เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ ถกด่วนแก้ฝุ่น ขอผู้ใหญ่ลงพื้นที่ให้เยอะขึ้น “ยอมเหนื่อย มือเปื้อนดิน เท้าเปื้อนโคลน”

โดย attayuth_b

15 ก.พ. 2567

25 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน การประชุมติดตามสถานการณ์ฝุ่น โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พลโทอานุภาพ ศิริมณฑล เจ้ากรมกิจการพลเรือนและโฆษกกองทัพบก เป็นต้น หารือยังห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองPM2.5 ต้องบูรณาการหลายภาคส่วน ซึ่งเรื่องปัญหาฝุ่นละอองPM 2.5 การประสานงานระหว่างหลายภาคส่วนของรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ซึ่งหลายฝ่ายมีส่วนทำให้มันไม่ราบรื่น ตนต้องขอโทษด้วย หากต้องมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เชื่อว่าเชียงใหม่ทำได้กาญจนบุรีที่มีปัญหาอยู่ขณะนี้ก็ทำได้ พร้อมกับระบุว่าผู้ว่าฯเองต้องแอคทีฟให้มากขึ้น ลงพื้นที่ให้เยอะขึ้นไปบัญชาการเองเรื่องการเก็บวัชพืช และเรื่องการป้องกันไฟที่จะเกิดขึ้น ทั้งจุดความร้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีเครื่องมือที่ดีมาก ฝากให้นายอนุทิน ขอให้พื้นที่ทุกจังหวัด ช่วยกันคิดว่าแต่ละจังหวัดมีกลไกอะไร ที่จะสามารถระดมสรรพกำลังซึ่งเชื่อว่าสามารถทำได้

นายกฯ ยังระบุอีกว่า ตนได้มีการหารือกับผู้บัญชาการทหารบก ว่ายุทโธปกรณ์อะไรที่ยังไม่ได้ใช้ เช่นรถลำเลียงคน ขอให้เปลี่ยนมาเป็นรถจัดเก็บซากวัชพืชลำเลียงให้กับเกษตรกร ไปทำไบโอดีเซล ทำถ่านไร้ควัน ทำปุ๋ยอินทรีย์ รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนด้านน้ำมันให้อยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยตนขอให้พื้นที่ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและเกษตรจังหวัด และประสานกับท้องถิ่นให้ดี ตนเชื่อว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้

จากนั้นโฆษกกองทัพบกได้รายงานว่าผู้บัญชาการทหารบกรับสนองนโยบาย และได้สั่งการไปยังแม่ทัพภาค 1 ที่รับผิดชอบในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดกาญจนบุรีโดยกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เป็นผู้ดำเนินการและบริหารงานร่วมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่

นายกฯ จึงกล่าวว่า ตนเข้าใจว่ากองทัพพยายามทำงานอยู่ และตนคิดว่า แม่ทัพภาค 1 เองมีภารกิจค่อนข้างมาก แต่อยากให้ลงไปดูเองบ้าง ตรงแนวที่มีจุดความร้อนจำนวนมาก เพราะไม่เช่นนั้นจะได้รับการบูรณาการที่ไม่จริงจัง เพราะขณะนี้อ้อยในพื้นที่ถูกเก็บเกี่ยวเกือบหมดแล้วเหลือข้าวกับข้าวโพด และตนก็ได้สั่งการบางอย่างไปไว้ก่อน ซึ่งพื้นที่เชียงใหม่ตนลงพื้นที่ไปสามครั้งแล้ว อยากให้ตนลงไปช่วย ตนก็ยินดีไป ไม่มีปัญหา ขอให้บอก ซึ่งจริงๆแล้วก็มีรายงานว่าอีกสามวันจะมีการเปลี่ยนของทิศทางลมทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น แต่เราก็อย่าหวังพึ่งทิศทางลมเลย เราต้องช่วยกันก่อน เพราะมันดีได้อีกสองวัน เดี๋ยวมันก็เลวได้อีกสามวันตรงนี้คนป่วย คนเจ็บ และอาจมีผู้เสียชีวิตได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิทธิพื้นฐานของพี่น้องประชาชน ส่วนฝุ่นที่มาจากกัมพูชาหรือที่ใดตนรับไปพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศเอง

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังสั่งการไปยังนายอนุทิน ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วง สุดสัปดาห์แล้วขอให้รีบเร่งประชุมผ่านระบบวิดีโอ conference ก็ได้ อย่าใช้เพียงการสั่งการอย่างเดียว

“ขอเถอะ ควรจะต้องลงพื้นที่ให้เยอะขึ้น ไปสำรวจกันหน่อย ใส่รองเท้าบูทยอมเหนื่อยกันหน่อย มือเปื้อนดิน เท้าเปื้อนโคลนหน่อย ถ้าผู้ใหญ่ลงไปกันเองผมว่ามันได้ใจนะ ซึ่งที่เชียงใหม่ก็ทำอย่างนั้น ทุกๆ ภาคส่วนเลย รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 3 ก็ทำได้มาก ยังไงฝากหน่อยแล้วกัน และมันจะช่วยได้หมด ไม่ใช่แค่ PM 2.5 อย่างเดียว เรื่องยาเสพติด สินค้าเถื่อน ถือเป็น 3 ปัญหาหลัก หากแก้ปัญหาสินค้าเถื่อนได้ดี พืชผลไทยก็จะขึ้นมาเยอะ รายได้พี่น้องจะเข้าสู่กระเป๋าเยอะขึ้น เพราะไม่ไปสอดส่ายกับยาเสพติด ผมว่ามันเป็นห่วงโซ่ที่จะเป็นเรื่องบวกในวันข้างหน้า ยังไงขอให้หนักหน่อย เสาร์อาทิตย์นี้ถ้าเป็นไปได้ ผู้ใหญ่ลงไปหน่อยแล้วกัน และขอให้รองนายกฯไปเยี่ยมที่เชียงใหม่ด้วย ไปให้กำลังใจเขาหน่อย เพราะเขาทำได้ดีมากจริงๆ และให้นำไปทำในพื้นที่จังหวัดอื่นด้วย”

ภายหลังการประชุมนายอนุทิน เปิดเผยว่า ตนจะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายประชุมผู้ว่าฯในพื้นที่ภาคเหนือ ทำความเข้าใจกับในพื้นที่หาแนวทางแก้ไขซึ่งคิดว่าจะนำโมเดลของจังหวัดเชียงใหม่มาปรับใช้

ส่วนมาตรการเร่งด่วนก็จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและขอความร่วมมือเรื่องของการเผาซากผลผลิตและวัชพืชแต่ก็ยังมีการลักลอบอยู่บ้าง ส่วนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านรัฐบาลก็จะใช้วิธีการเจรจา สำหรับในพื้นที่เมืองใหญ่ก็อาจจะต้องใช้มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮมรวมถึงเรื่องของอาจจะต้องใช้รถสาธารณะให้มากขึ้น เพื่อลดฝุ่นควัน

เมื่อถามว่า เรื่องของเวิร์คฟอร์มโฮม แม้กทม. จะมีการออกมาตรการไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร นั้น นายอนุทิน กล่าวว่าอยากให้มองว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมา ก็ชัดเจนว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เป็นอุปสรรค ช่วงไหนที่สภาพอากาศไม่ดีก็อยากจะขอความร่วมมือ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องล็อคดาวน์เหมือนช่วงโควิด ไม่อยากต้องใช้มาตรการบังคับ แต่อยากให้ทุกคนให้ความร่วมมือซึ่งเป็นเรื่องของจิตสำนึก

แท็กที่เกี่ยวข้อง  แก้ฝุ่น ,เศรษฐาทวีสิน

คุณอาจสนใจ

Related News