เฟมินิสต์ปลดแอก - 10 องค์กรสตรี เคลื่อนไหวปม 'ปริญญ์' - 'ชวน' ขอให้มั่นใจ ปชป.ไม่ทำผิดเป็นถูก

วานนี้ (18 เม.ย. 65) ช่วงสายๆ ที่หน้าสำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก กลุ่มเฟมินิสต์ฟูฟู และนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรมทางเพศ นำโดย ‘มีมี่’ ‘ต้นอ้อ’ และ ‘ทาทา’ นักกิจกรรมผู้เคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรมทางเพศ ทำการแสดงเต้น ‘สีดาลุยไฟ’ 2 รอบเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์

‘มีมี่’ ระบุว่า เนื้อเพลงสีดาลุยไฟสะท้อนถึงการโทษผู้เสียหายเมื่อเกิดความรุนแรงทางเพศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ควรมีใครถูกข่มขืน และคนที่ผิดคือคนที่กระทำ ไม่ใช่เหยื่อ

โดยกลุ่มเคลื่อนไหว ได้บอกว่า เพื่อเป็นการยืนหยัดเคียงข้างผู้ถูกกระทำทุกคน เราจึงมาที่นี่เพื่อเรียกร้องให้

1.พรรคการเมืองสอบสวนข้อเท็จจริงการปกปิดประวัติอาชญากรรมของรองหัวหน้าพรรค

2.พรรคต้องตรวจสอบผู้สมัครและกรรมการบริหารทุกระดับในพฤติกรรมความรุนแรงทางเพศ

3.พรรคต้องมีกฎข้อบังคับในจริยธรรมของสมาชิกและกรรมการบริหารทุกระดับอย่างชัดเจนในเรื่องการไม่ล่วงละเมิดและใช้ความรุนแรงทางเพศทุกรูปแบบ

4.พรรคต้องไม่ใช้อิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมในการแทรกแซงคดีความ

5.พรรคต้องออกมาขอโทษประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน เปิดเผยว่า พรรคยินดีรับข้อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่มายาวนาน เราจะไม่ปล่อยให้นักการเมืองไม่ว่าจะพรรคใดก็ตามมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงทางเพศ

ส่วนเรื่องคดีความขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว จึงขอให้กฎหมายเป็นผู้ตัดสิน ส่วนผู้เสียหายพรรคจะมีทีมทนายความที่คอยช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเดินเคียงข้างกลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก

ส่วนเรื่องการแสดงความคิดเห็นว่า คดีความของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นเรื่องส่วนตัว น.ส.รัชดากล่าวว่า หากพฤติกรรมหรือคำพูดใดของคนในพรรคส่งผลต่อประชาชน ทางพรรคต้องขอโทษ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของบุคคลในพรรคเท่านั้น

------

ด้าน 10 องค์กรสตรี ออกแถลงการณ์กรณี ‘ปริญญ์’ จี้นายกฯ ปลด จุรินทร์ ออกจากปธ.ส่งเสริมสถานภาพสตรี พร้อมเรียกร้องพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายในพรรค และเรียกร้องรัฐบาลปฏิรูปกลไกระดับชาติเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความยุติธรรมแก่ผู้หญิงและเด็กจากความรุนแรงในทุกรูปแบบ

ได้บอกว่า พวกเราตระหนักว่า การคุกคามทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หญิง ซึ่งรัฐมีความรับผิดชอบที่จะต้องดำเนินการคุ้มครอง ป้องกันแก้ไขตามพันธกิจระบุในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และยังตระหนักถึงความยากลำบากของหญิงที่ผ่านพ้นประสบการณ์ถูกคุกคามทางเพศ

โดยเฉพาะเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้มีตำแหน่งในพรรคการเมืองและยังมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำให้กรณีนี้ถูกมองว่าเป็นประเด็นทางการเมือง ไม่ต่างจากในหลายกรณีเมื่อผู้เสียหายออกมาเปิดเผยเรื่องราว ก็ต้องเผชิญกับการตั้งคำถามและเป็นฝ่ายที่ถูกตรวจสอบจากสังคม

ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมรับผิดชอบในการที่ผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคฯกระทำการคุกคามทางเพศแม้จะได้ลาออกไปแล้ว โดยการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายในพรรค คู่ขนานกับกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะต่อกรณีที่หนึ่งในผู้กล่าวหาเคยทำงานให้กับทางพรรค

หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะต้องมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและเพื่อจะได้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดีต่อไปหากผู้กล่าวหารายนี้ตัดสินใจดำเนินคดีต่อนายปริญญ์ ตลอดจนควรตรวจสอบว่า มีปัญหาในกระบวนการคัดสรรบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งในพรรค  ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อมูลการคุกคามทางเพศด้วยหรือไม่  ซึ่งหากพบว่ามีการช่วยเหลือหรือปล่อยปละละเลย ผู้ที่อยู่ในกระบวนการคัดสรรจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย

ทั้งนี้ 10 องค์กรสตรี มีดังนี้ มูลนิธิผู้หญิง, มูลนิธิเพื่อนหญิง, มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล, มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม, มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ, มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ, มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว, มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ, มูลนิธิธีรนาถ กาญจนอักษร, มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ, มูลนิธิเอ็มพลัส, มูลนิธิซิสเตอร์, แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ, สำนักพิมพ์สะพาน และกลุ่มทำทาง

------

ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานผู้แทนสภาราษฎร กล่าวถึงปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขณะนี้มีเรื่องอื้อฉาวว่า ส่วนตัวไม่ขอก้าวล่วงปัญหาภายในพรรค เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารของพรรคที่ต้องจัดการ แต่เห็นว่าปัญหาภายในพรรคการเมือง ปกติก็มีได้อยู่เสมอ เพราะพรรคการเมืองประกอบไปด้วยคนจำนวนมากจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องมีปัญหา และเมื่อปีปัญหากรรมการบริหารพรรคต้องดูแลและรับผิดชอบ

โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบต่อชื่อเสียงของพรรค กระทบต่อผู้สนับสนุนพรรคจำเป็นที่พรรคจะต้องชี้แจง แต่ส่วนตัวไม่ได้มีบทบาท ในการเข้าไปแทรกแซง หรือตัดสินใจได้ แต่ก็ให้คำแนะนำกับเรื่องปัญหาต่างๆ ภายในพรรคว่า เมื่อมีปัญหาแล้วพรรคต้องยึดหลัก โดยเฉพาะหลักความซื่อสัตย์สุจริต และความถูกต้อง ที่พรรคยึดถือมาตลอด ดังนั้นเมื่อมีปัญหาก็ต้องยึดหลักการนี้ไว้ และเมื่อเกิดปัญหาก็ควรหาโอกาสชี้แจง ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะขณะนี้เริ่มมีบางประเด็น ที่สื่อมวลชน นำเสนอคลาดเคลื่อนไม่ค่อยตรงนัก ตนจึงอยากให้พรรคชี้แจง

นายชวน ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกระทบกับพรรคประชาธิปัตย์โดยรวม เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นย่อมกระทบกับพรรคอยู่เสมอ ทั้งเรื่องดี และเรื่องที่ไม่ปกติ แต่เชื่อว่าพรรคยังยึดหลักความถูกต้อง และขอให้มั่นใจว่าพรรคยึดหลักการนี้มาโดยตลอด

ส่วนเรื่องที่มีการเรียกร้องให้กรรมการบริหารพรรค ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ นั้น นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคต้องไปคุยกัน แต่ตามข้อบังคับพรรค พรรคมีมาตรฐานทางจริยธรรมอยู่แล้ว ที่ผ่านมา แม้แต่รัฐมนตรี ถูกกล่าวหาในเรื่องที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง ก็เคยให้ลาออกไปก่อน เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เป็นแบบอย่างเรื่องนี้มาโดยตลอด

ส่วนกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคจะ มีการตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมหรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคพิจารณา

“ขอเรียนว่า ท่านศุภชัย พานิชภักดิ์ และครอบครัวเป็นคนดี ถึงแม้จะเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่ไม่ใช่นักการเมืองที่มีอิทธิพล ที่จะไปกันแกล้งทำให้บ้านเมืองผิดปกติ ที่ตนพูดได้ เพราะในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี และนายศุภชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรีนั้น นายศุภชัยไม่เคยมีปัญหาในทางที่ผิด หรือใช้อิทธิพลใดก็ไม่มี

จึงขอให้มั่นใจ และขอให้เจ้าหน้าที่ ของบ้านเมืองปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด อะไรถูก อะไรผิด ให้ว่าไปตามกฏหมาย อย่าเกรงใจผู้ใด ในส่วนพรรค ขอให้มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ เราไม่ทำอะไรให้ถูกเป็นผิดหรือผิดเป็นถูก และเราไม่บังอาจไปคุกคามเจ้าหน้าที่ขอให้มั่นใจได้” 

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/txnlBTwAO68