เลือกตั้งและการเมือง
แพ้ทุกข้อ! ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกล
7 ส.ค. 2567
1.6K views
ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคำร้องให้ยุบพรรคก้าวไกลจากกรณีการหาเสียงให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเห็นว่า รธน.45 วรรคหนึ่ง ให้ประชาชนสามารถรวมตัวจัดตั้งพรรคการเมือง เพราะพรรคการเมืองเป็นการหล่อหลอมความคิดของประชาชนไว้ด้วยกัน และมีบทบาทอย่างยิ่งต่อประชาธิปไตย แต่เสรีภาพดังกล่าวย่อมมีขอบเขต และถูกกำกับเอาไว้
ขณะที่มาตรา 49 ระบุว่าจะใช้สิทธิในการล้มล้างการปกครองฯ ไม่ได้ และหากพบสามารถยุบพรรคการเมืองนั้นๆ ได้ ซึ่งมาตรานี้เป็นการรับรองให้ต่อต้านโดยสันติวิธี และให้มีการตรวจสอบและสั่งการให้เลิกการกระทำ
ขณะที่กฎหมายพรรคการเมืองก็สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่ให้ประชาธิปไตยปกป้องตนเองได้ และการยุบพรรคก็เป็นหนึ่งในกลไกปกป้องตนเอง
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การที่ สส.พรรคก้าวไกล 44 คน เสนอแก้ ม.112 จากเดิมที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ให้เป็นความผิดเกี่ยวกับพระองค์ และให้สามารถแก้ต่างรวมถึงยอมความได้ และใช้เนื้อหาดังกล่าวในการหาเสียง และรณรงค์จัดกิจกรรมให้แก้ไขหรือยกเลิก ม.112 รวมถึงใช้ตำแหน่งในการประกันตัวผู้ต้องหาคดีดังกล่าว
ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญสั่งการให้มีการยกเลิกการกระทำดังกล่าว และไม่ให้มีการแก้ ม.112 ในวิถีทางที่ไม่ใช่นิติบัญญัติ และมีการยื่นคำร้องเพื่อยุบพรรค
ประเด็นแรกเรื่องการมีอำนาจรับเรื่องหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และวางกฎเกณฑ์ รัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เป็นการคุ้มครองระบอบการปกครองของประเทศ และบทบัญญัตินี้มีมาตั้งแต่ รธน.ปี 2540 และ 2550 ก็บัญญัติไว้เช่นกัน โดยเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณา ข้อโต้แย้งฟังไม่ขึ้น
ประเด็นต่อมาคือผู้ร้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องโต้แย้งอย่างเพียงพอหรือไม่ โดยพรรคก้าวไกลอ้างว่าไม่ได้รับโอกาสให้โต้แย้งอย่างเพียงพอ และไม่มีโอกาสแสดงหลักฐาน โดยศาลเห็นว่ากรณีนี้หาก กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังกล่าว ซึ่งคดีนี้ผู้ร้องมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำตามที่ร้อง อันเป็นพยานหลักฐานที่ไม่อาจรับฟังเป็นอย่างอื่น จึงสามารถยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ และแม้กรณีนี้แรกเริ่มเป็นเรื่องการปรากฏต่อนายทะเบียนพรรค ซึ่งนายทะเบียนพรรคฯ ก็ได้ดำเนินการตามกระบวนการ และมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นกรณีเดียวกันไม่สามารถโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้ ดังนั้นแม้จะไม่ให้โอกาสโต้แย้ง แต่เป็นคดีเดียวกับคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัย ซึ่งมีการพิจารณาในชั้นศาลแล้ว จึงถือส่ามีการให้ความเป็นธรรมมากกว่า กกต.ข้อโต้แย้งจึงรับฟังไม่ได้
ประเด็นต่อมา ผู้ถูกร้อง หรือพรรคก้าวไกล ระบุว่าถูกสั่งยุติการกระทำจึงไม่เป็นการล้มล้างการปกครอง โดยศาลระบุว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติไม่ให้ใช้สิทธิในการล้มล้างการปกครองฯ ซึ่งแม้การปกครองจะยังไม่ถูกยกเลิก แต่เมื่อมีการกระทำดังกล่าวก็ถือเป็นความผิดสำเร็จในทันที ไม่ต้องรอให้เกิดผลก่อน แม้ภายหลังจะสั่งการให้เลิกและพรรคยอมถอดออกจากเว็บไซต์ และมีการใช้ สส.และสมาชิกพรรค เป็นผู้ร่วมกระทำผิด อีกทั้งมีการรณรงค์ปลุกเร้า ยุยงปลุกปั่น ซึ่งอาจทำให้เกิดความขุ่นเคืองในประชาชน
ประเด็นต่อมา การกระทำของผู้ถูกร้องไม่เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ และการลงโทษไม่เป็นไปตามสัดส่วนหรือไม่ โดยศาลเห็นว่า ผู้ถูกร้องยื่นแก้ข้อกล่าวหาโดยอ้างว่าการเสนอแก้ ม.112 มีเนื้อหาให้เปลี่ยนฐานความผิดออกจากลักษณะหนึ่ง และให้มีการยกเว้นโทษและยอมความได้ และไม่ได้เป็นการลดทอนการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายสากลเท่านั้น และการกระทำหลายๆ อย่างเป็นการกระทำในนามบุคคล อย่างไรก็ตามสิ่งที่คัดค้าน เป็นข้อเท็จจริงเดิม และเคยยกมาในการพิจารณาคดีเดิม เมื่อฟังเป็นที่ยุติพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเพื่อล้มล้างการปกครอง ซึ่งรัฐธรรมนูญบอกว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเด็ดขาด ข้อเท็จจริงด้งกล่าวย่อมต้องผูกพันศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ด้วย และการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปใช้ทางการเมืองจึงเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ
“ผู้ถูกร้องมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อ่อนแอลง จึงเข้าข่ายการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
เมื่อพรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมือง การยุบพรรคการเมืองจึงต้องเคร่งครัดและระมัดระวังและให้ได้สัดส่วน การยุบพรรคต้องทำตามรัฐธรรมนูญกฎหมายและการกระทำของพรรคการเมือง ซึ่งการกระทำของพรรคที่ถูกร้องเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย และกฎหมายต้องใช้กับทุกพรรค จึงเป็นการกระทำที่ได้สัดส่วน
ศาลรัฐธรรมนูญจึงต้องสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องโดยไม่อาจถูกร้อง แม้นักวิชาการ นักการเมือง นักการทูตหลายๆ ประเทศก็ย่อมมีกฎหมาย การแสดงความเห็นต้องมีมารยาททางการทูต
ส่วนกรรมการบริหารพรรคจะต้องสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เห็นว่ากฎหมายพรรคการเมืองบัญญัติว่าเมื่อไต่สวนและมีพยานหลักฐานให้สั่งยุบพรรคการเมืองและให้สั่งห้ามสมัครรับเลือกตั้งต่อกรรมการบริหารพรรคการเมือง จึงชอบที่จะสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ กรรมการบริหารพรรคการเมือง
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์สั่งยุบพรรคก้าวไกล เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคมีกำหนดเวลา 10 ปี และห้ามกรรมการบริหารพรรคไปจดทะเบียนหรือเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือมีส่วนร่วมตั้งพรรคการเมืองใหม่ใน 10 ปี
แท็กที่เกี่ยวข้อง ก้าวไกล ,ศาลรัฐธรรมนูญ ,ยุบพรรค