เลือกตั้งและการเมือง
เผยเบื้องหลังคำวินิจฉัย ศาลรธน. ฟัน 'ศักดิ์สยาม' พ้นรมต. ปมซุกหุ้น
โดย panwilai_c
17 ม.ค. 2567
123 views
คดีการขายหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัทกิจการรับเหมา ใน จ.บุรีรัมย์ ของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อปี 2562 วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว มีมติ 7 ต่อ 1 ให้นายศักดิ์สยาม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เนื่องจากพบว่ามีการให้นอมินีถือหุ้นแทน
วันนี้ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัย ในคดีที่ สส.ฝ่ายค้าน จำนวน 54 คน ของสภาชุดที่แล้ว ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ประยุทธ์เมื่อปี 2565 โดยขอให้ส่งเรื่อง ไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขณะนั้น ยังคง เป็นผู้ถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น หรือไม่ ระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ ห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นในกิจการต่างๆเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด คดีนี้ นายศักดิ์สยาม ขายหุ้น ของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ซึ่งเป็นลูกจ้าง บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ จำกัด และเป็นอีก บริษัทที่ นายศักดิ์สยาม เคยเป็นกรรมการบริษัท
โดยขายหุ้นให้ นายศุภวัฒน์ มูลค่า 119.5 ล้านบาท ช่วงปี 2560- 2561 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยนายศุภวัฒน์ ชำระค่าหุ้น 3 งวด เข้าบัญชี นายศักดิ์สยาม ทั้งที่ไม่น่าจะมีรายได้เพียงพอที่จะซื้อหุ้นได้ แต่นายศุภวัฒน์ ชี้แจงว่า เงิน 119.5 ล้าน ที่นำมาชำระหุ้นให้ นายศักดิ์สยาม มาจากการขายกองทุนธนาคาร จากการตรวจสอบเงินที่ นายศุภวัฒน์ เอาไปซื้อกองทุน ก็พบว่าเป็นเงินที่ มาจากบริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ และ บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ ก็ได้รับมาจาก เงินมาจาก นายศักดิ์สยาม ที่อ้างว่าโอนให้ บริษัทศิลาชัยบุรีรัมย์ เพื่อชำระเงินกู้ยืม
คดีนี้มีพิรุธหลายประการ ที่ผู้ร้องมองว่าเป็นนิติกรรมอำพราง เช่น ขายหุ้นแล้ว แต่ยังคงใช้ที่อยู่ของนายศักดิ์สยาม เป็นที่ตั้งบริษัท เพิ่มมาแจ้งย้ายที่ตั้ง ก่อนที่นายศักดิ์สยาม รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม เพียง 23 วัน และ มีประเด็นที่ นายศักดิ์สยาม ยอมรับว่า ตั้งใจโอนหุ้น เพื่อเตรียมตัวลงเลือกตั้ง แสดงให้เห็นเจตนามาตั้งแต่ต้น
จากขอพิรุธหลายประการ ศาลรัฐธรรมนูญแล้วฟังได้ว่า นายศักดิ์สยาม และนายศุภวัฒน์ ตกลงนำเงินของนายศักดิ์สยามเอง ทำธุรกรรมต่างๆในนามนายศุภวัฒน์ มีการนำเงินไปซื้อกองทุนในนามนายศุภวัฒน์ แล้วขายกองทุน เพื่อนำเงินมาชำระค่าหุ้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ให้กับนายศักดิ์สยาม
ดังนั้นเงินจำนวน 119.5 ล้านบาท ก็ยังเป็นนายศักดิ์สยาม มาตั้งแต่ต้น นายศักดิ์สยามจึงยังคงไว้ ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือเป็นผู้ถือหุ้นใน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยมีนายศุภวัฒน์ เป็นผู้ครอบครองหุ้น ของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นและ ดูแลแทน ของนายศักดิ์สยามมาโดยตลอด ถือเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 ให้ ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คือ 3 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป โดยไม่ได้ส่งผลย้อนหลังไปกระทบการทำหน้าที่รัฐมนตรีก่อนพ้นจากหน้าที่
สำหรับ มติ 7 ต่อ 1 นั้น เนื่องจากวันนี้ ตุลาการ ลาป่วยหนึ่งท่าน ทำให้ มีตุลาการทำหน้าที่ 8ท่าน จากทั้งหมด 9 ท่าน โดยท่าน ที่เป็นเสียงข้างน้อย 1เสียง คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม เห็นว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายศักดิ์สยาม ไม่สิ้นสุดลง เฉพาะตัว สำหรับโทษ ในคดีนี้ ตามรัฐธรรมนูญเมื่อขาดคุณสมบัติ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้มีการตัดสิทธิทางการเมือง แต่มีเงื่อนไขห้ามดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเวลา 2 ปี ตามมาตรา 160 (8 )