เลขาฯ ป.ป.ช.ชี้รอไต่สวน คดี 44 สส.ก้าวไกล เสนอแก้ 112 ยึดตามคำวินิจฉัยศาลรธน. ยันไม่มีใบสั่ง

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกล ฐานล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี ไปเมื่อวานนี้ วันนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งหนังสือด่วนถึง ป.ป.ช.ขอให้เร่งรัดคดี 44 สส.พรรคก้าวไกล เข้าชื่อเสนอแก้มาตรา122 โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร



ขณะที่เลขาธิการป.ป.ช.ก็เปิดเผยความคืบหน้าและผลการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะกรรมการปปช.ว่ามีมูล แต่อยู่ระหว่างไต่สวน เพื่อให้เกิดความยุติธรรม



นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึง ป.ป.ช. นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรวจสอบ กรณี สส.พรรคก้าวไกล 44 คน เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณีลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เพื่อส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณา



ประเด็นสำคัญ ก็ยกผลจาก ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ 7 สิงหาคม ที่ได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล โดยใช้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นที่ยุติแล้ว ว่า "พฤติการณ์ของผู้ถูกร้องที่เสนอร่างกฎหมายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันฯ"



และยังอ้างอิง รัฐธรรมนูญ มาตรา 133 วรรคหนึ่ง ระบุว่าการเสนอร่างกฎหมาย จะต้องมี สส.ร่วมกันเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 20 คน ดังนั้น การร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่ใช่การกระทำโดยลำพังเฉพาะตัวของ สส. การที่ สส. 44 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อ จึงควรต้องร่วมกันรับผิดตามมาตรฐานทางจริยธรรมในคราวเดียวกันไปพร้อม ๆ กัน



สำหรับ 44 สส. ของพรรคก้าวไกล ที่เข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ. เพื่อแก้ไข มาตรา 112 ในจำนวนนี้ มีทั้ง สส.ที่มี สถานะ ในปัจจุบัน และไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ ในการยุบพรรค อย่าง สส.รังสิมันต์ โรม / วิโรจน์ ลักขณาอดิศร / และ แกนนำ รุ่น 3 อย่าง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒฺ / ศิริกัญญา ตันสกุล และ อดีต สส.เป็น แกนนำพรรคในเวลานั้น อย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน / นายชัยธวัช ตุลาธน รวมอยู่ด้วย ซึ่ง ถ้าผิด มาตรฐานจริยธรรมจริง โทษ ถึงขั้นตัดสิทธิ์ ทางการเมืองตลอดชีวิต



ทางด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. บอกว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติแล้วว่าการตรวจสอบนั้นมีมูลเบื้องต้น มีพยานหลักฐานเบื้องต้นตามแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการจึงมีมติสั่งไต่สวนแล้วทั้ง 44 คน ส่วนข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างการไต่สวน แต่ยังไม่ได้ให้ผู้ต้องหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม



ขณะที่นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ ป.ป.ช. บอกว่า คดีนี้ มีผู้ถูกกล่าวหาหลายราย แต่ละรายมีข้อเท็จจริงต่างกัน การไต่สวนจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต้องให้ข้อเท็จจริงทั้งที่มีคุณและโทษ เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงได้เต็มที่ ยืนยัน ไม่มีใบสั่งทางการเมือง