ศาลยกฟ้อง ชี้คำว่า “คนขายหมู” ไม่หมิ่นประมาท ไม่เป็นการด้อยค่า ด้าน “สว.นันทนา” ขอบคุณทนายช่วยซักค้าน

“ทนายอนันต์ชัย” เผยศาลพิพากษายกฟ้อง สว.นันทนา คดี “คนขายหมู” หลังถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท ชี้คำว่า “คนขายหมู” ไม่เป็นการด้อยค่า เตรียมฟ้องกลับผู้กล่าวหาในข้อหาฟ้องเท็จ-เบิกความเท็จ

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายกระดูกเหล็ก” ว่า “วันนี้ เวลา 9.00 น. ศาลแขวงดุสิต คดีหมายเลขดำที่ อ 562 | 2568 ระหว่าง นางแดง กองมา โจทก์ กับนางสาวนันทนา นันทวโรภาส จำเลย มีคำพิพากษายกฟ้อง “คนขายหมู” ไม่หมิ่นประมาท ไม่เป็นการด้อยค่า”

คำพิพากษาโดยย่อ “….การที่จำเลยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน จึงล้วนเป็นข้อเท็จจริงเเละการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลที่เข้าดำรงตำแหน่งกรรมธิการการพัฒนาการเมืองเท่านั้น และเมื่อไม่มีปรากฏข้อเท็จจริงอื่นใดนอกเหนืออันจะส่อแสดงให้เห็นเจตนาไม่สุจริตของจำเลย ถือไม่ได้ว่า จำเลยดูหมิ่น พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง”

ด้าน สว.นันทนา แชร์โพสต์และขอบคุณทนาย ระบุข้อความว่า “ขอขอบพระคุณทนายกระดูกเหล็ก ที่ช่วยซักค้านในการไต่สวนมวลฟ้อง จนศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในที่สุด นี่คือการต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เป็นธรรม ให้กับสังคม  อย่างแท้จริง”

ทีมข่าวสัมภาษณ์ทนายอนันต์ชัยผ่านโทรศัพท์ กล่าวว่า คดีนี้มั่นใจว่าศาลจะยกฟ้อง ซึ่งตอนไต่สวนมูลฟ้อง ท่าน สว.นันทนา ไม่ได้เอ่ยชื่อว่าคนขายหมูคือใคร และตนเองได้ถามโจทก์ว่าภูมิใจในอาชีพขายหมูไหม เขาบอกว่าภูมิใจ เมื่อถามต่อว่า ถ้าบอกว่าเป็น สว. อาชีพขายหมู คุณภูมิใจไหม นางแดงเขาก็บอกว่าภูมิใจ

แเรื่องละประกรสุดท้ายคือ การที่ สว.นันทนา พูดคำว่าคนขายหมู เพราะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการคัดสรรบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองเท่านั้น ไม่ได้จะไปว่า ติเตียน หรือดูหมิ่นดูแคลน ซึ่งตนเองก็ได้ถามโจทก์ว่า คุณไม่เคยมีความรู้ ความสามารถ ในเรื่องการพัฒนาการเมืองเลยใช่ไหม ซึ่งคุณแดงตอบว่าใช่ เพราะฉะนั้นการที่ สว.นันทนาวิพากษ์วิจารณ์ถือเป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง

โดยหลังจากนี้ น่าจะมีการฟ้องกลับนางแดง ข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ เพราะตอนไต่สวน ตนก็ถามนางแดงเป็นคำถามสุดท้ายว่า การที่นางแดงมาฟ้องเป็นความเข้าใจผิดของคุณเองใช่หรือไม่ เขาตอบว่าใช่ เค้าเข้าใจผิดเอง ซึ่งทนายมองว่าแล้วมากลั่นแกล้งได้อย่างไร ยังไงก็ต้องโดนฟ้องกลับ เพราะทำให้ท่าน สว.นันทนาเสียหายมาก แต่จากที่ตนเองเจอ สว.แดง กองมา แล้ว ท่านไม่ได้มีอะไร แต่ในความเห็นส่วนตัว เชื่อว่าน่าจะมีลูกยุ

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น มองว่าวุฒิสภาต้องมีคนที่มีความรู้ความสามารถ ใช้คนให้ถูกกับงาน ซึ่งการพัฒนาการเมือง สว.นันทนา ท่านเป็นอาจารย์สอนหนังสือเรื่องนี้ ท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญ แต่พวกคุณไม่เลือก เพราะฉะนั้นนี่เป็นโมเดลว่าต่อไป สว. หรือ สส. ที่จะเลือกกรรมาธิการ ก็ควรจะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ และมีความถนัดเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ แต่พวกคุณรวมหัวกันยกมือ พวกมากลากไป แล้วยังมาฟ้องอีก และปิดประตูตีแมวอีก ขอเอาพยานเข้าสืบก็ไม่ได้ วินาทีสุดท้ายก็ไม่ยอม

ย้อนไปฟัง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของอาจารย์นันทนา ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา วันนั้นแถลงข่าวจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูล พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กับพวกรวม 18 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้านแรงหรือไม่ กรณีสอบสวนเรื่องจริยธรรมที่มีผู้ร้องเรียนนางสาวนันทนา

วันนั้น ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ไม่ชอบยุ่งการเมือง และไม่สนใจด้วย แต่เมื่อเห็นในกรณีของนางสาวนันทนา ก็รู้สึกว่าจะปล่อยให้นางสาวนันทนาโดดเดี่ยวไม่ได้ จึงเข้าให้การช่วยเหลือโดยไม่มีค่าจ้าง ย้ำว่า ทําด้วยใจ เพราะเรารู้สึกว่านางสาวนันทนาโดนรังแก

พร้อมกับพูดวลีเด็ดว่า “โถ่ นี่หรือวุฒิสภา ผมว่าน่าจะยุบนะ เอาแต่สภาผู้แทนราษฎรก็พอแล้ว เปลืองภาษีประชาชน”