เลือกตั้งและการเมือง

'โรม' ชี้อาจมีเบื้องหลัง '9near' มุ่งใส่ร้ายพรรคการเมือง - ทบ.สั่งพักราชการจ่าสิบโทมือแฮก

โดย nattachat_c

11 เม.ย. 2566

118 views

วันที่ 10 เมษายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีแฮกเกอร์ ที่ใช้ชื่อ '9near' แฮกข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ จากหน่วยงานรัฐ ไปเผยแพร่ผ่านบนเว็บไซต์ ว่า


ได้ประสานไปยังผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารอย่างใกล้ชิด ทางทหารได้จัดชุดไปติดตาม ส่วนตำรวจก็จัดชุดไปติดตามเช่นกัน หากเจอตัวก็จะทำการจับกุมตัว ในเร็วๆ นี้คงจะมีข่าวความคืบหน้า


ทั้งนี้ ตำรวจได้ทำหนังสือไปแล้วขอให้ส่งตัวภายใน 7 วัน หากเขาไม่ทำงานจริงๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องการขาดราชการด้วย เรื่องนี้ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวก่อน


ส่วนที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่า มีการจับกุมตัวได้ และมีการร้องขอให้ปล่อยตัว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่จริง เป็นกระแสข่าวเฉยๆ “ยืนยันว่าไม่จริง ผมไม่ได้รับรายงานอย่างนั้น”


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ออกหมายจับ 1 หมายจับ คือตัวแฮกเกอร์ ส่วนภรรยาผู้ก่อเหตุ ทราบว่ามีการออกหมายเรียก เพื่อให้มาให้การ ส่วนการขยายผลต้องขอให้ได้ตัวผู้ต้องหาก่อน จากนั้นจะมาขยายผลต่อ

-------------

ความคืบหน้ากรณีจ่าสิบโทเขมรัตน์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นคนนำข้อมูลบุคคลสำคัญออกมาเปิดเผยเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และยังอ้างว่ามีข้อมูลบุคคลสำคัญกว่า 55 ล้านรายชื่อหรือเรียกว่า 9 near


หลังจากเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา มีการประสานไปยังกองทัพบกและต้นสังกัด โดยตำรวจไซเบอร์ได้นำเอกสารประสานไปที่ต้นสังกัดแล้ว และมีกระแสข่าวลือว่า วันนี้จ่าสิบโทพร้อมด้วยผู้บังคับบัญชา และทหารพระธรรมนูญ จะเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจไซเบอร์ แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันนั้น ยังไม่พบการประสานงานว่าจะเข้ามอบตัวตามกระแสข่าว


รวมไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงและหัวหน้าของจ่าสิบโทรายนี้ ก็ไม่ได้ติดต่อมากับผู้บังคับบัญชาในส่วนของตำรวจสอท.หรือทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติใดๆ ทั้งสิ้น


ซึ่งทางตำรวจไม่นิ่งนอนใจ หากพบตัวที่ไหนก็สามารถจับกุมได้ตามกฏหมายทันที เพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหามีหมายจับแล้ว ส่วนต้นสังกัดที่เป็นทหารนั้น หากผู้บังคับบัญชาได้เบาะแสหรือข้อมูลหรือจะแจ้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ขอให้แจ้งมาที่ตำรวจไซเบอร์ได้เลย เพื่อที่จะเร่งช่วยกันดำเนินการจับกุมจ่าสิบโทรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย


โดยไม่ต้องกังวลว่าตำรวจจะหยุดทำงานช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้บังคับบัญชาของทหารรายนี้สามารถติดต่อเข้ามอบตัวได้ตลอดเวลา ซึ่งตำรวจไม่ได้หยุดงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยังคงทำงานตามปกติ แต่นับจนถึงขณะนี้ ตั้งแต่ออกหมายจับไป ก็ยังไม่ได้รับการประสานงานมาจากในส่วนของจ่าสิบโทรายนี้

-----------

วานนี้ (วันที่ 10 เม.ย.) นายรังสิมันต์ โรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ สำนักงานใหญ่พรรคก้าวไกล ต่อกรณีแฮกเกอร์ 9Near ที่ประกาศจะเผยแพร่ข้อมูลคนไทยกว่า 55 ล้านคนนั้น โดยตั้งคำถามว่า รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแก้ไขอย่างไร


นายรังสิมันต์ เน้นย้ำว่า เรื่องนี้สำคัญ เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลคนไทยกว่า 55 ล้านคน เป็นการรั่วไหลข้อมูลครั้งใหญ่ จนอาจนำไปสู่การก่อเหตุอาชญากรรมและมิจฉาชีพ ต่อประชาชนจนอาจได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้ เรื่องสำคัญแบบนี้ สิ่งที่เราต้องเห็นคือการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างมืออาชีพ


เท่าที่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นายรังสิมันต์ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. ตำรวจขอออกหมายจับแล้ว รู้ตัวแล้ว รู้ว่าคนที่เป็นแฮกเกอร์อยู่ที่ไหนบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่มีการจับกุมตัว เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดอย่างมาก


พรรคก้าวไกล กังวลว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล ไม่ใช่การแฮกธรรมดา แต่อาจมีคนอยู่เบื้องหลังแฮกเกอร์คนดังกล่าว นั่นหมายความว่า การทำหน้าที่ของตำรวจกำลังเจอตอใช่หรือไม่ อย่างที่ นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ หรือหมาแก่ ทิ้งข้อมูลไว้ว่า อาจไม่ใช่การแฮก แต่จ่าสิบโทคนนี้อาจนั่งอยู่ในวงในข้อมูลอยู่แล้ว หมายความว่าขบวนการที่จะเอาข้อมูลประชาชนไปปล่อยในที่สาธารณะ อาจมีคนอยู่เบื้องหลังจ่าสิบโท การที่กองทัพจะรีบปฏิเสธทั้งที่เพิ่งตั้งคณะกรรมการนั้น เขาเรียกว่า ร้อนตัว


นายรังสิมันต์ จึงฝากถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะเรื่องนี้กระทบประชาชนกว่า 55 ล้านคน หากจะอ้างขั้นตอนระบบราชการฟังไม่ขึ้น เรื่องนี้ต้องเป็นวาระเร่งด่วน เป็นวาระแห่งชาติ เว้นเสียแต่ว่า คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีอำนาจ หรือใช้เรื่องนี้ให้เป็นประเด็นทางการเมืองที่ใส่ร้ายพรรคการเมืองบางพรรคและนักการเมืองบางคน ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น


ดังนั้น จึงต้องเร่งจับกุม และขยายผลคนอยู่เบื้องหลังมาจัดการลงโทษตามกฎหมายให้ได้ พรรคก้าวไกล คาดหวังว่า ผบ.ตร. ที่อีกไม่นานจะเกษียณแล้วนั้น จะไม่ทำลายอาชีพราชการของท่านด้วยการทำให้ประชาชนตกอยู่ในอันตราย ด้วยการมีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ

-----------

วานนี้ (วันที่ 10 เม.ย.) เมื่อเวลา 20.25 น. พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากกรณีคดีแฮคเกอร์ '9Near' ที่ตำรวจได้ออกหมายจับ “จ่าสิบโท” และออกหมายเรียกภรรยามาให้ข้อมูล รวมถึงการประสานหน่วยต้นสังกัดในการคลี่คลายคดีดังกล่าวนั้น ทางกองทัพบก ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการให้ข้อมูลสถานภาพทางทหารของผู้ต้องหา และการมอบหมายให้หน่วยต้นสังกัดเร่งติดตามตัวกำลังพลที่หลบหนีอยู่ในทุกช่องทาง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด


นอกจากนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลสนับสนุนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่ง กำลังพลรายนี้ได้ขาดราชการตั้งแต่ 3 เม.ย. 2566 โดยเมื่อ 6 เม.ย. หน่วยต้นสังกัดได้มีคำสั่งพักราชการ จ่าสิบโทเขมรัฐ ไว้แล้ว หลังจากที่ศาลได้ออกหมายจับในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ


ในส่วนของภรรยาผู้ต้องหาซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้ไปพบนั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการสอบสวนสืบสวน ทั้งนี้คดีนี้ เป็นการแสวงประโยชน์ส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของทางราชการ โดยมีความผิดทั้งทางวินัยและกฎหมายบ้านเมือง


“ขอยืนยันว่ากองทัพบกไม่นิ่งนอนใจในกรณีที่เกิดขึ้น ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและยังคงเร่งติดตามตัวกำลังพลอย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีว่าเหตุการณ์นี้เป็นที่กังวลใจของประชาชน การดำเนินการใดๆ ที่จะช่วยคลี่คลายคดีได้โดยเร็ว กองทัพบกพร้อมดำเนินการและสนับสนุนในทุกด้าน”

-----------

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Lho_gaiNufY

คุณอาจสนใจ

Related News