เลือกตั้งและการเมือง

'ภูมิธรรม' เย้ยแค่ข่าวทิพย์ 'ต่อรองตำแหน่ง รมต.' รอชัดเจนคนนั่งนายกฯก่อน มั่นใจตั้งรัฐบาลสำเร็จ

โดย paweena_c

4 ส.ค. 2566

50 views

'ภูมิธรรม' เย้ยแค่ข่าวทิพย์ ลือต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ชี้ รอความชัดเจนคนนั่งตำแหน่งนายกฯก่อน ลั่นมั่นใจตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล หลังมีกระแสข่าวว่าพรรคที่จะดึงมาร่วมรัฐบาลมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างหนัก นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นข่าวลือ ข่าวทิพย์ เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งเลย มีเพียงการพูดคุยว่า ถ้าบรรยากาศเป็นเช่นนี้แล้ว พรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว การที่จะมีรัฐบาลใหม่โดยมีนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านทั้งหลายเห็นอย่างไร

ซึ่งก็ให้ทราบว่าหากยอมรับ ให้นายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ช่วยสนับสนุนนายเศรษฐา และตนได้ระบุไปอย่างชัดเจนแล้วว่า วันนี้เรากำลังเลือกนายกรัฐมนตรีบนสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เป็นสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤตมามากมายพอสมควร ยิ่งปล่อยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลช้า ก็ยิ่งทำให้ประเทศมีวิกฤตมากขึ้น

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) มีข่าวว่าเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี กระดานหุ้นก็แดงทั้งกระดาน ซึ่งชัดเจนว่าคนต้องการที่อยากจะได้รัฐบาลใหม่เร็วเพื่อเข้ามาแก้ปัญหา ทั้งนี้ ย้ำว่าหากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้มีการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้อง เราก็ไม่อยาก จะทำอะไรที่ทำให้มีความรู้สึกว่า เราไม่ได้สนใจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ การเลื่อนออกไปประมาณ 10 วันก็ถือว่าดี

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศของเราอยู่ในวิกฤต ซึ่งมีความขัดแย้งในมิติต่างๆ ฉะนั้น การที่จะได้นายกรัฐมนตรีมา พยายามเป็นนายกรัฐมนตรีที่ให้ทุกฝ่ายได้เห็นได้คุยและสบายใจ จนกระทั่งสามารถเลือกมาได้ จะเป็นกระบวนการที่สร้างความเชื่อมั่นและทำงานได้อย่างดีที่สุด ในส่วนนี้เรายังคุยกันอยู่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ได้โทรศัพท์มาคุยกับตน ซึ่งก็ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า ได้พูดถึงเรื่องรัฐมนตรีกับพรรคต่างๆ บ้างแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปกติจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องตำแหน่งหลังจากที่มีการฟอร์มรัฐบาลและได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ตอนนี้ยัง ไม่ได้เสนอเรื่องกระทรวง เราเสนอเรื่องที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะได้นายกรัฐมนตรีเป็นนายเศรษฐา หากเห็นชอบก็ร่วมกันโหวต

“ขณะนี้แบ่งกระทรวงไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าจำนวนตัวเลขที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีจำนวนที่ต้องแบ่งเฉลี่ย จนกระทั่งในสิ่งที่ชัดเจนที่สุดจึงจะมาแบ่งกระทรวงภายหลังว่าความจำเป็นเป็นอย่างไร และเรายืนยันไปแล้วว่าการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ สิ่งที่สำคัญคือนโยบายของพรรคที่จะต้องนำมาปรับนโยบายในส่วนอื่นๆ อะไรที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายของเราหรือไม่สามารถปรับได้ ก็จะทำให้เกิดความร่วมมือกันยาก ฉะนั้น เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นายกรัฐมนตรีเป็นที่ชัดเจน”

เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนพรรคเพื่อไทยถูกบีบทั้งจากพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลและสว.เรื่องคุณสมบัติของนายเศรษฐา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้รู้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค พท.ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะมีการบีบนั่นบีบนี่ ถึงที่สุดแล้วในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่จะบริหารประเทศต้องหนักแน่นและมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้นำ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่สามารถนำพาประเทศ

และความแตกต่างของพรรคการเมืองต่าง ๆ ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตประเทศไปได้ พรรคเพื่อไทยยินดีรับฟัง ความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ถึงที่สุดแล้วการตัดสินใจอยู่ที่ความเป็นจริงทั้งการเมือง ประเทศไทย และประชาชน ฉะนั้น การที่จะร่วมมือกันอย่างไร จะแบ่งกระทรวงอย่างไร หรือจากกำหนดนโยบายร่วมกันอย่างไรนั้น ต้องมีการพูดคุยหารือกันทุกฝ่าย รวมถึงต้องเคารพพรรคการเมืองต่างๆ

เมื่อถามว่า หากสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่มีพรรคก้าวไกลและพรรคของ 2 ลุง ทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องใช้เสียงของสว. มากถึง 100 กว่าเสียงขึ้นไป จะเป็นเรื่องยากหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรายังไม่คิดถึงบริบทนั้น วันนี้เราบอกว่าเราเอาปัญหาของประเทศชาติเป็นหลัก หากใครยินดีและเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ก็ช่วยสนับสนุนพรรค พท.ในการจัดตั้งรัฐบาล

ย้ำว่า เราต้องการทำการเมืองมิติใหม่ เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ความต้องการของพรรคการเมืองหรือนักการเมืองเป็นตัวตั้ง อะไรก็ตามที่ถูกกำหนดร่วมกันก็ต้องมองเห็นปัญหาร่วมกันว่า เป็นปัญหาของประชาชนที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

“หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล จะเห็นว่าอะไรคือปัญหาเร่งด่วนของประชาชน และเราจะทำอะไรในกรอบระยะเวลาเท่าไหร่ ทุกอย่างที่เราพูดเรายังยืนยันว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชนไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะต้องถูกนำมาจัดการได้ภายในสี่ปีของพรรคเพื่อไทย”

เมื่อถามว่า หากรอความชัดเจนเรื่องบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนจะนำอะไรมาเป็นการโน้มน้าวพรรคการเมืองให้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และมั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถตั้งรัฐบาลได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเชื่อมั่นว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมือง ประชาชน และนักการเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ซึ่งทุกคนรู้ว่าปัญหาของประเทศที่เราเผชิญมาอย่างน้อย 9 ปีที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ภายนอกประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย เป็นปัญหาที่ไม่สามารถเอาเรื่องส่วนตัวมากำหนดได้ง่ายนัก ซึ่งต้องเอาปัญหาของประเทศเป็นหลักหากประเทศรอด ทุกคนก็รอดหมด

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ใช่ว่าจะมาร่วมรัฐบาลอย่างไร แต่ยินดีให้ พท. เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ และยินดีให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะโหวตให้แล้วมาร่วมเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้

เมื่อถามว่า สังคมจับตามองของจากที่ไม่มีพรรค ก้าวไกล จะไปจับมือกับพรรคของสองลุง ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องคุยกันตอนนี้ วันนี้อยากได้เสียงสนับสนุนให้เราเป็นนายกรัฐมนตรีก่อน หากตรงนี้ชัดเจนแล้วขั้นต่อไปเราก็จะเคลียร์ให้ชัดเจนขึ้น

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดรัฐบาลได้สำเร็จ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็ต้องมั่นใจสิครับ ไม่มั่นใจเราจะดำเนินการมาถึงขั้นนี้เหรอครับ เราเชื่อว่าความตั้งใจ ประสบการณ์ ความสามารถของบุคลากรพรรคเพื่อไทยที่มีอยู่ และผลงานที่เคยทำมาแล้ว เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศที่กำลังวิกฤตอยู่ในขณะนี้ และความขัดแย้งที่สะสมมากว่า 20 ปี เราเชื่อว่าโดยจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่อยู่กับความเป็นจริง และใช้วิธีการแก้ปัญหาที่ละมุนละม่อม ประนีประนอม เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตครั้งนี้ และสลายความขัดแย้งไปให้ได้ และจะดีขึ้นเรื่อยๆ”

เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ดูอึมครึม มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ต้องส่งไม้ต่อให้พรรคอันดับสามจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่าให้สื่อทำให้ความอึมครึมนั้น สว่างสไวมากขึ้น มันจะดีมาก

นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังบอกด้วยว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยไม่ได้หายไปไหน ยังคงเดินทางมาทำบานตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้เจอสื่อมวลชน ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องพาดพิงเกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นนายกจะต้องถูกตรวจสอบ มองเป็นเรื่องดี อีกทั้งไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องปิดบัง อำพราง พรรคเพื่อไทยก็มีการตรวจสอบคุณสมบัติของแคนดิเดตฯก่อนเสนอชื่ออยู่แล้ว เมื่อมีการตรวจสอบก็สามารถทำให้สาธารณชนสบาย และเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น


คุณอาจสนใจ

Related News