เลือกตั้งและการเมือง

‘ป้านาบ้านโป่ง’ แจ้งความทีม รปภ.นายกฯ ปิดปาก-ล็อกคอ ฝ่ายกองเชียร์ลุงตู่งัดคลิปโต้ ชี้มีเจตนาเตรียมการไว้ก่อน

โดย petchpawee_k

15 มี.ค. 2566

254 views

ป้านา บุก บช.ก.แจ้งดำเนินคดี ทีมรปภ. นายกฯ กลุ่มใช้กำลังปิดปาก อุดจมูก ขัดขวางการร้องเรียนเรื่องอาชีพ รับนัดรวมตัวจริง แต่ปฏิเสธก่อความวุ่นวาย เป็นเหตุได้รับบาดเจ็บ หยุดงาน ขาดรายได้ ชี้ไม่น่าทำรุนแรง

ด้าน ผบ.ตร.ยันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ป้องกันอันตรายขบวนผู้นำ ปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนกองเชียร์นายกงัดคลิปอีกมุม ขณะสาวเสื้อดำไลฟ์สดในคลิประบุพูดชัด เตรียมกระโดดขวางรถนายก ไม่รู้จะโดนตำรวจจับไหม ชี้มีเจตนาเตรียมการไว้ก่อน ด้าน 'ปารีณา' โพสต์รับไม่ได้ เรียกร้อง 'พล.อ.ประยุทธ์' สั่ง จนท.หยุดพฤติกรรมปิดปาก ลาก กระชากฉุด


จากกรณีนางวันทนา โอทอง หรือ ป้านา อายุ 62 ปี บุคคลซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าควบคุมตัว จนเกิดภาพเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นตามสื่อโซเชียล เหตุเกิดก่อนนายกฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามแนวทางในการพัฒนาอำเภอบ้านโป่ง ที่ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ตำบลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี


วานนี้ ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ป้านา เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อแจ้งความตำรวจชุดจับกุมที่ปรากฎในคลิปจากการทำร้ายร่างกาย ละเมิดสิทธิส่วนตัว และกักขังหน่วงเหนี่ยวตนเองที่ไปรอขอเข้าพบนายกฯ เพื่อร้องเรียนปัญหา การค้าขาย ที่ประสบภาวะลำบาก


เมื่อป้านามาถึงก็พบว่าเดินมาในลักษณะที่เจ็บขากะเพลก ที่ข้อเท้าด้านซ้าย มีบาดแผลถลอก และบวม เมื่อสื่อมวลชนขอสัมภาษณ์ ป้านาขอเก้าอี้ เพราะยืนไม่ไหว


ป้านา เล่าว่า ตนเองขายของอยู่ตลาดที่นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ ขณะเกิดเหตุนายกฯ ยังเดินทาง ไม่ถึง ตนจึงออกมาเดินที่ลานจอดรถและพบกับกลุ่มคนที่มารอรับนายกเช่นกัน และมีการไลฟ์สดอยู่ ตนก็ยืนคุยด้วย โดยไม่มีการตะโกนด่าทอ หรือ ตะโกนด่าใดๆ ทั้งสิ้น


 แต่จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว เดินเจ้ามาถามว่า มาทำอะไร เมื่อป้าบอกว่ามารอร้องเรียนนายกฯ ตำรวจได้บอกให้ไปร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจท้องที่ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ซึ่งป้าก็บอกว่า ไปมาหมดแล้วแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ แต่ตำรวจไม่รับฟังและมีตำรวจชาย 2 นายเข้ามาประชิดตัว ตนเอง และห้ามว่าอย่าเข้ามา


จากนั้น โดนขู่และบีบที่ข้อมือจนปวด จากนั้นตำรวจหญิงเข้ามาโอบตัวทันทีโดยไม่มีการสอบถาม และใช้มือปิดปาก ตนพยายามดิ้นรน หายใจไม่ออก เพราะถูกอุดปากอุดจมูก เป็นลมล้มลง เป็นจังหวะที่เจ้าหน้าที่กางร่มบังไม่ให้มีใครเห็นหรือบันทึกภาพเจ้าหน้าที่กระทำกับตน


เบื้องต้นตนได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว แขนบวมจากการอักเสบ ขาบวมเป็นแผลถลอก แพทย์สั่งให้หยุดทำงาน ตนเองที่ประกอบอาชีพค้าขายจุดดังกล่าวจึงขาดรายได้


นางวันทนา ยืนยันว่าวันที่เกิดเหตุไม่ได้ตั้งใจมาประท้วง หรือนัดหมายรวมตัววางแผนกับกลุ่มหญิงเสื้อดำอีก 2 ราย ที่มีแนวคิดเห็นต่างทางการเมือง แต่ยอมรับว่าเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุได้พบหญิงกลุ่มดังกล่าวจริง แต่ตนไม่ได้สร้างความวุ่นวาย ตะโกนด่าทอ หรือชูสัญลักษณ์ใดๆ


ส่วนกรณีที่ปรากฎโพสต์ในเฟสบุ๊กของตนเองในทำนอง เชิญชวนให้มารวมตัวรับนายฯ ป้านายอมรับว่าโพสต์จริงแต่ไม่ได้ชวนให้มาประท้วง แต่ส่วนตัวได้ข้อมูลมาว่า “คนที่มารอรับจะได้เงินค่าตอบแทน เป็นค่าน้ำมันรถและค่าอาหาร ซึ่งตนไม่ได้รับและก็ไม่ได้ขัดขวาง และไม่ได้รับเงินจากใคร”


ป้านากล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าตำรวจทำตามหน้าที่แต่ไม่น่าทำรุนแรงขนาดนี้ “นายกเป็นคนของประชาชน น่าจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนด้วย”


ป้านาฝากบอกถึง นายรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ ว่า “ตนเป็นรุ่นแม่แล้ว ทำไมทำแบบนี้และข้อหาเรื่องการส่งเสียงดังในที่สาธารณะ ป้านายืนยัน ยังไม่ทันจะส่งเสียงอะไรเลยแต่ก็ถึงดำเนินคดี  

ประเด็น เขาทำป้าลากมา อุดปาก ป้าก็ยอมรับต่อสู้ไปเพราะหานใจไม่ออก เป็นนายก ต้องรับฟังประชาชน ป้ายังไม่ได้ส่งเสียงดังอะไร แต่ก็อุดปาก ป้าเป็นรุ่นแม่นะ ทำไมทำขนาดนี้

ด้านทนายความอาสา ระบุว่า ป้านาต้องการดำเนินคดีข้อหากับตำรวจชุดจับกุมทั้งหญิงและชายที่ปรากฎตามคลิปวีดีโอในข้อหาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ และกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ส่วนคดีที่ป้าถูกแจ้งความ ยืนยันว่ามีหลักฐานต่อสู้คดี

----------------------------------------------------------

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในโลกโซเชียลได้มีการถามหาถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ตำรวจจะไปรวบตัวป้านาได้อย่างไร โดยมีการแฉคลิปออกมา และอาจจะเป็นสาเหตุของการรวบตัวป้านาครั้งนี้

โดยคลิปดังกล่าวผู้ใช้ทวิตเตอร์ เจ๊จุกคลองสาม เป็นผู้โพสต์คลิป ของ ผู้หญิงเสื้อสีดำ ที่มาด้วยกันกับ ป้าวันทนา เป็นคลิปก่อนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะเข้าไปรวบตัวล็อกคอ ปิดปาก ป้าวันทนา ตามคลิป ผู้หญิงคนนี้เป็นคนอัดไว้ บอกว่า มาถึงจุดที่นายกรัฐมนตรีจะลงรถจนได้ ในภาพก็จะมีป้าวันทนา อยู่ข้างๆ นั่งรอท่านนายกฯเหมือนกัน ในคลิปมีเสียง ป้าวันทนา บอกว่า "นายกฯใกล้จะมาถึงแล้ว" ก่อนจะลงจากฟุตบาท ไปยืนอยู่บนถนน ที่ ท่านนายกฯจะผ่าน


ซึ่งผู้หญิงเสื้อดำบอกว่า "เดี๋ยวเราจะลงพื้นถนน จะกระโดดขวางรถนายกฯ แต่ไม่รู้จะถูกตำรวจล็อกหรือเปล่า" แล้วก็บอกอีกว่า "ตื่นเต้นจะได้ตะโกนแล้ว"


ในคลิปมีคนเข้ามาถามด้วยว่า มากันกี่คน ทางผู้หญิงเสื้อดำบอกว่า มา 2 คนก็พอแล้ว ส่วนป้าวันทนา บอกว่าเดี๋ยวมาอีกหลายคน แล้วอธิบายว่า เดี๋ยวท่านนายกฯ จะมาลงตรงนี้ แล้วเราก็จะกระโดดขวางรถมัน


จริงๆ ผู้หญิงเสื้อดำ บอกในคลิปด้วยว่า "กว่าจะมาถึงจุดที่นายกฯจะลงรถ เข้ามายากมาก ตำรวจจะอุ้มหลายรอบแล้ว แต่ที่เข้ามาได้ เพราะ มีป้านาเสื้อแดงด้วยกันเดินออกไปรับถึงเข้ามาได้"

--------------------------------------------------------------

วานนี้ (14 มี.ค.) นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัว ป้านา วันทนา โอทอง ระหว่าง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตรวจราชการที่จังหวัดราชบุรี ระบุว่า

“#เยี่ยงหมา โดยส่วนตัว ขอต่อต้านกลุ่ม 3 นิ้วอย่างสุดโต่ง แต่การกระทำครั้งนี้ เกิน......ไป เพราะคนบ้านโป่ง คือคนจังหวัดเดียวกับปารีณา และยังถือเป็น.... คร ที่ควรมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์


จึงขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ได้โปรดหยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะท่านคงไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ได้ ปิดปาก ฉุด กระชาก ลากดึง ประชาชนเยี่ยงหมาเช่นนี้ #เกินไป”


ต่อมานางสาวปารีณา ให้ความเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เป็นเรื่องของคนเห็นต่างที่มาแสดงความคิดเห็น ซึ่งในอดีตก็มีเด็กวัยรุ่นหรือเยาวชนมาแสดงออก เจ้าหน้าที่รัฐก็ไปฉีดน้ำ ตนยังแนะนำว่าให้ใช้น้ำมนต์ฉีดถึงจะดีกว่า แต่ครั้งนี้เป็นผู้สูงอายุที่เห็นต่าง ดังนั้น การที่จะไปปิดตาปิดปากคุณป้าแล้วฉุดกระชากลากดึง จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม


 "ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 1 เรามีคนล้อมเต็มเลยมันเหมือนการเอาหมาเข้าบ้าน ลากมันเข้าบ้านอย่างนี้ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ" นางสาวปารีณากล่าว

นางสาวปารีณา กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จังหวัดราชบุรีไม่ได้เสื่อมเสีย แต่กระทบภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่จังหวัดราชบุรี และเกิดเหตุการณ์ที่มีการทำกับคนเยี่ยงหมาอย่างนี้ ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของการเดินทาง การปฏิบัติราชการเสียหาย ตนขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีให้ฟังเสียงเล็กๆ นี้ด้วยว่า เชื่อว่าท่านอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อาจจะไม่รู้และอาจจะไม่เห็นภาพคลิปเต็มกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นดิฉัน ถ้าดิฉันมีทีมงานหรือลูกทีม ที่มีคนมาตะโกนด่าดิฉัน เรามีลูกทีมเข้าไปลากขนาดนี้ ดิฉันจะไล่ออก อยากให้มีการแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย

ส่วนในเรื่องการดำเนินคดีคุณป้าถึง 3 กระทง นางสาวปารีณา มองว่า เป็นสิทธิของเจ้าหน้าที่ ขอให้ไปว่ากันที่ศาล ตนเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับทั้งคุณป้าและเจ้าหน้าที่ แต่คงเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง แต่ที่ร้ายแรงคือภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อนายกรัฐมนตรี

“ท่านนายกฯ ไม่ได้ทำเองนะ แต่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ที่ทำงานหรืออะไรก็ตาม แต่ไปกระทำกับผู้สูงอายุ อยากจะให้เว้นผู้สูงอายุไว้บ้าง กำลังเป็นร้อย จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าไปลากกันอย่างนั้นเลย มันเกินกว่าเหตุแล้ว” นางสาวปารีณากล่าว

 นางสาวปารีณา ย้ำว่า กรณีนี้เหมือนเอาหมาเข้าคอกหรือเข้ากรง ลากไปกับพื้น ความเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ใหญ่ก็ไม่เคารพนับถือกันแล้ว วันนี้ในบ้านเมืองมีเยาวชนวัยรุ่นผู้สูงอายุผู้เห็นต่างมากมาย แต่ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้ ตนอยากให้หาวิธีที่ดีกว่านี้ ตนขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ให้มีการกำชับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในช่วงเวลานี้หลายคนลงพื้นที่ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่ามาหาเสียงหรือไม่ แต่ไม่ว่าใครจะมาจังหวัดใด ต้องไม่เดือดร้อนชาวบ้าน

-----------------------------------------------------------

ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า ตนเข้าใจความจำเป็นในหน้าที่รักษาความปลอดภัยผู้นำ แต่การใช้กำลังรุนแรงปิดปากฉุดกระชากลากถูกับหญิงผู้สูงอายุคนเดียว ต้องถามว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่

 ทั้งนี้ หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำที่มีสติปัญญาควรมีการซักซ้อมทำความเข้าใจกับทีมตนเองว่าเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินควรมีแนวปฏิบัติอย่างไร ต้องมีการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างเหมาะสมไม่ใช่ใช้มุมมองแบบทหาร มองเพื่อนร่วมชาติที่มีจุดยืนการเมืองคนละขั้วเป็นอริราชศัตรู แบบที่มองภัยจากภายนอกประเทศ” นางอมรัตน์กล่าว

ส่วนประเด็นที่พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงคนที่ชู 3 นิ้วว่าให้ไปหาหมอป่วย และมาเพราะต้องการอะไรสักอย่าง นางอมรัตน์ให้ความเห็นว่าพลเอกประยุทธ์ก็รู้นี่ว่าประชาชนที่มารอพบท่านมาเพราะต้องการอะไรบางอย่าง เลยต้องถามว่าเมื่อทราบแล้วในฐานะผู้นำเคยออกมารับฟังพวกเขาไหม

และนี่ขนาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำ ทั้งที่มีบทเรียนอยู่แล้ว


“การที่นักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะไปที่ไหนจะมีคนสนับสนุน เห็นด้วย คัดค้าน เป็นเรื่องปกติ แต่การใช้อำนาจปิดปากผู้ที่ออกมาแสดงออกเช่นนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า พลเอกประยุทธ์ไม่มีภาวะผู้นำในการจัดการเรื่องพวกนี้เลย วันนี้กำลังจะออกจากหมวกผู้นำเผด็จการ มาลงสนามเลือกตั้งแล้วแต่ยังละนิสัยเดิมไม่ได้ จึงอยากถามว่าคนที่ไม่มีมีภาวะผู้นำแบบนี้สมควรเสนอตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่”

“ช่องคอมเมนต์คุณก็ปิด จะให้ประชาชนไปแสดงออกที่ไหน อยากให้เปิดช่องคอมเมนต์ ประชาชนจะได้ไม่ต้องมาตะโกน ในโซเชียลมีเดียคุณปิดช่องคอมเม้นท์ ประชาชนพูดผ่านตัวแทนในสภาก็โดนประธานปิดไมค์ คิดหรือว่าจะใช้วิธีนี้สยบประชาชน แจ้ง 3 ข้อหาหนักเพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะความอึดอัดคับข้องใจทำให้วิธีการนี้จะไม่ได้ผลอีกต่อไป” นางอมรัตน์กล่าว



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/QELlQrTm8BM

คุณอาจสนใจ

Related News