เลือกตั้งและการเมือง

'เสรี' เตรียมหารือ สว. ปม 'เศรษฐา' เคยลั่นแก้ ม. 112 ชี้ต้องทำแบบเดียวกับ 'พิธา' จะได้ไม่ถูกว่าเลือกที่รักมักที่ชัง

โดย nut_p

31 ก.ค. 2566

148 views

“เสรี” เตรียมหารือเพื่อน สว. ปม “เศรษฐา” เคยลั่นวาจาแก้ ม.112 ชี้ ต้องทำแบบเดียวกับ “พิธา” จะได้ไม่ถูกกล่าวหาเลือกที่รักมักที่ชัง รับก็เป็นเหตุการณ์เดียวกัน หลังถูกถามตั้งธง 112 ไว้หรือไม่ บอกที่ตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว ไม่เช่นนั้นจะใช้คนละเกณฑ์ ย้ำเป็นขอเท็จจริง สว.ไม่ได้สร้างเอง ยันไม่ใช่เครื่องมือทำลายกันทางการเมือง แต่เป็นเรื่อง รธน.กำหนด โยนพรรคการเมืองรวมเสียงให้ได้ 375 สว.จะได้ไม่แบกภาระ-ปัญหา



31 ก.ค.2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวการเมืองช่อง 3 ถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เคยให้สัมภาษณ์ว่ามีแนวคิดแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ในหลักการที่ สว. เคยมีจุดยืนไว้ เราไม่สนับสนุนให้บุคคลที่ทำการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองที่จะเป็นรัฐบาลที่มีนโยบายแก้ไข มาตรา 112 โดย สว. จะไม่เห็นชอบ เนื่องจากจะไปกระทบกับสถาบัน ซึ่งจะทำให้เกิดความร้าวฉานของคนในชาติ



ส่วนกรณีของนายเศรษฐา ตอนแรกตนเข้าใจว่าไม่มีเรื่องเหล่านี้ แต่ปรากฏว่ามีคนไปดูแนวนโยบายหรือแนวคิดย้อนหลังทำให้พบว่านายเศรษฐายังมีแนวคิดหรือจุดยืนที่จะแก้ไขมาตรา 112 อยู่ หลังจากนี้ตนจะไปหารือกับเพื่อนสมาชิก สว.ด้วยกันที่พอจะคุยกันได้ว่ามีแนวคิดอย่างไร แต่ส่วนตัวก็คงจะยืนยันหลักการเดิม ไม่เช่นนั้นเราจะเหมือนกับไปลำเอียงหรือเลือกที่รักมักที่ชัง และอาจแปลความได้ว่าไม่เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้วยความอคติ ซึ่งที่จริงแล้ว สว.ไม่มีอคติ แต่อยู่ในหลักการเดียวกัน



เมื่อถามว่ากรณีของพรรคเพื่อไทยเหมือนกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า พรรคก้าวไกลประกาศไว้เป็นนโยบายเลย ขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นแนวความคิดหรือข้อเสนอของนายเศรษฐา ซึ่งหากจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแนวคิดหรือนโยบายก็คงไม่ต่างอะไรกับเป็นนโยบายของพรรค หลังจากนี้คงต้องฟังและหารือกับพรรคการเมืองที่มีแนวคิดไม่แก้มาตรา 112 ด้วยเหมือนกัน



นายเสรี กล่าวต่อว่า ช่วงนี้เป็นวันหยุดยาว จึงอยากให้ สว.แต่ละคนได้พักผ่อน เพราะตอนนี้การเมืองถือว่าตึงเครียด และเป็นปัญหาที่ต้องแก้อยู่ทุกวัน ทำให้วันหยุดตนได้ให้โอกาสทุกคนไปตั้งสมาธิกัน



เมื่อถามว่าคลิปหาเสียงของนายเศรษฐาที่มีแนวคิดแก้มาตรา 112 จะมีผลต่อการตัดสินใจของ สว. คนอื่นด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า อาจจะมีผล เนื่องจากการลงมติครั้งก่อนถือว่าเป็นมาตรฐาน เป็นบรรทัดฐานของการตัดสินใจไปแล้ว เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนใจก็ต้องมีเหตุผล แต่ก็สามารถรอฟังนายเศรษฐาได้



พร้อมย้ำว่าไม่จำเป็นต้องไปหาเสียง สว. ที่ไม่สนับสนุนนายเศรษฐา เพราะทุกคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง อยู่ในเกณฑ์ที่ทุกคนสามารถพิจารณาได้ด้วยตนเอง เพราะมันชัดเจน ไม่มีอะไรซับซ้อน



เมื่อถามว่าจะไปตรวจสอบแนวคิดการแก้มาตรา 112 ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นจากพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การพิจารณาต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป หากมีการเสนอชื่อใครมา เราก็ต้องไปดูว่าเป็นอย่างไร เราคงไม่ไปดูก่อนเพราะไม่รู้ว่าเขาจะเสนอชื่อหรือไม่เสนอ



เมื่อถามย้ำว่านายเศรษฐาพูดแทนพรรคเพื่อไทยได้เลยหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า นายเศรษฐาก็คือผู้นำ เพราะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นพูดแทนพรรคเพื่อไทยได้อยู่แล้ว



เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยไปต่อไม่ได้ มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนไหนที่ สว.เล็งไว้หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า การเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเริ่มมาจากพรรคการเมืองก่อน เราคงจะไปคิดก่อนหรือคิดแทน เป็นไปไม่ได้ และไม่ถูกต้องด้วย แต่ละพรรคการเมืองต้องไปรวมเสียง สรรหา ตกลงเพื่อให้ได้ตัวแทนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้อยู่ที่พรรคการเมืองจะเป็นคนตัดสินใจกันเองว่าจะเลือกใครมา



เมื่อถามว่ามีกระแสว่า สว. ตั้งแง่เอาเรื่องมาตรา 112 มาเป็นธงในการที่จะไม่เลือก นายเสรี กล่าวว่า ก็เป็นเหตุการณ์เดียวกัน



“ที่ตัดสินใจเหมือนกันก็น่าจะถูกต้องแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นว่าพรรคนี้ใช้เกณฑ์นี้ พรรคนี้ใช้อีกเกณฑ์หนึ่ง อย่างนี้แสดงว่าทำไม่ถูกแล้ว เพราะฉะนั้นใครจะเสนอว่าหยิบยกอะไรขึ้นมา พอไม่เอามันก็เป็นข้อเท็จจริง และมันเป็นเรื่องที่ปรากฏ เกิดขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเราไปสร้างเอง ทำเอง ถ้าเกิดเราตัดสินใจไปแล้วครั้งหนึ่ง พอมีครั้งที่สองแล้วไปเปลี่ยน ไม่เอาหลักการเดิม เราจะยิ่งไม่ถูกต่อว่าหนักเข้าไปใหญ่หรือไม่ แต่หากเรายืนยันในหลักการความถูกต้องหรือเห็นประโยชน์กลับบ้านเมืองแล้วไม่เปลี่ยน ผมว่าแบบนี้คือสิ่งที่ถูก” นายเสรี กล่าว



เมื่อถามว่าคนจะไม่มองว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ไม่ใช่เครื่องมือ แต่เป็นระบบที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้ สว.มาทำหน้าที่เหล่านี้ สว.ไม่ได้ไปสร้างเอง แต่ละพรรคการเมืองก็ต้องไปหาคนที่ไม่มีปัญหามาเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยก็ถือว่ามีประสบการณ์ทางการเมืองสูง เขาจึงได้เสนอไว้ 3 ชื่อ เพราะไม่รู้ว่าใครติดขัดข้อไหนบ้าง



ส่วนจะไปไกลถึงชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า อย่าไปคิดไกลถึงขนาดนั้น เนื่องจากยังไม่รู้ว่าได้หรือไม่ได้ หากพรรคการเมืองสามารถไปรวมตัวกันได้ สามารถที่จะไปตกลงกับพรรคภูมิใจไทยได้ แล้วเอาคะแนนเสียงมารวม ตนทราบว่าพรรคก้าวไกลจะลงคะแนนให้ อย่างนี้ก็สามารถรวมกันได้เกิน 375 เสียง ก็ไม่ต้องใช้เสียง สว. ถือเป็นเรื่องดี สว. จะได้ไม่ต้องมาแบกภาระหรือปัญหา เพราะหากตัดสินใจอะไรไป ถ้าถูกใจก็ดี แต่หากไม่ถูกใจก็จะมีข้อกล่าวหาเยอะ

คุณอาจสนใจ

Related News