เลือกตั้งและการเมือง

‘ก่อแก้ว’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ ระวังคนข้างกาย หลังเวทีโคราช คนน้อย-ไม่มีนโยบายใหม่

โดย attayuth_b

28 ก.พ. 2566

20 views

นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงของพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ที่สนามหน้าศาลากลางจ.นครราชสีมาว่า ตนอยากเตือนพล.อ.ประยุทธ์ ให้ระวังคนข้างกายๆให้ดีๆ เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะโดนต้มหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ มีคนข้างกายออกมาให้สัมภาษณ์ ออกข่าวใหญ่โตว่า จะมีประชาชนมาต้อนรับฟังปราศรัยกว่าครึ่งแสน แต่ภาพที่ออกมา ไม่เหมือนที่คุยกันไว้อย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่า เสียหน้าไม่สมศักดิ์นายกฯ ที่อุตส่านั่งเครื่องเจ็ทไปหาเสียง ไม่รู้ว่างานนี้มีการอมค่าใช้จ่ายในการขนคนหรือไม่

ทั้งนี้เนื้อหาในการปราศรัยก็แทบจะไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีแนวทางพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ไม่มีทางสร้างรายได้ให้กับประเทศและคนไทย มีแต่นโยบายประชานิยมเดิมๆ ที่ต้องกู้เงินมาดำเนินการทั้งสิ้น ส่วนเรื่องที่พยายามจะคุยโม้ โชว์ผลงานกับคนโคราชโดยเฉพาะเรื่องมอเตอร์เวย์ และรถไฟความเร็วสูง ก็เป็นโครงการที่ริเริ่ม ในสมัยท่านนายกยิ่งลักษณ์ ที่ตอนนั้นเสนอดำเนินนโยบาย 2 ล้านล้าน เพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง ถนนมอเตอร์เวย์ ถนน 4 เลน ท่าเรือ และสนามบิน แต่ถูกขัดขวาง จนทำให้ต้องระงับไป มิฉะนั้นโครงการเหล่านั้น คงจะเสร็จหลายปีแล้ว ไม่ต้องมาอายประเทศลาว ที่มีรถไฟความเร็วสูงใช้แล้ว ทั้งขนคน ขนสินค้าเกษตรไปขายให้ประเทศจีน

นอกจากนี้เนื้อหาในการปราศรัยของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนให้เห็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีนโยบายดีๆให้ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ได้โชว์ มีแต่ทำให้ประชาชนรู้สึกสิ้นหวัง หลายโครงการที่พูดถึง ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ คิดจะทำจริงๆ 8 ปีที่ผ่านมา สามารถทำได้หมดแล้ว ไม่ต้องรอเพื่อนำมาหาเสียงในขณะนี้ สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์และพรรครทสช. ควรจะคิดและนำเสนอคือนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่ขณะนี้ทำให้คนไทยจนลงมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งอาจจะมีคนจนจำนวนถึง 22 ล้านคน ผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการส่งเสริมการค้า การลงทุน เพื่อการแข่งขันกับนานาชาติ นโยบายที่ทำให้ประเทศไทยทันสมัย โดยเฉพาะการก้าวไปสู่ประเทศดิจิตอล การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก การปฏิรูประบบราชการและกองทัพฯ

“การปราศรัยของประยุทธ์ ที่ชูหลัก 3 ท. คือ “ทำแล้ว ทำอยู่ และ ทำต่อ” นั้นคนไทยส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วย เพราะการหาเสียงของพล.อ.ประยุทธ์ สะท้อนหลัก 3 ก. มากกว่า คือ “กูอยากอยู่ กูกู้แล้ว และกูจะกู้ต่อ” ส่วนใครจะมาใช้หนี้ “กูไม่รู้ กูไม่เกี่ยว และ กูไม่สน” นายก่อแก้ว กล่าว

ดังนั้นคำอุทานว่า “ฉิบหายแล้ว”ของ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครทสช. ที่เผลอพูดผิด ดันพูดให้ประชาชนเลือกพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคเดิมของพรรคเพื่อไทย คู่แข่งหลักของพรรคตน หรือคำอุทานว่า “ฉิบหายแล้ว” ของคนข้างกายพลเอกประยุทธ์ ที่เห็นประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยน้อยเกินไป จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ และ พรรครทสช. เสียหน้านั้น ไม่อาจดังเท่าคำอุทานของกลุ่มคนที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้ฟังคำปราศรัยว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไร ดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้เลยว่า “ฉิบหายแล้วตู่”





คุณอาจสนใจ

Related News