เลือกตั้งและการเมือง

เลขาฯป.ป.ช. เดินหน้าสอบคดีจริยธรรม ‘เศรษฐา’ เตรียมคัดคำวินิจฉัยศาลรธน.ประกอบ

โดย olan_l

15 ส.ค. 2567

19 views

นายนิวัติไชย เกษมมงคล  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน  พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  เนื่องจากขาดคุณสมบัติไม่มีความขื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์จากการเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีการร้องเรื่องมาตราฐานทางจริยธรรมในชั้นของ ป.ป.ช.ด้วย    ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่น เดียวกับกรณี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112  ซึ่งคดีนี้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว ป.ป.ช.จะต้องขอคัดคำวินิจฉัยศาล เพื่อมาประกอบการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการไต่สวนเพราะต้องรอคำวินิจฉัยก่อน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบในการพิจารณาของ ป.ป.ช. ส่วนจะทำให้ไวขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ตนไม่ขอก้าวล่วง  

เลขาธิการ ป.ป.ช.เชื่อว่า แม้นายเศรษฐา จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่เป็นอุปสรรค ยุ่งยากในการตรวจสอบและคิดว่านายเศรษฐา พร้อมชื่อแจ้งอยู่แล้ว  เช่นเดียวกับที่ชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญ  ส่วนระยะเวลาของการไต่สวนขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง บางเรื่องเราสามารถไต่สวนได้ภายใน  1 ปี  เพราะ ป.ป.ช.จะต้องพิจารณาคดีจริยธรรม  ว่าร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง  ก่อนที่จะส่งศาลฎีกาไปตามกฎหมาย ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ล่าช้า มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา  แต่เนื่องจากมีการร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ การพิจารณาจึงต้องไปทีละขั้นตอน  เพราะหาก ป.ป.ช.วินิจฉัยไปก่อนแล้วศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปอีกทาง ผลก็ตะตรงกันข้ามกัน  ดังนั้นทุกอย่างจะค้องนำมาประกอบกันก่อนวินิจฉัย เพราะศาลถือเป็นองค์กรสุงสุด  

เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า คดีนี้ ป.ป.ช.จะต้องไปดูมาตราฐานทางจริยธรรมที่กำหนดไว้และต้องตีความ เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดที่เขียนไว้ชัดเจน ดังนั้นต้องดูว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข้อใดของประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  และต้องดูว่าข้อนั้นเป็นเรื่องจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่    

ซึ่งอย่ามองว่า เป็นเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัด  ทุกอย่างต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง  เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะต้องถูกสาธารณชน หน่อวยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบ แสดงว่าทุกคนพร้อมที่จะให้ตรวจสอบเมื่อก้าวเข้ามา

ส่วนคดีอื่นของนายเศรษฐา เช่น คดีกล่าวหาแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยมิชอบ นายนิวัติไชย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม หลังมีการเสนอเข้ามาเพื่อให้มีการไต่สวน แต่ที่ประชุม ป.ป.ช.เห็นว่า เนื่องจากนายกฯเป็นตำแหน่งสูง เป็นผู้บริหารระดับประเทศ การดำเนินการต้องรอบครอบ ชัดเจน  ก่อนจะเสนอมาในชั้นของคณะกรรมการ  ดังนั้นเมื่อยังไม่ชัดเจนก็ได้ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในประเด็นข้อกฎหมาย  

อย่างไรก็ตามในปีนี้จะมีคณะกรรมการป.ป.ช.ครบวาระเพิ่มอีก 3 คน ทำให้องค์ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ที่ปัจจุบันเหลืออยู่ 7 ท่าน จาก ทั้งหมด 9 ท่าน จะลดลงไปอีก เหลือเพียง 4 ท่าน ซึ่ง เลขา ป.ป.ช. กล่าวว่า จะไม่สามารถประชุมได้ และส่งผลให้การพิจารณาคดีในชั้นของกรรมการต้องล่าช้า แต่ในช่วงที่จะครบวาระเฉพาะประธานป.ป.ช.ในเดือนหน้านั้น ป.ป.ช.ที่เหลือ 6 ท่าน ยังพอที่จะทำงานต่อไปได้  จึงขอฝากทางวุฒิสภาช่วยกันพิจารณาสรรหากรรมการป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีความซื่อสัตย์ สุจริตเข้ามาเป็นคณะกรรมการป.ป.ช.โดยเร็ว





คุณอาจสนใจ

Related News