เลือกตั้งและการเมือง
สภาหมื่นล้าน ‘วุฒิสภา’ จัดงานพบสื่อ เจอน้ำรั่วจากฝ้า สว.ต้องย้ายเก้าอี้หนี
โดย olan_l
10 ก.ย. 2567
77 views
วุฒิสภาจัดงานพบสื่อครั้งแรก ปรากฎน้ำรั่วสว.ต้องย้ายเก้าอี้หนี “3 ประมุขสภาสูง” ร่ายยาวเปิดใจ
วันนี้ (10 ก.ย.) ที่รัฐสภา วุฒิสภาจัดกิจกรรม “วุฒิสภาพบสื่อมวลชน“ Meet the Press เป็นครั้งแรกภายหลังจากการปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภาชุดใหม่ โดยเป็นการเปิดให้สื่อมวลชนรับฟังทิศทางการทำงานของประธานและรองประธานวุฒิสภา รวมถึงการสนทนาแลก ความเห็นระหว่างวุฒิสภากับสื่อมวลชน ณ ห้อง 102-104 ริมน้ำ อาคารวุฒิสภา
โดยกิจกรรมนี้ นำโดยมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ซึ่งระหว่างที่รอประธานวุฒิสภาเดินเข้าห้องประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับสื่อมวลชนพบว่า บริเวณที่สมาชิกวุฒิสภานั่งมีน้ำรั่วจากบริเวณฝ้าลงมาอย่างไม่ขาดสายทำให้ สว.ต้องย้ายเก้าอี้หนีน้ำรั่วโดยทันที
จากนั้นนายมงคล ได้กล่าวเปิดใจกับ สว. และ สื่อมวลชนถึงแนวทางการทำงานในตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่า เมื่อทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภาเมื่อตนยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนเด็กนักเรียนเพราะหลายท่านพูดในสิ่งที่ตนไม่รู้ เช่น ฟังเรื่องคนพิการ และคนชรา พอพูดจบตนก็ให้รองประธานทำหน้าที่แทนเพื่อจะลงไปพูดคุยกับสมาชิกที่อภิปรายเพราะสิ่งที่ท่านพูดตนก็คิดเช่นนั้นเพราะชีวิตทั้งชีวิต ก็ทำแบบนี้มาตลอด เช่นการได้ประชุมรัฐสภาร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันครั้งแรกเมื่อพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องน้ำท่วมก็พูดเรื่องจริงตนนั่งฟังไม่เคยเบื่อที่สมาชิกพูดเพราะปกติคนวัยนี้จะง่วงแต่ตนไม่ง่วงเลย โดยการคิดต่างคือความงดงาม คือดอกไม้ที่หลากสี ต่างกันแต่ไม่แตกแยก
ดังนั้นคนเป็นประธานจะต้องมีอุเบกขา คือไม่โกรธไม่เกลียด รับได้ และต้องไม่หลงตนเอง เพราะถ้าหลงก็จะใช้อำนาจเหมือนตนเหนือกว่า ซึ่งหากไม่จำเป็นจริงๆ ตนก็จะไม่ติติงใคร ซึ่งนอกจากจะให้เกียรติกับทุกท่านแล้ว ตนพยายามเดินคุยมาตลอด จะไม่นั่งคนเดียว หรือฟังแต่สิ่งที่ตนเองถูกใจ สิ่งที่ตนไม่รู้ยังมีอีกมากการได้มาพบกับทุกคน ยิ่งกับสื่อมวลชน ที่ช่วยดูแลทำข่าว ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยศูนย์รวมคือชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ คือความผาสุกของประชาชน มีอะไรก็ติติงได้ตนยินดีน้อมรับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวว่า ภารกิจของบ้านเมืองเป็นหลักเรื่องส่วนตัวเมื่อทำหน้าที่แล้วต้องตัดออก จะต้องยอมสละเวลา ทุ่มเทเวลาเพราะ มีคนอยู่สองวัยคือวัยหนึ่งเป็นวัย 40-50 ปี เป็นคนร่วมสมัยมีประสบการณ์สูง และตนถือเป็นวัยสุดท้ายที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีข้อแก้ตัว ว่าสิ่งที่ผิดพลาดไปสิ่งที่จะต้องทำจะต้องทำอย่างสุจริต คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด
ด้านพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวถึงการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาของตนเองว่า จากการรับราชการของตนเองกว่า 30 ปี มาเป็นวุฒิสภา ซึ่งตนเองไม่ได้ตั้งใจมาทำหน้าที่ดังกล่าว แต่หวังเป็นเพียงวุฒิสภา เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดในจังหวัดชายแดนใต้ โดยไม่ต้องเป็น สส. ดังนั้น แต่ก็เหนือความความหมาย ได้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ตามที่ประธานวุฒิสภามอบหมาย ทั้งการประสานงานกับ สว., กิจการวุฒิสภา และการพบปะผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ดังนั้น ด้วยความตั้งใจในการทำหน้าที่ สว. และได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมยอมรับว่า อาจมีข้อบกพร่องบ้างเป็นธรรมดา
พล.อ.เกรียงไกร ยังยอมรับอีกว่า จากการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา รับฟัง สว.อภิปราย ก็ทำให้ทราบมุมมองใหม่ ๆ แม้ตนเองอยากจะอภิปรายบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราพจะต้องทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา พร้อมยืนยันว่า ตนเองพร้อมรับฟังความเห็นที่หลากหลายของวุฒิสภา
พล.อ.เกรียงไกร ยังมั่นใจว่า สว. 200 คนชุดนี้ จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานถึงประชาชนได้
ขณะที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง กล่าวว่า ตนชินแล้ว พอได้เห็นหน้าค่าตาสื่อมวลชนประจำ กกต. เจอคำถามหนักๆ มาตั้งแต่เป็น กกต.แล้ว การให้สัมภาษณ์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตนมาเป็นรองประธานวุฒิสภา พวกเราต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ป. ข้อบังคับเดียวกัน การทำหน้าที่บนบัลลังก์ต้องระมัดระวังด้วย มีหลายครั้งที่ตนอยากจะพูดว่าบนบัลลังก์แต่พูดไม่ได้
"เรามือใหม่ด้วยกันทั้งหมด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังนิดหนึ่งหรือแม้กระทั่งการรักษาเวลาในการพูดก็ต้องรักษา บางทีพูดจบแล้วหาทางลงไม่ได้บางทีการหารือก็ต้องเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ ไปกำชับท่านมาก ท่านก็หาว่าผมอีกเคร่งครัด ทำงานไปเรื่อยๆก็คงสนิทไปเรื่อยๆ ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ" นายบุญส่ง กล่าว
นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า สำหรับสื่อมวลชนคงไม่มีอะไรจะฝาก ตนฝากประเด็นให้ท่านขยายต่อเรื่องภารกิจด่วนของรัฐบาล ตนเห็นว่าหลายประเด็นเป็นประเด็นที่กระทบกระเทือนกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประเด็นแรกการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการให้เช่าที่ดิน 99 ปี
"เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส เราคงจะพูดกันอีกยาว ในการแถลงการณ์นโยบายของรัฐบาลพวกเราควรจะถาม พวกเราควรจะชี้ให้เห็นว่ามันไม่ชอบอย่างไร วุฒิสภาเราไม่ควรเห็นด้วย 99 ปี เราไม่ใช่เมืองขึ้น จะเอาแบบฮ่องกง มาเก๊า พวกเราไม่ใช่ ฝากสื่อนิดหนึ่ง ควรจะตั้งเป็นคำถามไว้ตอบสังคมและประชาชน" นายบุญส่ง กล่าว
นายบุญส่ง ย้ำกับสื่อมวลชนว่า ตนอยากทราบที่มาของวุฒิสภาชุดตน ควรจะปรับปรุงควรจะแก้ไขอย่างไรหรือไม่
นายบุญส่ง ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการขับเคลื่อนภารกิจด้านนิติบัญญัติว่า ตนมาตรงนี้ไม่ได้คิดว่าเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์อะไร ไปสมัครก็คิดว่าจะไม่ได้เป็น เป็นแล้วก็ไม่ได้คิดว่าเป็นรองประธาน เพราะอยากรู้ว่าระบบเป็นอย่างไร ทำไมคนอีกหลายคนไม่รู้ว่าการเลือก สว.เป็นอย่างไร ตนไม่เห็นด้วยกับเงิน 2,500 บาท การใช้สิทธิเสรีภาพไม่ควรมีตรงนี้เข้ามา โดยเฉพาะระเบียบข้อบังคับของ กกต.หลายเรื่อง สุดท้ายชีวิตก็เป็นแบบนี้
"ทำอย่างไรให้ผลงานที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่เสียเวลากับการโต้เถียงในการประชุมกัน มีเรื่องขัดกันไปคาดกันมา ผมไม่สบายใจ มันทำให้ดีกว่านี้เยอะ ถ้าจะทำ อะไรที่สร้างสรรค์ได้ก็น่าจะทำ" นายบุญส่ง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดกิจกรรมในวันนี้ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.คนดัง ไม่ได้มาร่วมงานด้วยแต่อย่างใด
แท็กที่เกี่ยวข้อง วุฒิสภา ,สภาหมื่นล้าน ,น้ำรั่ว