เลือกตั้งและการเมือง
รัฐสภา จัดงานวันรัฐธรรมนูญ ส.ว.-ส.ส.ร่วมวางพวงมาลาสักการะ ร.7
โดย panwilai_c
10 ธ.ค. 2567
65 views
10 ธันวาคม 2475 คือวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ ฉบับแรกของไทย วันนี้ รัฐสภา ได้จัดงานภายใต้แนวคิด "สู่รัฐธรรมนูญในฝัน" สส. เกือบทุกพรรคการเมือง ร่วมวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ในหลวงรัชกาลที่ 7
ที่รัฐสภา เริ่มด้วยพิธีสงฆ์ และมีพิธีวางพานประดับพุ่มดอกไม้ ณ บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าพิพิธภัณฑ์รัฐสภา โดยมีนักการเมือง เกือบทุกพรรคการเมือง นอกจากนี้ ยังหน่วยราชการภาครัฐและเอกชน ร่วมวางพานพุ่มสักการะด้วย
จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เป็นประธานเปิดงานในช่วงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "มุมมองการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ" และหัวข้อ "อนาคตรัฐสภาไทย"
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า วันนี้วันรัฐธรรมนูญ รัฐสภา รัฐธรรมนูญ และประชาชน ต้องมีความผูกพันกัน ประเทศจึงจะมีประชาธิปไตยอย่างที่เราต้องการ และรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ที่สะท้อนถึงเจตจำนงค์ ร่วมกันของคนในชาติ แต่ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมา มีการรัฐประหารรวมถึงการยกเลิกรัฐธรรมนูญถึง 20 ฉบับ
ด้านนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีความเห็นว่า ประเทศไทย มีโอกาสที่จะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ว่าอาจจะไม่ทันเสร็จสิ้นในสภาอย่างแน่นอน ส่วนตัวคาดว่าจะได้เพียงแค่การตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. แต่ตรงจุดนี้ก็ยังติดปัญหาอยู่เช่นกัน เพราะโอกาสการจะทำประชามติสองครั้ง ไม่เชื่อว่าจะทำได้ ซึ่งต้องทำตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือสามครั้ง เนื่องจากหากทำแค่สองครั้ง สมาชิกรัฐสภา อาจจะอึดอัดกับการโหวต เพราะอาจจะไม่เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีข้อผูกมัดอยู่ ดังนั้นวันเวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ก็ต้องเท่ากับว่าการจัดทำประชามติต้องยืดออกไปอีก 180 วัน และบวกอีก 100 วัน สำหรับการทำประชามติตามกฎหมาย ซึ่งการจัดทำประชามติก็จะเกิดขึ้นปลายเดือนธันวาคม 2568 ถึงต้นเดือนมกราคม 2569
โอกาสสุดท้ายที่จะทัน สสร. คือยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ในเดือนมกราคม เพื่อจะพิจารณาให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2570 เป็นโอกาสครั้งเดียวที่จะต้องผ่าน เพราะหลังจากเดือนมีนาคม หากกฎหมายผ่านก็จะไปทำการเลือก สสร.ขึ้นมา ซึ่งจะต้องใข้เวลาไปอีก 80-90 วัน ก่อนนำเข้าที่ประชุมสภาอีกครั้ง ซึ่งสภาจะปิดในวันที่ 10 เมษายน 2570 จึงย้ำว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ยังทันที่จะกลับมาพิจารณาในสภาที่มีอยู่