ ถึงการที่ผู้สมัคร ส.ส. ในพรรคของตนไปฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน แล้ว แต่ยังกลับปล่อยปละละเลย ไม่ห้ามปราม อาจถือได้ว่า พรรคภูมิใจไม่ควบคุมสมาชิกพรรคให้ดำเนินการด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.ป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 ที่อาจถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และให้เพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคได้


“จึงขอให้พรรคภูมิใจไทยรีบสั่งการให้ ผู้สมัคร ส.ส. พรรคของตน ถอนฟ้องคดีนายเศรษฐาเสียโดยเร็ว”
--------------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/wZtMG8egWN4

คุณอาจสนใจ

Related News