เลือกตั้งและการเมือง
'อนุทิน' ประกาศตัดความสัมพันธ์ 10 ปี 'ชูวิทย์' ยันไม่เคยเสนอเงิน 50 ล้าน ให้ช่วยหาเสียง กทม.
โดย petchpawee_k
28 ก.พ. 2566
13 views
ชาตินี้คงไม่ต้องคบหากันอีกแล้ว 'อนุทิน' ประกาศตัดความสัมพันธ์ 10 ปี 'ชูวิทย์' ยืนยันไม่เคยเสนอเงิน 50 ล้าน ให้ช่วยหาเสียง กทม. ย้ำ ไม่รู้ จนท.สาธารณสุข ตรวจร้านกัญชาในโรงแรม ‘ชูวิทย์’ ยืนยัน ไม่มีกลั่นแกล้ง
เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านกัญชา ภายในโรงแรมของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และยังไม่ได้รับรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขเข้าไปตรวจสอบ เพราะวันนี้ปฏิบัติงานอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลทั้งวัน ขณะเดียวกันในช่วงนี้ ถือเป็นช่วงสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้แล้ว ซึ่งเรื่องนโยบายต่างๆปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดี พ่อจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเพราะเมื่อเป็นรัฐบาลรักษาการแล้ว ก็ต้องรู้ว่าจะทำงานได้แค่ไหน และทุกวันนี้ใช้เวลาในการครองถ่ายงาน
นายอนุทินยังยืนยันว่า ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งนายชูวิทย์ เพราะทั้งตัวเอง ทั้งพรรคภูมิใจไทย ต่างก็เคยโดนใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งเป็นเรื่องการเมืองที่หนีไม่พ้น พร้อมทั้งฝากไปถึงนายนายชูวิทย์ ว่า ตอนนี้ ควรจะออกมา กดดันผู้ที่ทำให้กฎหมายกัญชาไม่ผ่านสภา และทวงถามกลุ่มคนที่ทำให้กฎหมายดังกล่าวไม่ผ่านสภามากกว่า
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยถือเป็นแพะหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ใช่แพะ และย้อนกลับว่าถ้าหากทำงานการเมือง และทนแบบนี้ไม่ได้ ก็ต้องอยู่ที่บ้าน แต่พรรคภูมิใจดีหน่อย ตรงที่ไม่เล่นเกมส์แบบนี้
ส่วนที่นายชูวิทย์พาดพิงไปถึงนายเนวิน ชิดชอบ ว่าอยู่เบื้องหลัง นายอนุทิน ยืนยันว่า นายเนวิน เป็นพี่คนหนึ่งที่เขานับถือ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ย้ำว่า การจะตัดสินใจอะไร ดำเนินนโยบายอยู่ที่ตัวเอง จบที่ตัวเองไม่ผ่านใคร ถ้าหากเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีแล้วไปปรึกษาคนอื่นก็แย่แล้ว
ส่วนกรณีที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาเปิดเผยว่า นายอนุทินเคยเสนอเงินจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อช่วยหาเสียงให้พรรคภูมิใจไทยในกรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น นายอนุทินได้หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ไม่รู้จะชี้แจงอะไร เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเพียงการมโนบางอย่างของชูวิทย์หรือเปล่า พร้อมยืนยันว่า ตนเองไม่เคยทำแบบนั้น ส่วนเงิน 50 ล้านบาทนั้น ก็ไม่เคยเสนอให้
นายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า ตนเองและชูวิทย์รู้จักกันมากว่า 10 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นการให้กำลังใจกัน ไม่เคยมีอะไรที่ขัดแย้งกัน และไม่เคยมีอะไรที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ซึ่งตนเองยังคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตนเองไม่อยากใส่ใจ และเข้าใจว่าชูวิทย์คงมีความจำเป็นบางประการที่ต้องทำเช่นนี้กับคนที่เคยเรียกว่าเพื่อน
“รุ่นพ่อ และรุ่นลูก ต่างก็เป็นเพื่อนกัน อยู่เมืองนอก ผมก็ดูแลเทคแคร์ลูกๆ ของผม รวมถึงลูกๆ ของชูวิทย์ด้วย ผมขอเก็บความทรงจำที่ดีเอาไว้ดีกว่า เพราะด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ชาตินี้ก็คงไม่ต้องคบหากันอีกแล้ว ก็จะจำสิ่งดีๆ เอาไว้ จะได้ไม่ต้องคิดถึงสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า จะกลับไปสานสัมพันธ์เชื่อมต่อกันก็คงลำบากเพราะไม่ใช่เรื่องของตนเองกับชูวิทย์ แต่เป็นเรื่องของพรรคภูมิใจไทย เป็นเรื่องของบุคคลที่ตนเองเคารพ หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็คงลำบากใจ และจะถือว่า ในวันที่ยังดีกันอยู่ก็ยังดีต่อกันมาตลอด ขณะเดียวกันยังเห็นว่า เวลาจะพูดอะไรต้องพูดด้วยความจริงให้ครบ
นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่าไม่เคยโทรหาชูวิทย์ก่อน ขณะที่เบอร์ชูวิทย์โทรเข้ามาก็เป็น ‘No Caller ID’ เป็นเบอร์ไม่แสดงชื่อ จนรู้ว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ชูวิทย์ก็จะโทรกลับไปทุกครั้ง ใครโทรมาหาก็จะโทรกลับทุกครั้ง และล่าสุดเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ชูวิทย์โทรมาก็ยังให้กำลังใจตนเองในการทำพื้นที่ กทม. และบอกชูวิทย์กลับไปว่า หากมีอะไรให้ช่วยได้ยินดีที่จะช่วย แต่ยอมรับว่า ได้มีการคุยกันเรื่องการเลือกตั้งครั้งนี้จริง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะเลือกตั้งครั้งนี้พรรคภูมิใจไทยได้ นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ มาเป็นแม่ทัพ กทม. ก็เหลือแต่เพียงว่า มากินข้าวกัน
นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่ชูวิทย์เปิดโปงเรื่องตู้ห่าว ตนเองก็ยังโทรศัพท์ไปให้กำลังใจ แต่นึกไม่ถึงว่าไมตรีจิตจะถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนคนไม่รู้จักกันได้เร็วขนาดนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วในอาทิตย์นี้จะมีการนัดกินข้าวกัน แต่ก็คงไม่ทันได้นัด คงไม่มี และคงไม่ได้กินข้าวกันแล้ว
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขบุกไปตรวจค้นบาร์กัญชาที่เช่าพื้นที่ในโรงแรมของชูวิทย์ ตนก็ไม่ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขส่งคนไป และก็ไม่ใช่นิสัยของตน อีกทั้งในช่วงนี้เริ่มจะปล่อยวางงานประจำในกระทรวง เพราะอีก 2 อาทิตย์อายุของรัฐบาลชุดนี้ก็จะจบแล้ว และจะเป็นเพียงรัฐมนตรีรักษาการ และรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เริ่มเก็บของในห้องทำงาน คงไม่มีเวลาเข้าไปทำงานในกระทรวงแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีใครเอาใจสั่งให้คนไปตรวจค้นหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่ทราบ และคนในกระทรวงสาธารณสุขทำงานด้วยกันมา 4 ปี จะรู้สไตล์การทำงานว่า ไม่ต้องให้คนมาเอาใจ เพราะยิ่งให้ใครมาเอาใจจะเป็นการเสียเวลากับตนมาก ตนยึดงานเป็นหลัก การเข้าไปค้นร้านไม่ใช่คำสั่งของตนเองแน่นอน เพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ถือว่าต้องไปเอาคืน ไม่ใช่คนที่มีอุปนิสัยอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนที่รู้จักตนดีจะทราบ หากตนเองจะทำจะเอาคืนชูวิทย์ ไม่มีหรอกที่จะตีงูให้หลังหัก หรือไปทำเพื่อให้เกิดสัญลักษณ์ ไม่ใช่แน่นอน ทำแล้วต้องเห็นผล เห็นผิดเห็นถูกกันอย่างชัดเจน
นายอนุทิน ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ไม่มีอะไรจะฝากไปถึงชูวิทย์ เพราะเราก็คงไม่มีอะไรต่อกันแล้ว ให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตตามวิถีทางของตนเองให้ดีที่สุด หากวันพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) ถ้าชูวิทย์จะบุกไปหาถึงทำเนียบรัฐบาลก็จะไม่ออกมาเจอ ไม่มีความจำเป็น และไม่ใช่หน้าที่
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/I3qrrWJjIOQ