เลือกตั้งและการเมือง
นักการเมืองรุ่นใหม่ 4 พรรค มองกัญชาเป็นยาเสพติด แนะปลดแค่การแพทย์ ที่ผ่านมามีแค่นายทุนกัญชารวย
โดย paweena_c
30 มี.ค. 2566
80 views
เวทีเสวนา นักการเมืองรุ่นใหม่ 4 พรรค มองกัญชายังต้องเป็นยาเสพติด ปลดล็อกเฉพาะการแพทย์เท่านั้น ชี้ที่ผ่านมายังไม่มีใครรวยเพราะกัญชา ยกเว้นนายทุน เดินหน้าดันสมรสเท่าเทียมเกิดจริง
ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่จักรพงษภูวนารถ มีการจัดเวทีเสวนาทางวิชาการฟังวิสัยทัศน์นักการเมืองรุ่นใหม่ หัวข้อ “ข้อเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” ถูกทาง - ถูกใจ - ถูกกฎหมาย? โดยมีนักการเมืองคนรุ่นใหม่ เข้าร่วมประกอบด้วย
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล น.ส. ลิณธิภรณ์ วรัณวัชรโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
ซึ่งเวทีเสวนาครั้งนี้ มีการนำประเด็นปัญหาทางสังคมที่กำลังถกเถียงและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมมาพูดคุยกัน ทั้งปัญหากัญชาเสรี ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ปัญหาการศึกษา และความเท่าเทียมทางเพศ
โดยนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นถึงปัญหา บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย โดยยอมรับว่าตนเองเป็นหนึ่งในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และ ส.ส.ในสภาก็ใช้กันจำนวนมากอย่างแพร่หลาย ทั้งที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ส่วนตัวเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่มวนที่มีการเผาไหม้โดยตรง
จึงอยากให้ นำบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาอยู่บนดิน ให้ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนเห็นว่ากฎหมายไม่สามารถควบคุมได้ กลายเป็นช่องว่างให้ผู้มีอิทธิพล ลูกรัฐมนตรีบางคน ลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจากต่างประเทศ แต่ละปีมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท พรรคก้าวไกลจึงผลักดัน ให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายเหมือนบุหรี่ทั่วไป เพื่อให้มีกฎหมายเข้ามาควบคุม และมองว่าการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย รัฐจะได้จัดเก็บภาษีนำรายได้ มาพัฒนาการศึกษาและปัญหาต่างๆได้
ขณะที่ปัญหากัญชาเสรี พรรคก้าวไกลเห็นว่าควรให้ท้องถิ่นเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะให้มีกัญชาเพื่อสัทนาการหรือไม่ เพราะบางพื้นที่หากเป็น พื้นที่ของพี่น้องชาวมุสลิมก็อาจจะขัดกับหลักความเชื่อ และไม่สามารถปล่อยให้กัญชาเสรีได้ ซึ่งการปลดล็อคกัน ส่วนตัวเห็นว่าควรทำให้เป็นระบบตั้งแต่ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เอกชนไม่กี่ราย ที่ได้ประโยชน์จากกัญชา และสุดท้ายกัญชาก็จะกลาย เป็นเหมือนกระท่อม ที่ปัจจุบันหมดกระแส
นายเท่าพิภพ ยืนยันว่ากัญชายังต้องเป็นยาเสพตาม อนุสัญญาระหว่างประเทศ ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความผิดพลาดของใครนั้น เชื่อว่าสังคมก็รู้กันอยู่ ว่าเป็นเพราะพรรคการเมืองใด แต่ส่วนตัวรู้สึก ว่าจะต้องรับผิดด้วย ในฐานะที่พยายามผลักดันกฎหมายมาควบคุม แต่ก็ไม่ผ่าน
ด้าน น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ผิดในตัวของมันเอง ไม่ได้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อผู้คนรอบข้าง แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง ดังนั้น จึงสามารถทำให้ถูกต้องกฎหมายได้ เพื่อควบคุมไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง และเมื่อควบคุมแล้วก็จะสามารถเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงและภัยอันตรายให้กับเยาวชนรวมถึงประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ส่วนการจะใช้หรือไม่ใช้ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของคนในสังคม
ส่วนประเด็นกัญชาในสังคมไทยนั้น น.ส.ศิริภา ย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนแค่ทางการแพทย์และเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่สนับสนุนด้านสันทนาการ และขณะนี้เป็นช่วงสุญญากาศ ทำให้เห็นเยาวชนมากมายที่ใช้กัญชา หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ที่ใช้กัญชาแล้วครั้งทำร้ายผู้อื่น ซึ่งกัญชาต่างจากบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมส่งผลกระทบต่อบุคคลในสังคม สามารถส่งอาการทางประสาทได้
โดยเฉพาะในวันนี้ที่ไม่มีการควบคุมเลย พรรคประชาธิปัตย์ จึงยืนยันคำเดิมว่า ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี สำหรับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ น.ส.ศิริภา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ประกอบกับร่างของ ครม. แต่แตกต่างจากของ ครม. เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยึดหลักของคู่สมรสเท่าเทียมที่มีผลต่อกฎหมายทั้งหมด
ขณะที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ ชี้ว่า เรื่องดังกล่าว ควรจะพูดคุยกันในสภา แต่ส่วนตัวมองว่า หากมีการควบคุมก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก หากมองภาพกว้างเรื่องการท่องเที่ยวก็จะเกิดผลกระทบ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีกฎหมายขึ้นมาควบคุม ส่วนประเด็นกัญชาในสังคมไทย นายรัฐภูมิ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐไม่มีนโยบายในด้านนี้ แต่จากข่าวที่ออกมาเริ่มไปในทางที่โหดร้าย มีการเมาและหลอนและเริ่มทำร้ายคน จึงไม่เห็นด้วย เพราะค่อนข้างฟรีสไตล์เกินไป
ส่วนการให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจนั้น จะต้องเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง เพราะยังไม่เห็นมีใครร่ำรวย มีแต่กลุ่มที่ผูกขาดเท่านั้น แถมยังยากจนมอมเมากว่าเดิม สำหรับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ นายรัฐภูมิ ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐรักทุกคน รวมทั้งกลุ่ม LGBTQ
ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วรัณวัชรโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหา บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่าจะต้องมีการกำหนดมาตรฐานอายุผู้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้า เพราะในเวลานี้ยังไม่มีการควบคุมในกลุ่มเยาวชน นอกจากนี้ ต้องมีมาตรการควบคุมสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า เพราะอยู่ในจำนวนที่ไม่ต่างจากบุหรี่ปกติ ตลอดจนมีมาตรการการควบคุมการโฆษณาชวนเชื่อ แต่การออกกฏหมายที่ควบคุมก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนที่จะต้องเข้าสู่สภา
ส่วนประเด็นกัญชาในสังคมไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่สนับสนุนกัญชาทางสันทนาการ แต่สนับสนุนกัญชาเพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งการปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ไม่ได้ผ่านกระบวนการตามกฏหมายปกติ แต่ใช้ช่องทางของกฎหมายการปฏิรูป ทำให้มีการแก้ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ เป็นสาเหตุให้กัญชาหลุดออกจากบัญชียาเสพติด
ซึ่งพรรคการเมืองที่เสนอในเรื่องนี้ ควรจะนำร่างกฏหมายกัญชายื่นพร้อมกับประมวลกฎหมายยาเสพติด เมื่อกัญชาถูกปลดล็อคแล้วจะได้มีกฏหมายควบคุม แต่หากจะใช้เพื่อการแพทย์ก็ไม่จำเป็นต้องปลดล็อคกัญชาออกจากยาเสพติด
สำหรับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่า รักออกแบบไม่ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยสนับสนุนสมรสเท่าเทียม ขณะที่รัฐบาลพยายามผลักดัน พ.ร.บ.คู่ชีวิต แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ความหลากหลายและความเท่าเทียมทางการเพศได้
ดังนั้น การมี พ.ร.บ.คู่ชีวิต ไม่ใช่คำตอบ แต่พรรคเพื่อไทยพยายามแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งจะสอดรับกับกฎหมายเดิมที่มีอยู่มากมาย ดังนั้น หากพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาล จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้เพื่อทำให้สำเร็จและเพื่อให้การสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นได้จริง