'ศิริกัญญา' ชี้แจกเงินดิจิทัล มุ่งกระตุ้นศก. แต่ไม่แก้เหลื่อมล้ำ แนะทบทวนสร้างสวัสดิการ

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วันนี้มีการจัดเสวนาเรื่อง "การเมืองไทย กับประชาธิปไตย และการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ" หนึ่งในประเด็นที่หยิบยกมาสะท้อนบนเวที ก็คือนโยบาย "ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ต้องการมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ-เพิ่มตัวเลขจีดีพี เเต่ในทางปฏิบัติ ผู้ร่วมเสวนามองว่า ด้วยข้อจำกัดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเเหล่งทุนเเละงบประมาณ ซึ่งต้องใช้เงินมากถึง 5.6 เเสนล้านบาท



นโยบายนี้จึงไม่ง่ายเเละมีความเสี่ยง จึงอยากให้รัฐบาลทบทวน หรือยอมถอยจากนโยบายเเจก มาสร้างรัฐสวัสดิการที่มั่นคง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน



เสียงสะท้อนเเละบางช่วงจากมุมมองของผู้ร่วมเสวนา "การเมืองไทย กับประชาธิปไตย และการแก้ไขความเหลื่อมล้ำ" ที่หยิบยกประเด็นทางสังคม ทั้งเรื่องการเมือง หลักประชาธิปไตย เเละเศรษฐกิจ ซึ่งมีความสัมพันธ์เเละเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ มีผลต่อการชี้วัดความเหลื่อมล้ำ เเละคุณภาพชีวิตพื้นฐานของคนไทย



ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล สะท้อนว่า ความเหลื่อมล้ำเกี่ยวโยงกับประชาธิปไตย เพราะยิ่งการเมืองไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่ ความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งมาก



นโยบาย เเจกดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท เป็นอีกประเด็นที่ยกมาคุยกันในวันนี้



ความเห็นจากหนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ก็คือ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล สะท้อนว่า ที่ผ่านมาชัดเจนว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทำนโยบายนี้มาเพื่อแก้ความเหลื่อมล้ำ เเต่วัตถุประสงค์หลัก คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีข้อถกเถียงกันว่า ทำได้ยาก เพราะด้วยข้อจำกัดหลายปัจจัย โดยเฉพาะเเหล่งที่มาของเงินที่ต้องใช้มากถึง 5 เเสน 6 หมื่นล้านบาท



จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่คนตัวเล็กตัวน้อย แต่จะเป็นนายทุน ร้านค้าขนาดใหญ่และห้างสรรพสินค้า เพราะโครงการนี้ ไม่ได้จำกัดร้านค้าที่เข้าร่วม



ขณะที่ นายสรกล อดุลยานนท์ หรือ เจ้าของนามปากกา"หนุ่มเมืองจันท์" มองปัญหานี้ เป็นเรื่องที่ต้องคิดวิเคราะห์ให้รอบคอบ เเละมองว่าถ้าพรรคเพื่อไทยจะถอย ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง



ในเวทีร่วมกันเสนอทางออกในมุมมองที่คิดว่า น่าจะทำได้จริง เเละเพิ่มรากฐานความมั่นคงให้ประชาชนคนรากหญ้า เพื่อให้มีกำลังร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาว ก็คือ การสร้างรัฐสวัสดิการ นำไปสู่การต่อยอดการลงทุน มากกว่าการไปเอาเงินจากอนาคตมาเเจก เพื่อหวังให้เกิดการใช้จ่ายกระตุ้นจีดีพี อาจได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง



ซึ่งนางสาวศิริกัญญา ยกตัวอย่าง ถ้ายอมถอยหรือเปลี่ยน มาเป็นการจัดสรรสวัสดิการประชาชน 3,000 บาทถ้วนหน้า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แม้จะไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ระยะยาวจะ เกิดประโยชน์เเละเพิ่มความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชนได้