เลือกตั้งและการเมือง

“อนุทิน” แถลงเปิดตัว 3 บ้านใหญ่ “วราวุธ-สนธยา-ปิยะ” - แจ้งพรรคร่วมสแตนด์บายรอฟังสัญญาณ 12 ธ.ค.นี้

23 พ.ย. 2568

168 views

“อนุทิน” แถลงเปิดตัว 3 บ้านใหญ่ “วราวุธ-สนธยา-ปิยะ” ลั่น “พี่เฮ้ง-พี่แป๊ะ” ดีกันได้เพราะ “น้องหนู” ชี้เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เปลี่ยนบริบทการเมือง “วราวุธ” รับอนาคตพรรคเล็กไปต่อยาก ย้ายพรรคไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว ยัน ชทพ.ยังอยู่ หวังได้รับความไว้ใจอีก - “อนุทิน” แจ้งพรรคร่วมสแตนด์บายรอฟังสัญญาณ 12 ธ.ค.นี้ เตรียมชง ครม.เปิดประชุมสภาวิสามัญ 10-11 ธ.ค. แก้ รธน.วาระ 2

ภายหลังการหารือถึงแนวทางร่วมกันทางการเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำกลุ่มการเมืองที่ประกอบด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา, นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มบ้านใหญ่จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายปิยะ ปิตุเตชะ ร่วมกันแถลงข่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พวกตนถือโอกาสมาแถลงข้อมูลที่อยากจะถ่ายทอดให้กับประชาชนได้รับทราบ พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสต้อนรับผู้ที่จะมาร่วมทำงานทางการเมืองด้วยกัน ในนามพรรคภูมิใจไทย ภายหลังที่มีการยุบสภา และมีการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมาถึงนี้ เป็นไปตามที่ผู้สื่อข่าวได้นำเสนอข่าวไปก่อนล่วงหน้า

“วันนี้ถือโอกาสมายืนยันอย่างเป็นทางการ ว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคภูมิใจไทยจะมีกลุ่มของนายวราวุธ มาพร้อมกับสมาชิกสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะที่นายสนธยา จะมาทำการเมืองร่วมกันในนามพรรคภูมิใจไทย จังหวัดชลบุรี ส่วนจังหวัดระยอง มีนายปิยะ ที่มาทำงานการเมืองร่วมกัน” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เราได้มีการหารือทำความเข้าใจถึงนโยบายและแนวทางทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีเป้าหมาย จุดประสงค์ เจตนารมย์เดียวกัน คือตั้งใจเข้ามาอาสาทำงานรับใช้ประชาชน ประเทศชาติ ความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศไทยให้มากที่สุด ด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และเครือข่ายต่างๆ ที่เรามีอยู่ เป็นการชัดเจนแล้วว่าเมื่อมีการยุบสภา ทั้งหมดนี้ก็จะมาร่วมทำงานด้วยกัน เพื่อรับใช้บ้านเมืองและประชาชนในนามพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามถึงเหตุผลที่นายวราวุธตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย นายวราวุธกล่าวว่า ที่มีกระแสข่าวศิลปอาชา ทีมชาติไทยพัฒนา มาอยู่ นายนิกร จำนง จะมีการให้ข่าวที่พรรค ว่าวันนี้ยังมีศิลปอาชาอยู่ พรรคชาติไทยพัฒนาก็ยังดำเนินกิจการของพรรคอยู่

ส่วนสมาชิกทั้งหมดจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยทั้งพรรคเลยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาพอยุบสภา ก็จะได้เห็นความชัดเจน การทำงานก็จะทำงานให้กับประชาชนในจังหวัดนครปฐม ร้อยเอ็ด สุพรรณบุรี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทุกวันนี้ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี เกิดสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนัก การได้รับการสนับสนุนจากกระทรวง หน่วยงานต่างๆ ให้กับประชาชน คิดว่าก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อถามอีกว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคเล็กอาจจะได้ยาก จึงทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กตัดสินใจเข้าพรรคขนาดใหญ่ มองอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ผิด จริงๆ แล้วในระบบการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเทศใด การที่มีพรรคการเมืองจำนวนมากก็จะทำให้เกิดพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวนมาก เช่น อเมริกา หรือ อังกฤษ เพื่อจะทำให้การทำงานราบรื่นมากขึ้น

เมื่อถามว่า ประชาชนในพื้นที่เข้าใจหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าหากได้มีโอกาสช่วยประชาชนได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่าประชาชนได้เห็นการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนหน้านี้พรรคชาติไทยพัฒนาเคยได้ดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อเกิดปัญหาหลายอย่างขึ้นมา หน่วยงานเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด แต่เมื่อมีหลายหน่วยงานก็ทำให้มีงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“การตัดสินใจ เป็นการพูดคุยกันกับทุกคน ไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว เป็นความเห็นพ้องต้องกันของสมาชิก” นายวราวุธ กล่าว

เมื่อถามอีกว่า มั่นใจจะได้ยกพื้นที่เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายวราวุธ ระบุว่า สมาชิกในพื้นที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็แล้วแต่ ผู้สมัครหรือ สส.ของเรา ก็ได้ทำงานเคียงข้างประชาชน และหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจอีกครั้ง แล้วก็มั่นใจ

เมื่อถามว่า ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย กับพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันร่วมตั้งรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายอนุทิน ตอบทันทีว่า “อุ๊ย ทำไมถามอย่างนั้นล่ะครับ มาอยู่ด้วยกันพรรคเดียวกัน”

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาทิ้งมรดกพ่อบรรหาร ศิลปอาชา ที่ได้ก่อตั้งไว้ ทำให้นายวราวุธถึงกับเอ่ยแซวว่า ไม่ค่อยมีใครอยากถามพี่แป๊ะ (สนธยา คุณปลื้ม) เลย ถามแต่ว่าวราวุธ จากนั้น นายวราวุธ กล่าวต่อว่า พรรคชาติไทยพัฒนา พ่อบรรหารก็รับไม้ต่อมาจากราชครู แต่อย่างที่ตนบอกไปว่าศิลปะอาชา ยังอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา และที่สำคัญการตัดสินใจทางการเมืองแบบนี้ก็คิดว่าเป็นการรักษามรดกของตนเองไว้ด้วย

ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า ตนเองก็มาจากตรงนั้นเหมือนกัน พวกเราทุกคนมีที่มาจากตรงนั้นแหละ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวลือ ความไม่ลงรอยกันระหว่างนายสนธยากับนายสุชาติ ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดชลบุรีทั้งคู่ ทำให้นายอนุทิน และคณะถึงกับหัวเราะ ก่อนที่นายสนธยา จะตอบว่า เรื่องข่าวลือ การทำงานทางการเมืองบางครั้งเรื่องการแข่งขันก็เป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้การทำงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เป็นการทำงานร่วมกันในนามพรรคภูมิใจไทย เพื่อสร้างความไว้วางใจให้ประชาชนเห็นว่าทีมภูมิใจไทยชลบุรี มีเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน โดยยึดนโยบายพรรคเป็นหลักมีพวกเราเป็นคนขับเคลื่อน

เมื่อถามว่า นายสาธิต ปิตุเตชะ จะย้ายมาร่วมงานด้วยหรือไม่ นายปิยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็เคยอยู่ด้วยกันกับนายอนุทิน และนายวราวุธ รวมถึงนายสนธยา ก็ถือว่ามีความคุ้นเคยกัน วันนี้ดีใจที่ได้มาพูดคุยกันและทราบถึงนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่จะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ส่วนปัญหาครอบครัว นายสาธิต ถือว่าเป็นลูกน้องของนายกฯ เรื่องพี่น้องอาจจะคุยกันยากหน่อยแต่เรื่องเจ้านายลูกน้องคุยกันได้ ตนเลยยกเรื่องนี้ให้นายอนุทินเป็นคนไปพูดคุย แต่อย่างไรก็ไม่มีปัญหาเพราะถือว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน คุยกันได้

ด้าน นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า “เอาน่ะ พี่เฮ้ง กับ พี่แป๊ะ ยังมาดีกันได้เพราะน้องหนู ผมคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการเมืองไทยในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา การเมืองด้วยความแตกแยก คิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลัก แต่วันนี้เราเปลี่ยนบริบททางการเมืองใหม่คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือประชาชน ซี่งผู้แทนราษฎรก็คือตัวแทนประชาชน ถ้าผู้แทนราษฎรไม่ถูกกัน ทะเลาะกัน แตกแยกกัน ก็คือประชาขนแตกแยกกัน ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ที่จะเกิดกับประชาขนและประเทศชาติ

“สิ่งที่เราต้องการที่สุดวันนี้ คือความสมัครสมานสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอาประสบการณ์และทุกสิ่งที่แต่ละคนสั่งสมกันมา 20 กว่าปี สมัยก่อนเราถือเป็นวัยรุ่นทางการเมือง แต่วันนี้เป็นผู้ที่สั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองมามากพอสมควรแล้ว วันนี้เป็นวันที่เราจะต้องใช้ประสบการณ์ เครือข่าย ความสามารถที่เรามีร่วมกัน ทำให้ประเทศไทยก้าวหน้า เพราะเรามีศักยภาพต่างๆ ที่แข็งแรงรองรับอยู่แล้ว ขาดคนนำพาและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ตอนนี้อย่างน้อยสิ่งที่เราเคยเห็น ความแตกแยก ความแตกต่าง วันนี้ผมมีหน้าที่ทำให้เรื่องเหล่านี้หมดไป มาเป็นพลังเดียวกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาสงบเรียบร้อย แล้วความสามัคคีให้ไทยกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคภูมิใจไทย ครั้งที่ 1/568 ว่า ที่ประชุมมีการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาในส่วนตัวแทนประจำจังหวัด และหัวหน้าสาขาพรรค สัดส่วน 11 คน โดย 5 คนมาจากกรรมการบริหารพรรค และอีก 6 คนมาจากการเลืกกตั้ง เพื่อเตรียมทำไพรมารีโหวต และเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งต่อไป

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า จากนั้นเป็นการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กำชับในที่ประชุมว่าให้เตรียมตัวในวันที่ 12 ธ.ค.นี้จากที่มีข่าวมาหลายๆ แง่มุม นายอนุทิน บอกในที่ประชุมว่า ให้ตรียมตัวฟังสัญญาณในวันที่ 12 ธ.ค. ไม่ว่าจะจากตัวนายอนุทินเอง หรือจากสภาฯ ว่าอาจมีอะไรหรือไม่ นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังแจ้งให้ที่ระชุมทราบว่ากรณี MOA กับพรรคประชาชน หนึ่งในข้อตกลงที่ระบุไว้ ว่าจะจัดให้มีการทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอนุทิน จะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ให้ ครม.อนุมัติการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้มอบหมายให้ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้ดูแลว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.ทุกเขต โดยพรรคภูมิใจไทยได้เปิดแคมเปญรับสมัครผู้ที่มีความจำนง และสนใจทำงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย มาสมัครเป็นว่าที่ผู้สมัครของ สส.ของพรรคในพื้นที่ กทม.

นางศุภมาส อิศรภักดี เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลพื้นที่ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ผู้สมัครในภาคของกรุงเทพมหานครของพรรคภูมิใจไทยเกินอยู่ประมาณ 3 เท่ามีทั้ง ปัจจุบันที่แสดงความจำนงและมีอดีต สส. ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ทั้ง สก. และ สข. และยังมีกลุ่มที่ยังไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน แต่มีความสนใจเรื่องการเมือง เช่นกลุ่มของนักธุรกิจ ข้าราชการ และภาคเอกชน รวมถึงผู้ที่เรียนจบจากต่างประเทศ มีอายุน้อยจนถึงอายุมาก ซึ่งมีความหลากหลายจึงต้องให้คณะกรรมการพรรคภูมิใจไทยซึ่งมีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครชุดใหญ่ต้องช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งว่าบุคคลแบบไหนที่จะเข้ามาร่วมอุดมการเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องมีใจรักประชาชนและมีความเสียสละเข้ามา โดยไม่ได้หวังผลสิ่งใดตอบแทนนอกจากทำงานให้กับบ้านเมือง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีความต้องการที่จะรับสมัครบุคคลเหล่านี้โดยเปิดโอกาสให้ทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่และต้องการทุกคนที่มีอุดมการณ์ มีใจมาทำงานร่วมกับพรรค ซึ่งพรรคถือว่ามีความหลากหลายทั้งคนรุ่นเก่า ผู้ใหญ่และมีประสบการณ์ทางการเมืองจำนวนมากและคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดมีไฟที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“จึงขอเชิญชวน คนไทยทุกคนที่มีอายุเกิน 25 ปีบริบูรณ์และอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือประวัติที่เคยศึกษาทำงานให้มาสมัครที่พรรคภูมิใจไทยโดยไม่ต้องมีเส้นสายหรือไม่รู้จักใครหรือเป็นลูกผู้ใหญ่ใดใดๆทั้งสิ้นแต่เชิญชวนคนที่มีใจมาร่วมทำงานกับพรรคได้โดยสามารถที่จะเดินเข้ามาสมัครที่พรรค ซึ่งทุกคนในพรรคยินดีต้อนรับทุกคน” นางศุภมาสกล่าว



คุณอาจสนใจ

Related News