กมธ.ทหาร เตรียมเชิญ ทร. 26 ต.ค.นี้ แจงปม ซื้อ 'เรือฟริเกต' แทนเรือดำน้ำ

เรือดำน้ำ ที่มีปัญหาเรื่องสเปกเครื่องยนต์ จนอาจต้องเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตแทนนั้น ล่าสุดทางกรรมาธิการการทหาร เตรียมเชิญกองทัพเรือชี้แจงในวันที่ 26 ตุลาคมนี้


นายวิโรจณ์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ ยกเลิกจัดซื้อเรือดำน้ำ แบบ S26T จากจีนมาเป็นเรือรบฟริเกตแทน ว่า ในวันที่ 26 ตุลาคม นี้ กรรมาธิการการทหารจะมีการเชิญกองทัพเรือ เข้ามาชี้แจงเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และความเป็นไปได้ในการคลี่คลายปัญหานี้ รวมถึงเงิน 7,000 ล้านบาทที่จ่ายไปแล้ว จะทำอย่างไรให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด


นายวิโรจน์ ยังมองว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อเรือรบฟริเกตเองได้ ทำไมไม่เลือกทางเลือกอื่น แล้วนำเงินที่เหลือไปแลกเปลี่ยน เช่น ซื้ออุปกรณ์เพื่อนำมาประกอบในประเทศไทย หรือสามารถเปลี่ยนเป็นสินค้าอื่นได้หรือไม่ เช่น เรือ ตรวจการระยะไกลOPV หรืออุปกรณที่เราผลิตเองไม่ได้แต่มีความจำเป็น


ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมาธิการงบประมาณปี 2566 ระบุว่า การเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตไม่ใช่เรื่องง่าย แค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเห็นชอบก็ทำได้เลย เพราะระบบราชการมีระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง


นายสมชัย ยังบอกด้วยว่า เมื่อเขาส่งไม่ได้ เราก็ต้องปรับ เรียกเงินคืน ทำแบล็กลิสต์ เอาเงินคืนคลัง ส่วนอยากจะได้เครื่องอะไรใหม่ ก็ต้องทำเรื่องของบประมาณใหม่โดยชี้แจงเหตุผลความจำเป็น หากเร่งด่วนก็ขอใช้เงินงบกลาง หรือ ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงรายการอีกทีหนึ่ง พร้อมตั้งคำถามถึงงบประมาณอื่น ๆ ที่ใช้ไปกับการเตรียมรับเรือดำน้ำ เช่น การสร้างท่าเทียบเรือดำน้ำ การส่งคนไปฝึกอบรม ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการอื่น ๆ ใครเป็นคนรับผิดชอบ


ขณะที่นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าการเปลี่ยนจากเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต หรือ การจัดหาเรือOPV มีผลกระทบในเรื่องงบประมาณที่ต้องสูญเสียอยู่แล้ว แต่หากมองในหลักการ การเสียเงินไปเฉยๆ กับการที่ได้ของมาใช้งานได้จริง เชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพิจารณาในแนวทางที่เหมาะสม และรอบคอบที่สุดอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เราสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Qbvyz_d1zWc