เลือกตั้งและการเมือง

รถบรรทุกทำถนนยุบ สะเทือนคดี ‘ส่วยสติกเกอร์’ ผู้ว่าฯ กทม.เผยรถคันก่อเหตุเคยบรรทุกถึง 61.4 ตัน

โดย paweena_c

9 พ.ย. 2566

2.3K views

เหตุรถบรรทุกดินเหนียวทำถนนยุบ ย่านสุขุมวิท สะเทือนถึงคดีส่วยรถบรรทุก ผบช.น.สั่งตั้งกรรมการสอบตำรวจในพื้นที่ ปล่อยปละละเลยส่วยสติกเกอร์

เมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 2566) เวลาประมาณ 11.30 น. เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสิบล้อบรรทุกดินเหนียว ตกลงไปบริเวณอุโมงค์ร้อยสายไฟใต้ดินของการไฟฟ้า ซึ่งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 64/1 ทำให้ต้องปิดการจราจรกว่า 12 ชั่วโมง ถึงจะซ่อมแซมและเปิดการจราจรได้อีกครั้ง ซึ่งจุดที่เกิดอุบัติเหตุอยู่เลนที่ 2 ของถนน จังหวะที่รถบรรทุกขับผ่าน ล้อหน้าผ่านไปได้ แต่ช่วงบรรทุกหลังที่ใส่ดินเหนียวมาเต็มคันกลับไม่สามารถผ่านได้ เพราะฝาบ่อที่ทำด้วยคอนกรีตหนาเกิดหักกลาง ทำให้ช่วงหลังกระบะที่บรรทุกดินตกตัวลงไปในบ่อ แล้วฝาบ่อก็ดีดตัวขึ้นมา ส่งผลให้ไรเดอร์ที่ขี่มาพอดี รถจักรยานยนต์โดนดีดลอยขึ้นมาแล้วตกลงมากระแทกพื้น บาดเจ็บ 1 คน และรถมอเตอร์ไซค์พังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีแท็กซี่อีก 1 คันที่เสียหายเช่นกัน

นายศักดิ์มงคล ทาสะโก อายุ 29 ปี คนขับรถบรรทุก กล่าวว่า เขาขับรถบรรทุกเป็นครั้งแรก และเป็นเที่ยวแรก โดยขับออกมาจากไซต์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 64/2 เพื่อบรรทุกดินไปยังปริมณฑล ออกมาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ แผ่นคอนกรีตบริเวณล้อหลังก็ได้ทรุดตัวลง ทำให้หน้ารถลอยขึ้น ด้วยความตกใจจึงรีบลงจากรถ และเห็นว่ารถแท็กซี่ที่ขับตามหลังมาเสียหาย 1 คัน ส่วนไรเดอร์ที่ได้รับบาดเจ็บเขาไม่เห็น และยังบอกด้วยว่า ไม่ทราบว่าน้ำหนักเกินหรือไม่ เพราะตอนตักดินใส่รถไม่ได้ชั่งน้ำหนัก แต่คาดว่าน่าจะไม่เกิน 20 ตัน

วิธีการเคลื่อนย้ายรถเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถแบคโฮมาตักดินที่อยู่หลังรถออกก่อน ย้ายไปไว้ที่รถสิบล้ออีกคัน แล้วจะนำไปชั่งน้ำหนักว่าน้ำหนักเกิน 25 ตันหรือไม่ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้ฝาปิดบ่อเกิดทรุดตัว เป็นเพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือฝาบ่อปิดอุโมงค์ไม่ได้มาตรฐาน แต่ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการ เจ้าของรถบรรทุกกลับมาโวยวายว่าจะทำเอง หากจะย้ายทำหนังสือรับรองความเสียหายมา โดยอ้างว่ารถเขา 3-4 ล้าน และยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์

จากนั้นผู้รับเหมาได้นำรถแบคโฮมาทยอยตักดินจากรถบรรทุกถ่ายไปยังรถบรรทุกอีกคัน เมื่อรถบรรทุกอีกคันมีดินจำนวนหนึ่งแล้ว แทนที่จะนำไปชั่งน้ำหนัก กลับขับรถบรรทุกดินไปเททิ้งที่ไซต์งาน ทำให้ทีมงานของผู้ว่ากทม. ต้องขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามไป

ทีมข่าวพบกับตัวแทนการไฟฟ้านครหลวง เจ้าของบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน กล่าวว่า ผู้รับเหมาไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ พอเข้าไปเจรจาถามว่าทำไมไม่เอาดินไปชั่งก่อน ผู้รับเหมาพูดเพียงว่าให้นำทนายความมาคุยเท่านั้น

นอกจากนี้ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าที่หน้ารถบรรทุกมีสติกเกอร์สีเขียวรูปดาวขนาดใหญ่ติดอยู่ตรงกลาง และมีอักษรภาษาอังกฤษ ตัว B แปะอยู่

ล่าสุดพันตำรวจเอก วิทวัฒน์ ชินคำ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบมีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ ทั้งเรื่องรถบรรทุกดินตกถนน และเรื่องสติกเกอร์รูปดาวว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์หรือไม่

เมื่อเช้าที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ทีมข่าวลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างที่รถบรรทุกคันเกิดเหตุบรรทุกดินมาทิ้ง อยู่ในซอยสุขุมวิท 64/2 ทีมข่าวอาชญากรรมพบกับนายเฉลิมพล พรหมทอง ผู้จัดการโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการก่อสร้างคอนโดจำนวน 4 อาคาร ก่อสร้างมาได้ประมาณปีกว่าแล้ว แต่สำหรับรถบรรทุกดินนั้น โครงการไม่ได้ว่าจ้างเอง เป็นการทำสัญญากับบริษัทวางระบบรากฐาน แล้วบริษัทดังกล่าว ก็ไปจัดหาผู้รับเหมา ผู้รับเหมาก็ว่าจ้างรถบรรทุกมาตักดินออกอีกทอดหนึ่ง ซึ่งโครงการไม่ได้รับทราบรายละเอียด แต่ในการทำสัญญากับบริษัทก็ได้ระบุไว้ว่า ต้องดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมาย หลังจากนี้อาจมีการประชุมร่วมกันเพื่อเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ มีการนำดินที่ตักออกจากรถบรรทุกที่เกิดเหตุ กลับเข้ามากองรวมที่ไซต์งานก่อสร้างนั้น นายเฉลิมพล กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ประชุมร่วมกับทีมผู้ว่าฯกทม.ที่ลงพื้นที่มา และได้รับแจ้งข้อสรุปจากการประชุมว่า จะตักดินออกจากรถบรรทุกนำมากองไว้ที่ไซต์ และนำรถเปล่าไปชั่ง เขาจึงประสานกับคนงานว่าให้เตรียมพื้นที่ จะนำดินมากอง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นปรับเปลี่ยนกันอย่างไร แต่พอมีเจ้าหน้าที่เข้ามาที่ไซต์ จึงทราบว่าอาจจะต้องเกิดปัญหา และสั่งการให้คนงานล้อมดินกองดังกล่าวไว้ นำผ้ามาคลุม ไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับดินกองนี้

ต่อมา หลังจากนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่มาพูดคุย และมีความเห็นว่า ต้องนำดินที่ตักออกมาไปชั่งรวมกันด้วย เลยให้คนงานตักดินกลับออกไปจากกองที่พักไว้ ให้เจ้าหน้าที่นำไปดำเนินการตามขั้นตอน โดยในการตักดินกลับไป มีพยานเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจ สส. และ สก. พรรคก้าวไกล เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เทียบปริมาณในการตักดินกลับไป

จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ พบว่าเปิดการจราจรให้สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว แต่ทีมข่าวสังเกตว่า แผ่นเหล็กที่นำมาปิดถนนไว้นั้น มี 1 แผ่นที่เมื่อรถวิ่งผ่าน ยังสามารถขยับได้อยู่ โดยเฉพาะเวลาที่รถบรรทุกที่มีน้ำหนักมากวิ่งผ่าน แผ่นเหล็กก็จะขยับมากขึ้น

ประชาชนที่ขี่รถมอเตอร์ไซต์ผ่านเส้นทางนี้ กล่าวว่า ยังรู้สึกไม่มั่นใจในการใช้ถนนเส้นทางนี้ เพราะจุดที่ซ่อมถนนแบบนี้เยอะมากและไม่มีความปลอดภัย โดยโครงสร้างใต้ดินนั้นขุดลงไปลึกหลายสิบเมตร แต่แทบไม่มีอะไรรองรับเลย ส่วนตัวมองว่ารถบรรทุกไม่ควรวิ่งเส้นทางนี้เลย เพราะเป็นเขตเมือง มีรถไฟฟ้าด้วย ควรจะไปวิ่งเส้นคู่ขนานนอกเมืองมากกว่า หรือหากจำเป็นในช่วงที่มีการก่อสร้าง ก็ต้องเข้มงวดให้วิ่งเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.แถลงว่า จากเหตุการณ์นี้จะตรวจสอบ ทั้งรถบรรทุกเกินน้ำหนักหรือไม่ และมาตรฐานการก่อสร้าง โดยมาตรฐานการก่อสร้าง ได้สั่งการให้ทุกเขตสำรวจไซต์งานก่อสร้างทุกแห่ง ตรวจสอบมาตรฐาน รวมถึงหลุมที่นำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวงที่มีอยู่ทั่วกทม.ถึง 879 หลุม และบ่อสำนักระบายน้ำอีก 30 แห่ง ซึ่งไม่ได้ปิดถาวร เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย เรียกความมั่นใจประชาชนกลับคืนมา

ส่วนรถบรรทุกดินเกินน้ำหนัก เดิม พรบ.ทางทางหลวงได้กำหนดให้ท้องถิ่น กทม.กำหนดน้ำหนักบรรทุกเอง เมื่อปี 2565 อยู่ที่ 25 ตัน แต่กทม.ไม่ได้เคยบังคับใช้ หลังจากนี้จะร่วมกับตำรวจและขนส่งทางบก สุ่มตรวจรถบรรทุกน้ำหนักเกิน พร้อมเล็งติดตั้งเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพานภายในปีนี้

ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าวอีกว่า พบข้อมูลว่า รถบรรทุกคันเกิดเหตุเมื่อวานนี้ บรรทุกน้ำหนักเกินถึง 61.4 ตัน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/jWOkPareAAE

คุณอาจสนใจ