เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 9 ต.ค.66 คนไทยดับ 12 สงครามตะวันออกกลาง-เผาเหยื่อกราดยิงพารากอน-ฆาตกรรมอดีตทูต

1.สงครามตะวันออกกลาง คาดคนไทยดับ 12 ราย

สงครามตะวันออกกลาง ปะทะหนัก คาดคนไทยเสียชีวิต 12 ราย เจ็บ 8 รอกองทัพช่วย 3 คน ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ขณะที่แรงงานไทยโพสต์คลิปนาทีระทึก โดนกลุ่มฮามาสบุกประชิดแนวบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น ต้องมอบลง ปิดไฟ งดใช้เสียง ล่าสุดยังปลอดภัย ส่วนอีกรายเผยคลิปนาทีหนีตาย ต้องนอนค้างในที่หลบภัย ก่อนระบุ เครียดมากยังไม่กล้าออกไปไหน หวังว่าเหตุการณ์จะสงบโดยเร็ว

2. ครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล วอนรัฐพาคนไทยกลับบ้าน

ภรรยาแรงงานไทยในอิสราเอล ที่ศรีสะเกษ สะเทือนใจ เห็นภาพสุดท้ายสามีถูกจับถอดเสื้อ นอนคว่ำหน้ากับพื้น มีกองกำลังติดอาวุธถือปืนยืนคุม ภาวนาขอให้สามีปลอดภัย เผยขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่ทราบชะตากรรม

ส่วนแม่แรงงานไทย จ.ขอนแก่น วอนทางการไทยเร่งช่วยเหลือด่วน หลังรู้ลูกถูกจับเป็นตัวประกัน พยายามติดต่อไปหาลูกหลายครั้ง แต่ยังติดต่อไม่ได้ ก่อนหน้านี้เคยบอกให้กลับบ้าน แต่น้องบอกว่าขอทำงานต่ออีก 2 ปี ให้ครบกำหนดสัญญา

3.ผบก.น.2 ชี้มือฆาตกรรมอดีตทูตเป็นคนข้ามชาติ เตรียมขอหมายจับ

ผงะ พบศพอดีตทูตนอนตายในห้องน้ำ บ้านหรูย่านวิภาวดี 20 ด้าน รอง ผบ.ชน. สั่งเร่งล่าคนร้าย ก่อเหตุฆาตกรรม หลังพบ มีดทำครัวเปื้อนเลือด ร่องรอยรื้อค้น เหยื่อพยายามดิ้นรนหลบหนี แต่กลับถูกสังหารอำพรางคดีในห้องน้ำ ชี้ชัดประสงค์ต่อทรัพย์ เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ล่าสุดรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เป็นคนข้ามชาติ คาดยังหลบหนีอยู่ในไทย เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับ

4.เผาแล้วหญิงพม่าเหยื่อมือปืนวัย 14 กราดยิงพารากอน

เผาแล้วสาวพม่า เหยื่อมือปืนวัย 14 กราดยิงพารากอน ขณะที่แม่ยืนกุมหัวใจสุดเจ็บปวด ร่ำไห้ เป็นลมทั้งยืน หลังดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนนายจ้าง จุดธูปเชิญดวงวิญญาณ ส่งตะวันขึ้นสวรรค์ ขณะที่ รองอธิบดีกรมพินิจฯ เผยผู้ก่อเหตุเครียดลดลง นอนหลับดีขึ้น รอผลแพทย์ประเมินสภาพจิตใจ ยังไม่มีการยื่นประกันตัว

5.นักพนันไม่พอใจไก่ชนแพ้ ยกพวกตะลุมบอนก่อนยิงดับ

วงจรปิดจับภาพนาทีระทึก มือปืนนักพนันไก่ชน ชักอาวุธปืนยิงใส่คู่พนันจนเสียชีวิต หลังจากไก่ชนของตัวเองแพ้ เสียเงิน 1.1 แสนบาท ทำหงุดหงิดทะเลาะจนเกิดเหตุยกพวกตีกัน สุดท้ายคว้าปืนที่แอบนำเข้าสนาม ยิงใส่ผู้ชนะพนัน จนนอนแน่นิ่งจมกองเลือด ก่อนหลบหนีท่ามกลางความชุลมุน ส่วนคนเจ็บทนไม่ไหวเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ขณะที่ ตร. เร่งล่าตัวมือปืน เบ็น มาบแค มาดำเนินคดี



เรื่องเล่าการเมือง

- นายกฯ สั่งเตรียมพร้อม 24 ชม.อพยพคนไทยจากอิสราเอล

ตอนนี้นายกฯเศรษฐา ไม่อยู่ประเทศไทย ท่านอยู่ระหว่างไปเยือนฮ่องกง แต่ท่านก็ติดตามสถานการณ์ที่อิสราเอลอย่างใกล้ชิด สั่งเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมงเพื่อรับคนไทยกลับ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตชาวไทยล่าสุด อาจมีถึง 12 คน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการช่วยเหลือคนไทยที่อิสราเอล ก่อนเดินไปเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน, บรูไนดารุสซาลาม, มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8 - 12 ตุลาคม ว่า ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารอากาศเตรียมเครื่องบินให้มีความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าตอนนี้น่านฟ้ายังปิด

โดยนายกฯยอมรับว่าสถานการณ์ยังตึงเครียด และยังเดินหน้าไปในทิศทางที่ไม่ดีขึ้น ทั้งนี้นายกฯได้สั่งการมีการตั้งศูนย์เพื่อช่วยเหลือคนไทยด้วย

ช่วงบ่าย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center) ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เช่น กองทัพอากาศ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน รวมทั้ง นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือคนไทยในเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง

ภายหลังใช้เวลาประชุมประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง นายภูมิธรรม แถลงว่า เป็นการหารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอลทั้งหมด เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีความรุนแรงถึงขั้นประกาศเป็นสงคราม ประเทศไทยและรัฐบาลไทยอยู่ในจุดยืนสำคัญ คือ เป็นกลางในสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ และยอมรับการดำรงอยู่ของทั้ง 2 รัฐ ทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล และอยากเห็นทาง 2 ประเทศจบความขัดแย้งด้วยสันติวิธี

ตอนนี้มีแรงงานไทยที่อยู่ในประเทศอิสราเอลถึง 3 หมื่นคน โดยอยู่ใกล้กับฉนวนกาซาที่เกิดความรุนแรง ประมาณ 5,000 คน

กองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบิน 6 ลำ ประกอบด้วย A340 1 ลำ และ C130 5 ลำ พร้อมเดินทางได้ทันทีที่สถานการณ์เอื้ออำนวย และให้กระทรวงการต่างประเทศ แสวงหามิตรประเทศรอบข้างอิสราเอล เพื่ออพยพคนไทยไปอยู่ในเขตที่ปลอดภัย ก่อนจะอพยพกลับไทย

ส่วนตัวเลขแรงงานไทยที่เสียชีวิตนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า ที่เป็นทางการคือ 2 คน แต่มีข้อมูลจากนายจ้างว่า อาจจะมีมากถึง 10 หรือ 12 คน / บาดเจ็บ 8 คน ในจำนวนนี้สาหันส 2 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน ทั้งนี้ศูนย์ประสานงานฉุกเฉินจะมีการประชุมและอัพเดทสถานการณ์ให้ทราบทุกวัน

- นายกฯ เยือนฮ่องกง พบนักธุรกิจชื่นชมศักยภาพไทย

ส่วนภารกิจของ การเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ของนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ ท่านนายกฯ พบหารือกับภาคเอกชนฮ่องกง แสดงถึงความเชื่อมั่น พร้อมรับนักลงทุนและภาคเอกชน ที่จะเข้ามาในประเทศ

เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงยัง ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง โอกาสเดินทางเยือน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดย มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ให้การต้อนรับ

นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนักธุรกิจและภาคเอกชนของฮ่องกง โดยขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจว่า รัฐบาลไทยเตรียมพร้อม และมีแผนรองรับนักลงทุน และพร้อมให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกภาคเอกชน

ขณะที่นายอัลลัน ซีแมน นักธุรกิจฮ่องกง กล่าวชื่นชมนโยบาย Free Visa สำหรับนักท่องเที่ยว เชื่อมั่นว่าภาคเอกชนจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุด และ เชื่อมั่นว่าไทยจะแข็งแกร่งมากขึ้น

ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือว่า ภาคธุรกิจของฮ่องกง ต้องการให้การลงทุนของประเทศไทยลดขั้นตอน ลดความซับซ้อนลง พร้อมมองว่าไทยมีศักยภาพมาก ทั้งทางด้านการท่องเที่ยว การเงิน และภาคอุตสาหกรรม และเสนอให้ ไทยสถาปนาตัวเองเป็นพี่ใหญ่ ในภูมิภาคอาเซียน เพราะที่ตั้งของไทยมีความเหมาะสม ดังนั้นเราต้องมีการเตรียมตัว เพื่อให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น


- จับตาวันนี้! คลังนัดแถลง โครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น

ยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของรัฐบาล ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมแถลงข่าวช่วงบ่ายวันนี้ รัฐมนตรีช่วยคลัง เผย ยังต้องรอดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการแจกเงินหรือไม่

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทว่า เบื้องต้นในวันนี้ (จันทร์ที่ 9 ตุลาคม) กระทรวงการคลังจะมีการแถลงข่าวช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ยืนยันว่ากระทรวงรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน โดยนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ก็มีทั้งที่สนับสนุนและคัดค้าน

ขณะที่ภาคเอกชนก็สะท้อนว่าต้องการให้กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนจำนวนมากก็รอการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ ดังนั้นรัฐบาลรับฟังทุกข้อเสนอ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากต้องรอคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท สรุปสุดท้ายว่าในรายละเอียดของนโยบายจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เป็นอีกคนที่ออกมาวิจารณ์ และเรียกร้องให้รัฐบาลจำกัดกลุ่มคนที่จะแจกเงิน โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า "การตอบคำถามของคุณเศรษฐาครั้งนี้ทำได้ไม่ดี การพูดถึงคนจนที่ยากลำบากเลยต้องแจกเงินนั้นพอรับฟังได้ แต่ลองอธิบายว่าคนที่เขามีเงินเราไปแจกทำไม มันเป็นเหตุผลเดียวกับที่แจกคนจนหรือเปล่า?"

นายสมบัติ เรียกร้องให้รัฐบาลจำกัดกลุ่มเป้าหมายในการแจกเงิน และ ระบุว่า "การโต้ตอบโต้ด้วยการกอดคนจนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการที่แจกเงินทั้งคนจนและคนที่ไม่ได้ยากจนนั้น เป็นเรื่องที่นอกจากไม่มีน้ำหนักแล้วยังจับประเด็นไม่ได้ด้วย"

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/fOwo9c3Vsbo