เลือกตั้งและการเมือง

'เท่าพิภพ' อัด ผู้ว่าฯ กทม.ไม่เข้าใจธุรกิจกลางคืน จวกกระดกเหล้าให้หมด ก่อน 3 ทุ่ม ผิดหลักสุขภาพ

โดย thichaphat_d

3 พ.ย. 2564

67 views

จากกรณีที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร โดยตามหลักปฏิบัติจะต้องเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน SHA และขายได้ถึงเวลา 21.00 น.เท่านั้น จะไม่มีการขยายเวลา หากถึงเวลา 21.00 น. แล้วยังดื่มไม่หมด หากเหลือในขวดก้ให้ปิดฝาเอากลับบ้านไป ถ้าอยู่บนโต๊ะก็ให้กระดกให้หมดหรือเททิ้งไป


ต่อมานายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (กทม.) กล่าวว่า หลังจากได้เห็นคำสัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.อัศวิน แล้วรู้สึกสลดใจและเห็นใจคนกลางคืนเป็นอย่างยิ่งที่มีผู้ว่าฯกทม.ซึ่งไม่สนใจและไม่เข้าใจธุรกิจกลางคืน หรือคนกลางคืนแม้แต่นิดเดียว


สาเหตุอาจเพราะการไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เป็นตำรวจมาทั้งชีวิตจึงเคยชินแต่การใช้คำสั่ง ถึงเวลาก็มีเงินเดือนมา ดีไม่ดีปีใหม่ สงกรานต์ ลอยกระทงก็ไม่รู้ว่ามีกระเช้ามาให้ด้วยหรือไม่ ชินกับการรับ กระทั่งตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ก็รับมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ ไม่ได้มาจากประชาชน จึงไม่เข้าใจปัญหาของคนทำมาหากินเลย


การเปิดร้านแต่ละวันแต่ละคืน เจ้าของร้านและลูกจ้างต้องมีภาระมากแค่ไหนท่านรู้หรือไม่ สมัยผมทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านอาหาร เวลาเริ่มงานคือ 16.00-01.00 น. คือ 9 ชั่วโมง ได้ค่าจ้างวันละ 500 บาท ลองคิดดูถ้าเลิก 21.00 น. เวลาทำงานจะเหลือเพียง 5 ชั่วโมง รายได้ก็ต้องลดตามชั่วโมงงาน แต่ค่ารถมาทำงานยังเท่าเดิม มันคุ้มกับเขาหรือไม่


ยังไม่นับธุรกิจกลางคืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดก็ขาดรายได้มานาน ในมุมของเจ้าของร้านยิ่งแล้วใหญ่ หากเปิดร้าน 16.00 น. กว่าจะมีลูกค้าเข้าจริงคือหลังเลิกงานก็ประมาณ 18.30 น.เป็นต้นไป แต่ประมาณ 2 ทุ่มก็ต้องบอกลูกค้าว่าจะสั่งเครื่องดื่มเป็นรอบสุดท้ายไหม ต้องหยุดก่อน 21.00 น. ตกลงได้ขายจริงก็แค่ราว 1 ชั่วโมงครึ่ง เปิดแบบนี้ก็เหมือนไม่เปิด เป็นนโยบายที่ไม่เข้าใจคนทำธุรกิจว่าวันสิ้นเดือนคือที่ตัดสินว่าตัวเขาและธุรกิจจะสิ้นใจหรือไม่


นายเท่าพิภพกล่าวอีกว่า เมื่อตัดสินใจเปิดเมือง เปิดเศรษฐกิจก็ต้องเปิดด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่ความกลัว คิดว่าข้อเรียกร้องของสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทยขอขยายเป็น 23.00 น. สามารถทำได้ ซึ่งตนสนับสนุนมาตลอด และความจริงก็ควรเปิดเป็นเวลาปกติไปเลย เนื่องจากการควบคุมโรคระบาดปัญหาไม่ใช่เรื่องเวลา เรื่องกลางวัน หรือกลางคืน คิดแบบนั้นคือคุมคน ไม่ใช่คุมโรค


สิ่งที่ กทม.ต้องทำคือสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินตามมาตรการที่ออกมาจาก SHA ได้ ไม่ว่างบประมาณ หรือเครื่องมือต่างๆ ต้องพร้อมเสริมให้เขา เช่น ชุดตรวจ ATK ราคาถูก หรืออื่นๆ ไม่ใช่การบอกว่าจะส่งคนไปคอยเฝ้าตรวจทั้งกลางวันกลางคืนเหมือนคนเสียสติ จ้องแต่จะเล่นงานคนตัวเล็กตัวน้อย และสิ่งจะต้องปรับปรุงคงเป็นวิธีการลงทะเบียนที่เข้าถึงผู้ประกอบการทั่วไปมากขึ้น ควรมีการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือลงทะเบียน ไม่ใช่ลงพื้นที่ไปเพื่อปราบปรามอย่างเดียว


“ถ้ามองมุมกลับจากการที่ พล.ต.อ.อัศวินให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเครื่องดื่มเหลือหลัง 21.00 น. ให้กระดกให้หมดเลย ยิ่งถือว่าผิดหลักสากลด้านสุขภาพ เพราะการดื่มสุราในปริมาณมากๆ ในระยะเวลาสั้นๆ จะทำให้เกิดอันตรายมากกว่า มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วจากประเทศอังกฤษที่พยายามจำกัดเวลาการดื่มแอลกอฮอล์ในผับเพื่อลดปัญหาที่เกี่ยวเนื่องจากสุรา ปรากฏว่าปัญหาเพิ่มขึ้นชัดเจน เนื่องจากผู้ดื่มคิดว่ามีเวลาน้อย ร้านจะปิดเลยดื่มในเวลาอันสั้นลง แม้ปริมาณน้อยกว่าเดิม แต่ก็เมามากกว่าเดิมเช่นกัน ทำให้ไม่ใช่วิธีที่ดีในการแก้ปัญหา” นายเท่าพิภพกล่าว


จึงอยากให้ผู้บริหารนโยบายประเทศนี้เลิกเสียทีกับการเอาการดื่มสุราในร้านอาหาร หรือธุรกิจกลางคืนมาเป็นแพะรับบาปในการปัดความผิดพลาดจากการกำกับนโยบายสาธารณสุขของภาครัฐ ทั้งการบริหารแผนวัคซีน หรือการตรวจเชิงรุกต่างๆ


ส่วนการเปิดประเทศในครั้งนี้มองว่าจะล้มเหลวตั้งแต่ไม่เริ่ม เพราะธุรกิจกลางคืนคือสีสันของกรุงเทพฯ เป็นเอกลักษณ์ที่มีชื่อเสียงและสำคัญไม่แพ้วัดวังต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากจะมาสัมผัส ทั้งยังสร้างเงินและงานให้กับคนกรุงเทพฯจำนวนมาก


“ผมจึงหวังว่าโอกาสที่คนกรุงเทพฯได้เลือกใหม่จะมาถึงเร็วๆ นี้ เพราะหากวันหนึ่งวันใดที่เรามีผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งได้ เชื่อว่าการออกนโยบายสำหรับเมืองมหานครและผู้คนในเมืองคงดีกว่านี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง เราคงได้ดื่มหมดแก้วเพื่อฉลองกันในโอกาสที่ได้เห็นผู้ว่าฯ อัศวินของคณะรัฐประหารกลับบ้านไป” นายเท่าพิภพกล่าว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/b_CINymfNY4

คุณอาจสนใจ

Related News