“กรณ์” แนะ “รัฐบาล” แจงรายละเอียดกู้เงิน 7 แสนล้าน หวั่นไม่ตอบโจทย์

กรณ์ แนะ “รัฐบาล” ชี้แจงให้ชัด กู้เงิน 7 แสนล้านบาท หวั่นซ้ำรอยพ.ร.ก.กู้เงินปีที่แล้ว ลักไก่อนุมัติโครงการไม่ตอบโจทย์วิกฤตโควิด วอนพิจารณารอบคอบ ตรงกลุ่มเป้าหมาย ย้ำ เศรษฐกิจฟื้นเร็วหรือช้า อยู่ที่สัดส่วนการฉีดวัคซีนคนในประเทศ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติเงินกู้ 7 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ว่า ส่วนตัวอยากจะพูดถึงสาเหตุของสถานการณ์โควิดปัจจุบัน มาจากการบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้เราต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ ประชาชนต้องเดือดร้อน มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องช่วยเหลือเยียวยา นี่คือที่มาทำให้เราต้องกู้เงินเพิ่ม และ ตัดสินใจออกเป็นพ.ร.ก.ครั้งที่ 2 ในรัฐบาลนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทั้งนี้ตนอยากตั้ง 3 คำถามสำคัญ คือ 1.ทำไมถึงไม่ใช้เงินในงบประมาณ ลดภาระค่าใช้จ่ายปี 2565 แทนจะออกพ.ร.ก. เพราะขณะนี้ เป็นสถานการณ์วิกฤต บางส่วนที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน

“ไม่อยากให้เป็นดราม่าอะไร แต่ถ้าเรายกตัวอย่าง กรณีกระทรวงกลาโหม ก็อดจะมีคำถามไม่ได้ว่าวิกฤตปัจจุบัน ยังมีความจำเป็นต้องคงไว้ในระดับงบประมาณมากขนาดนั้นหรือไม่ในปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งหากปรับลดจริงก็อาจจะไม่เพียงพอกับวิกฤต จึงนำมาสู่คำถามที่ 2 คือ เงินที่เหลือจาก พ.ร.ก.1 ล้านล้านเดิม อยู่ที่ 1-2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลคงพิจารณาแล้วคงไม่เพียงพอ”

และคำถามที่ 3 เมื่อรัฐบาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องกู้เงิน “เงินนั้นจะถูกนำไปใช้ทำอะไร คุ้มค่ากับที่เราจะต้องมีหนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ซึ่งจากในรายละเอียดที่ครม.ได้อนุมัติ ไม่ต่างจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ดำเนินการในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งแบ่งการจัดสรรเป็น 3 ส่วน โดยก้อนใหญ่ที่สุดเป็นเรื่องการช่วยเหลือเยียวยา 4 แสนล้านบาท

รองลงมาเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 2 แสน 7 หมื่นล้านบาท และสุดท้ายงบประมาณพิเศษให้กับกระทรวงสาธารณสุขอีก 3 หมื่นลานบาท ซึ่งประเด็นที่ กังวลมากที่สุด คือ เรื่องการฟื้นฟู เพราะนี่เป็นส่วนของ พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาทที่มีปัญหามาตลอด พบการจัดสรรไปกับโครงการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิกฤตโควิด ทั้งที่ควรเป็นโครงการที่รอรับตามงบประมาณปกติ ไม่ใช่ต้องมาใช้เงิน พ.ร.ก. เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัญหาเดิมว่าโครงการที่ได้รับการจัดสรร มีส่วนกับการแก้วิกฤตโควิดได้จริงหรือไม่ ทั้งประชาชน หรือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เช่น ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ถูกคำสั่งปิดชั่วคราว

“ดังนั้นเมื่อรัฐบาลออกพ.ร.ก.7 แสนล้านบาทแล้ว ก็อยากให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ใช้อย่างไรจะส่งผลต่อการแก้ปัญหาของประชาชนได้ตรงจุดที่สุด สามารถอยู่ได้ในช่วงรอคอยการรับวัคซีน ซึ่งส่วนตัวหวังว่า 3-4 เดือนจากนี้เมื่อคนไทยได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมาเอง ล้อกับการฟื้นตัวของประเทศอื่น และเมื่อถึงเวลานั้นความจำเป็นในการกู้เพิ่มเติมในจำนวนเงินมหาศาลแบบนี้โดยรัฐบาลก็น่าจะลดลง”