สังคม

เจ้าหน้าที่เปิดคลิปโต้ ไม่ได้รุมทำร้าย หลังจับคนส่งยาผิดตัว

โดย nattachat_c

9 ธ.ค. 2567

477 views

จากกรณี สื่อออนไลน์สำนักหนึ่งเสนอข่าว ผู้เสียหายร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุพรรณบุรีว่า ถูกเจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัด นำทีมโดยปลัดจังหวัดสุพรรณบุรี จับคนร้ายผิดตัวคดียาเสพติด ก่อนรุมทำร้ายนับ 10 คน ทราบต่อมาว่า ผู้เสียหายเป็นถึงคนขับรถกระทรวงวัฒนธรรมของจังหวัดสุพรรณบุรี


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบคลิปกล้องติดอกของเจ้าหน้าที่ พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่รุมทำร้าย และไม่ได้ใช้อาวุธทำร้าย ไม่ได้เป็นไปตามที่สื่อออนไลน์นำเสนอ โดยมีการโยงเอากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 7 นาย รุมทำร้ายลูกชายนายตำรวจมาประเด็น จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ


สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 23:00 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ล่อซื้อยาเสพติดจำนวน 200 เม็ด นัดส่งยาบ้ากันบริเวณหน้าวัดคันทด อำเภอเมืองสุพรรณบุรี นำทีมโดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษปกครองจังหวัดสุพรรณ และเจ้าหน้าที่ทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันกว่า 20 นาย วางกำลังดักซุ่มอยู่อยู่สองข้างทางเข้าซุ้มประตูวัดคันทด


โดยสายแจ้งว่า มีรถมอเตอร์ไซต์สองคันที่จะนำยาเสพติดมาส่งคันที่หนึ่งเป็นรถฮอนด้า สีเทาดำ น่าจะเป็นคนนำทาง ส่วนคันที่สองเป็นฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ซึ่งจะมียาเสพติด 200 เม็ด เพื่อจะนำไปส่งให้กับสายที่ล่อซื้อบริเวณหน้าวัด โดยมีการส่งซิกว่า ถ้ามาถึงจุดที่บริเวณซุ้มวัดให้เบิ้ลรถเป็นจังหวะว่า มาถึงจุดนัดหมายแล้ว


ทันใดนั้น รถของผู้เสียหาย ชื่อนายเอ (นามสมมุติ) ก็ขับเข้ามาถึงจุดนัดหมายที่เจ้าหน้าที่กับสายซุ่มอยู่ผู้เสียหายซึ่งลักษณะรถจักรยานยนต์กับพฤติการเบิ้ลเครื่องรถของผู้เสียหายตรงกับรถของคนที่จะนำยาบ้ามาส่ง


ทันใดนั้น ชุดปฏิบัติการก็ได้เข้าชาร์จซึ่งตะโกนบอกให้นายเอจอดรถ นายเอก็ได้ชะลอ แต่พอเจ้าหน้าที่จะถึงตัว นายเอพยายามจะเร่งเครื่องออกไป เจ้าหน้าที่จึงคว้าแฮนด์รถเพื่อให้หยุด แต่รถนายเอล้ม เจ้าหน้าที่จึงวิ่งกรูเข้าล้อมตัว ก่อนที่จะเรียกถามชื่อว่านายเอ ชื่ออะไร ใช่คนที่จะนำยาบ้ามาส่งหรือไม่ หลังได้คำตอบว่าไม่ใช่ เป็นสกัดจับผิดตัวเจ้าหน้าที่จึงพานายเอ เข้าข้างทางสอบถามอาการบาดเจ็บ


ทางนายเอก็ได้ติดต่อญาติมาที่เกิดเหตุ และมีการพูดคุยขอโทษ ขอโพยกันจนเข้าใจต่างก็ไม่ติดใจ จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็พานายเอไปทำแผลที่โรงพยาบาล พร้อมออกค่าใช้จ่ายค่ารักษาเบื้องต้น ส่วนความเสียหายของจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่ก็รับผิดชอบดู


เหมือนเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่ผู้เสียหายกลับไปแจ้งความร้องศูนย์ดำรงธรรมว่า ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนับ 10 คน รุมทำร้ายขณะจับยาเสพติด แต่จับผิดตัว และได้มีการเรียกเงินค่าเสียหายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 130,000 บาทซึ่งประกอบไปด้วยค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญ และค่าซ่อมรถ และขอเรียกค่าที่ทำให้ตนเองเสียชื่อเสียงจำนวน 100,000 บาท


ต่อมาเจ้าหน้าที่หัวหน้าชุดฝ่ายปกครองได้เข้าไปไกล่เกลี่ยกับนายเอว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าชุด ได้รวบรวมเงินกับลูกน้องทั้งหมดได้ประมาณ 46,000 บาท จึงขอต่อรองสุดท้ายนายเอจึงยอมรับเงิน ก่อนที่จะจบกันได้ด้วยดี ส่วนนายเอก็ถอนแจ้งความ และถอนคำร้องจากศูนย์ดำรงธรรม


ต่อมา ทีมข่าวลงพื้นที่พูดคุย ที่บ้านของนายเอ พบว่า บ้านของนายเอกำลังมีงานศพของพ่อ ที่กำลังบำเพ็ญกุศลอยู่


ทีมข่าวได้พูดคุยสอบถามกับญาติของนายเอว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นยังไงบ้างแล้วพอจะมีอะไรให้ทีมข่าวช่วยเหลือหรือไม่ ญาติของนายเอตอบกลับทีมข่าวมาว่า ตนเองไม่สะดวก เพราะว่าพ่อของนายเอเพิ่งเสีย และยังไม่สะดวกให้ข้อมูล เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ได้มีการตกลง หรือเคลียร์กันเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว และไม่สะดวกให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ขออภัยสื่อมวลชนด้วยนะคะ


ต่อมา ทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องติดหน้าอกของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรีที่กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ จะเห็นได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมดสามนายที่เข้าประชิดตัวของนายเอ และมีจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ล้มอยู่ จะได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ถามว่า ชื่ออะไร เอ็งชื่ออะไร ก่อนที่นายเอจะตอบชื่อกลับมา


ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ช่วงท้ายคลิปจะเห็นได้ว่าหัวหน้าชุดนำทีมจะใส่หมวกสีแดงยืนเท้าเอว แล้วถามชื่อ ก่อนที่จะนำตัวนายเอส่งโรงพยาบาล


ล่าสุด ทางผู้เสียหายได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจแล้วจึงได้ถอนแจ้งความร้องทุกข์ทั้ง กับพนักงานสอบสวน และศูนย์ดำรงธรรม ไม่ประสงค์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ยังมีภาพกล้องติดหน้าอกและภาพหัวหน้าชุ ปฏิบัติการพิเศษ อบรมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการหน้าแถว มีทั้ง ทหาร และ อส. มีการเน้นย้ำการตรวจค้น ไม่ให้ใช้ความรุนแรง เน้นย้ำความปลอดภัยทั้งของเจ้าหน้าที่ และผู้ที่ถูกตรวจรถต้องสงสัย ตามยุทธวิธีทุกครั้ง ก่อนออกปฏิบัติหน้าที่



คุณอาจสนใจ

Related News