เลือกตั้งและการเมือง

พรุ่งนี้ 'ก้าวไกล' นัดแถลงชี้แจงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ที่ไม่สามารถขึ้นได้ทันที

โดย parichat_p

24 พ.ค. 2566

368 views

หลังจากเมื่อวานนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้นำคณะเข้าหารือกับผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีประเด็นสำคัญคือ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาท หลังจากนั้น นายพิธา ได้แถลงข่าวว่า การขึ้นค่าแรงจะไม่ทำแบบกระชาก ทำให้ถูกมองว่า จะไม่สามารถขึ้นค่าแรงได้ทันที ตามนโยบายที่ประกาศไว้


วันนี้ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่พรรคก้าวไกล เพื่อจะหาคำตอบในประเด็นดังกล่าว แต่ไม่พบผู้บริหารพรรค ซึ่งล่าสุดพรรคก้าวไกล ได้แจ้งแล้วว่า วันพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับข้อสงสัยในนโยบายของพรรคก้าวไกลทั้งกัญชา และค่าแรงขั้นต่ำ


ขณะที่เฟซบุ๊กของนายเซีย จำปาทอง แกนนำแรงงาน ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความถึงกำหนดการของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่จะเดินสายพบปะเครือข่ายแรงงานที่จังหวัดสมุทรปราการ ในวันศุกร์นี้ ในข้อความยังระบุว่า วันนี้การเลือกตั้งผ่านไปแล้วได้เวลามา ยืนยัน ทบทวน สิ่งที่พวกเรานำเสนอไป มาร่วมกันส่งเสียงของชนชั้นแรงงานให้ว่าที่ฝ่ายบริหารประเทศกัน



นอกจากความเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลแล้ว วันนี้ ยังมีความเคลื่อนไหว ของฝ่ายที่เดินสายร้องเรียนฝั่งว่าที่รัฐบาลใหม่ วันนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ให้ตรวจสอบเรื่อง การลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล หรือ MOU ที่ระบุว่า "ทุกพรรคการเมืองมีสิทธิ์ผลักดันนโยบายอื่นๆเพิ่มเติม โดยไม่ขัดไปจากนโยบายที่อยู่ใน MOU ไม่ว่าจะเสนอผ่านอำนาจฝ่ายบริหารหรือนิติบัญญัติก็ตาม" เป็นการผูกมัดบีบให้พรรคการเมือง ทั้ง 7 พรรคอยู่ภายใต้การครอบงำชี้นำของพรรคก้าวไกลหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมส่งผลให้พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคกระทำขัดต่อ


รัฐธรรมนูญมาตรา 114 ที่ระบุว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย่อมไม่อยู่ในความผูกมัดหรือครอบงำใด ๆ นอกจากนี้นายเรืองไกร ยังยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้น บริษัท ITV จำกัด มหาชน อีกด้วย


กลุ่มคนไทยจาก 4 องค์กร รวมตัวกันที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตฑูตอเมริกา จี้ให้หยุด แทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย และบั่นทอน 3 สถาบันหลักของชาติ



กลุ่มมวลชนในนาม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. กระทิงแดงไทยพิทักษ์ นักรบเลือดสีน้ำเงินปกป้องราชบัลลังก์ องค์กรและภาคประชาชนสากลเพื่อการปกป้องประเทศไทย ชูป้ายประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตฑูตอเมริกา ถนนวิทยุ ใกล้กับสวนลุมพินี และยื่นหนังสือถึง นาย โรเบิร์ต เอฟ โกเดค (Mr.Robert F.Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อ ให้หยุดแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย


โดย นาย โรเบิร์ต เอฟ โกเดค ออกมารับหนังสือด้วยตัวเอง ซึ่ง 1 ในเนื้อหาที่ระบุถึงกรณีที่เกี่ยวกับ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มิสซิส ซูซาน ไวด์ (Ms.Susan Wild) ได้เสนอร่างมติสภาผู้แทนราษฎร 369 เข้าไปที่สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา


ซึ่งในร่างมติดังกล่าว ข้อ 5 ระบุว่า เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยและยุติการดำเนินคดี กับนักกิจกรรมทางการเมือง โดยเฉพาะ เด็ก และนักเรียน เว้นจากการข่มขู่ คุกคาม หรือฟ้องดำเนินคดีผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ และกิจกรรมทางพลเมืองโดยทั่วไป


ข้อ 8 ของร่างมติดังกล่าว ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายที่จำกัดสิทธิ เสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเลือกตั้ง ยกตัวอย่างเช่น มาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายเกี่ยวกับยุยงปลุกปั่น


ทาง ศปปส. อ้างว่า มิสซิส ซูซาน ระบุอย่างชัดเจนว่า หากมีการแทรกแซงโดยกองทัพหรือสถาบันกษัตริย์ก่อน ระหว่าง หรือหลังการเลือกตั้งทั่วไป ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯกับไทย และการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงแก่ประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือระดับภูมิภาคและทางเศรษฐกิจ ทาง ศปปส ยังบอกด้วยว่า ข้อมูลที่ มิซซิส ซูซาน ได้รับมาไม่ถูกต้อง


นอกจากนี้ยังตำหนิ นาย โรเบิร์ต เอฟ โกเดค ที่ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่15 พฤษภาคม 2566 หลังการเลือกตั้งในไทย 1 วัน ว่า "ตั้งตารอที่จะได้ทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ" ซึ่งทาง ศปปส. มองว่า กฏหมายการเลือกตั้งของไทยมีกรอบระยะเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว ทุกประเทศต้องเคารพในกติกาของประเทศนั้นๆ ด้วย


ดังนั้นการกระทำที่กล่าวมาข้างต้น ถือว่าเข้าข่ายการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย // ครอบงำ และกดดันให้ประเทศไทยทำตามที่สหรัฐอเมริกาต้องการ เป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเวียนนา จึงอยากให้เอกอัคราชทูตอเมริกาทบทวนบทบาทและหน้าที่ รวมถึงมารยาทของนักการทูต ซึ่งควรเคารพในความเป็น "ราชอาณาจักรของไทย" ด้วย


นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะเปิดให้อเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย โดยยืนยันว่าเป็นเฟกนิวส์ที่ไกลจากความเป็นจริงมาก ตอนแรกตนเองไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นและพูดกันอย่างจริงจัง ตอนแรกจึงคิดเพียงว่าเป็นการส่งต่อข้อมูลกันทางไลน์ แต่เมื่อมีการแชร์ส่งต่อกันมากขึ้น จนบางท่านที่มีตำแหน่งที่มีระดับสูงในบ้านเมืองยังพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ตนเองเริ่มเป็นกังวลถึงเหตุผลว่าทำไมจึงมีคนเชื่อ


ดังนั้น ขอยืนยันว่าหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะไม่เปิดให้ประเทศใดก็ตามเข้ามาตั้งฐานทัพในไทยอย่างแน่นอน การจะเปิดให้มาตั้งฐานทัพเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมาแทรกแซง ไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐบาลของพรรคก้าวไกลแน่นอน / และ ฝากถึงประชาชนว่า ขออย่าเชื่ออะไรที่ไม่มีข้อเท็จจริงหรือไม่มีหลักฐาน


ส่วนกังวลหรือไม่ว่าประเด็นนี้จะถูกหยิบยกเป็นเงื่อนไขในการโหวตหรือไม่โหวตนายพิธาเป็นนายก นายรังสิมันต์ ตอบว่า คงต้องอธิบายว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น จึงขอให้ทุกฝ่ายสบายใจ

คุณอาจสนใจ

Related News