สังคม

เอเจนซี่โต้อีกมุม! ปัดฮุบสินสอด-หลอกสาวไทยแต่งงานชาวจีน ยันถูกใส่สีตีไข่

โดย panwilai_c

17 ก.ย. 2567

84 views

อดีตพนักงานต้อนรับ ร้อง สายไหมต้องรอด หลังเธอถูกเอเจนซี่หลอกให้ไปแต่งงานกับคนจีน อ้างเป็นนักธุรกิจ อาศัยในเมือง แต่ไปถึงกลับอยู่บนเขาใช้ชีวิตแสนลำบาก หนีกลับมาสุดท้ายรู้ภายหลังถูกเอเจนซี่ฮุบค่าสินสอดไป กว่า 7 แสน



นางสาวแบ๋ม (นามสมมติ) อดีตพนักงานต้อนรับ อายุ 24 ปี มาร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่แรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ว่าเธอถูกเอเจนซี่หาคู่ หลอกให้ไปแต่งงานกับชายชาวจีนที่อ้างตัวว่าเป็นนักธุรกิจ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง ต้องไปอยู่อย่างลำบากบนภูเขาจนเธอต้องหนีกลับมาเอง หนำซ้ำกลับมาพบว่าเอเจนซี่ฮุบเงินค่าสินสอดไปกว่า 7 แสนบาท



ผู้เสียหาย บอกว่า มีคนรู้จักมาแนะนำว่ามีเอเจนซี่ ชื่อ หญิง (นามสมมติ) จะช่วยหาหญิงไทย ไปแต่งงานกับชายชาวจีนที่อยากมีภรรยาเป็นคนไทย โดยจะได้ค่าสินสอดหลักแสน อยู่ดีกินดี มีครอบครัวที่ดี เธอสนใจจึงลองคุยกับ นายเต๋า (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ชายชาวจีน ผ่านทางแอปพลิเคชั่น วีแชท ซึ่งฝ่ายชายก็บอกว่าตนเองโปรไฟล์ดี เป็นนักธุรกิจ มีคอนโดหรูในเมือง ผู้เสียหายคุยกันได้ประมาณ 1 เดือน คุยถูกคอ แบ๋มจึงตอบตกลงที่จะไปจดทะเบียนสมรสและใช้ชีวิตอยู่กับเต๋าที่ประเทศจีน ซึ่งก่อนบินไป หญิงที่เป็นเอเจนซี่ได้ให้เงินเธอมา 9 หมื่นบาท บอกว่าเป็นค่าสินสอด ส่วนค่าใช้จ่ายการเดินทางฝ่ายชายเป็นคนออกให้ทั้งหมด



แบ๋มบินไปประเทศจีนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พอไปถึงก็มีแฟนของเอเจนซี่พาฝ่ายชายมารับ จากนั้นก็ขับรถไปไปบ้าน แต่ระหว่างทางเริ่มเป็นการขึ้นภูเขาและห่างไกลเมืองไปเรื่อยๆ เธอก็แปลกใจว่าจะมีบ้านคนอยู่แถวนี้จริงๆ หรอ ก็ได้ถามเต๋า ว่า ไหนจะพาไปอยู่คอนโดหรูในเมือง ฝ่ายชายก็บอกกลับมาว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยว ต้องมาช่วยแม่ทำงานก่อนเสร็จแล้วจะพากลับไปอยู่ในเมือง



ผู้เสียหาย บอกว่าบ้านที่เธอไปอยู่ เป็นบ้านหลังสุดท้ายบนภูเขา ห่างไกลจากชุมชนมาก ลักษณะเป็นฟาร์มแกะ ไร่ข้าวโพด เธอไม่มีทางเลือกก็ต้องอยู่ แต่ลำบากมาก เพราะบ้านไม่มีห้องน้ำ เธอต้องตักน้ำใส่กะละมังมาแล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ ถ้าจะสระผมต้องรอไปใช้ห้องน้ำในชุมชน ไปแค่สัปดาห์ละครั้ง ส่วนการเข้าห้องน้ำทำธุรส่วนตัว ก็ต้องไปขุดหลุมในไร่ข้าวโพด เธอบอกว่าไปอยู่ที่นู้นเธอท้องผูก อีกทั้งยังไม่มีน้ำสะอาดให้กินด้วย



แบ๋ม บอกว่า อยู่ได้ 5 วัน ฝ่ายชายก็พาเธอไปจดทะเบียนสมรส ซึ่งเธอก็ต้องยอม เธอยังบอกอีกว่า ฝ่ายชายไม่ค่อยอาบน้ำ ไปทำงานกลับมาก็ถอดเสื้อผ้าแล้วนอนเลย เธอทนความเหม็นไม่ไหวจึงไปนอนโซฟา แต่ฝ่ายชายก็โทรฯไปฟ้องเอเจนซี่ว่า เธอไม่ยอมนอนด้วย ซึ่งเธอก็พยายามอธิบายให้เอเจนซี่ฟังและขอความช่วยเหลือ แต่เอเจนซี่ก็ไม่ช่วยเหลืออะไร



จนล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน แบ๋มสบโอกาสจึงหนีเดินออกมาตามไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นขั้นบันไดที่มีเหวลึก เธอรู้สึกเสี่ยงตาย แต่ก็คิดว่าถ้าอยู่ก็ไม่มีอะไรดีจึงหนีออกมา เธอใช้เวลาเดินกว่าครึ่งวัน จนมาพบชุมชน จึงไปขอความช่วยเหลือให้มาส่งในเมืองและเธอต้องต่อรถบัส อีก 4 ชั่วโมงมาสนามบินเพื่อรอเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ



แบ๋ม ยังบอกอีกว่า ตลอดเวลาที่อยู่ที่จีน ฝ่ายชายไม่เคยทำร้ายร่างกายเธอ ส่วนมากจะด่าทอ พูดจาไม่ดีใส่มากกว่า แต่เมื่อกลับมาถึงไทย แบ๋มก็ติดต่อไปหา หญิง เอเจนซี่เล่าเรื่องราวทั้งหมด แต่กลับถูกด่าและบังคับให้กลับไป หากไม่ไป จะต้องจ่ายเงินค่าปรับให้กับฝ่ายชาย 350,000 บาท เพราะฝ่ายชายได้ให้เงินค่าสินสอดมาแล้ว และเธอมารู้ภายหลังว่า ค่าสินสอดที่ฝ่ายชายให้มาทั้งหมด 8 แสนบาท แต่เธอกลับได้เพียง 9 หมื่นบาท อีกทั้งเธอยังถูก เอเจนซี่คุกคามและข่มขู่ ว่า ถ้าไม่จ่ายค่าปรับก็จะฟ้องและบังคับให้เซ็นสัญญาเงินกู้



ด้านนายเอกภพ บอกว่า กรณีนี้จะต้องตรวจสอบว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะทางเอเจนซี่ได้รับเงินจากชายชาวจีนมา 8 แสนบาท เพื่อทำการส่งหญิงไทยไป ซึ่งจากนี้จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ บก.ปคม.และฝากเตือนผู้หญิงไทยที่อยากมีสามีเป็นคนจีนว่าให้ระวัง เพราะเคยมีเคสที่หญิงไทยไปแต่งงานกับชายชาวจีน แต่กลับถูกทำร้ายร่างกายไม่พอใจที่ท้องลูกเป็นผู้หญิงแทนที่จะเป็นผู้ชาย



เอเจนซี่ โต้กลับ ฝ่ายชายโอนเงิน 8 หมี่นหยวน หรือ 3.6 แสนบาท ไม่ใช่ 8 แสนบาทตามที่อ้าง เผย เป็นค่าดำเนินการด้านเอกสาร ค่าตั๋วเครื่องบิน / 100,000 บาทเป็นค่าสินสอดและอีก 200,000 บาทที่เหลือที่เหลือเป็นค่าซื้อทองสำหรับวันแต่งงาน / ลั่นฝ่ายหญิงใส่สีตีไข่ 80%



ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณหญิง เอเจนซี่ อายุ 30 ปี ที่ถูกกล่าวหา บอกว่า สิ่งที่น้องเล่า มีความจริงบางส่วน แต่ที่เหลีอ ใส่สีตีไข่ 80%



โดยคุณหญิง โต้กลับว่า เงินที่ฝ่ายชายโอนให้ตนเอง คือเงินจำนวน 8 หมื่นหยวน หรือ ประมาณ 3.6 แสนบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช่จ่ายเดินเอกสาร ตั๋วเครื่องบิน ค่าเดิยทาง แาะค่บใช้จ่ายต่างๆ ของน้อง 5-6 หมื่นบาท เงินสินสอดคือ 1 แสนบาท แต่น้องขอเบิกไปจ่ายหนี้แล้วประมาณ 1 แสน เหลืออีก 2 แสนคือเงินที่ต้องไปซื้อทองก่อนวันแต่งงาน



ซึ่งส่วนนี้ ตนเองมีแชตข้อความที่คุยกับฝ่ายชายว่ามีการโอนเงินจำนวน 80,000 หยวน



คุณหญิงเล่าว่า ตนเองแนะนำหญิงไทยให้แต่งงานกับชาวจีนมาประมาณ 12 คนแล้วในช่วงระยะเวลา 2 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้านที่รู้จักกัน แล้วเห็นว่าตนเองแต่งงานกับชาวจีนแล้วได้ดี ก็เลยให้แนะนำ ซึ่งเคสของน้องแบ๋ม ตนเองก็แนะนำไปให้กับฝ่ายชายที่รู้จักกัน ยืนยันว่าได้แจ้งมาตลอดว่า ฝ่ายชายทำงานฟาร์มวัว และมีอพาร์ตเม้นต์อยู่ในเมือง ซึ่งฝ่ายหญิงก็ทราบมาโดยตลอดเพราะเคยมีการวิดีโอคอลคุยกับผู้ชายตั้งแต่ก่อนเดินทางไปแล้ว และยืนยันไม่เคยบอกว่าเป็นนักธุรกิจ บอกแค่ว่า เดี๋ยวเคลียร์งานที่ฟาร์มเสร็จ ปีหน้าจะย้ายไปอยู่คอนโด



แต่เมื่อเดินทางไปถึงฝ่ายหญิงกลับเหวี่ยงใส่ฝ่ายชาย ทั้งเรื่องไม่ได้ดื่มน้ำขวด และอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งตนเองก็พยามสอบถามว่าโอเคไหม และเป็นคนกลางช่วยพูดคุยให้ตลอด ซึ่งหากไม่โอเคก็ยังไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสเพราะเดี๋ยวจะวุ่นวายเรื่องเอกสาร แต่ฝ่ายคุณแบ๋มบอกว่า โอเค ครอบครัวเขาดีกับหนู



จากนั้นเลยนั่งรถไปเมืองใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 400 กิโลเมตร เพื่อจดทะเบียน แต่น้องเมารถ เลยวีนฝ่ายชาย ฝ่ายชายถามว่าไม่โอเคที่จะจดทะเบียนหรอ ไม่โอเคให้บอกตน น้องบอกว่า ไม่เป็นไร แค่เมารถ



แต่หลังจากนั้น เมื่อคุณหญิงโอนเงินค่าสินสอดไปให้ครบ น้องบอกว่า บอกว่าจะกลับ อยู่ไม่ได้ ก็เลยถามว่า ทำไมก่อนจะจดทะเบียนอยู่ได้



ตอนที่น้องบอกว่าจะกลับ ตนบอกว่า ถ้าอยู่ไม่ได้ ก็ไปหย่าแล้วค่อยกลับ และขอเวลา 2 วัน ให้แฟนตนกลับมาแล้วจะขึ้นไปคุยให้ ไม่ใช่ไม่ให้กลับ แต่มาตามขั้นตอน เพราะตอลมาแต่งงาน ตอนกลับก็ต้องหย่าตามขั้นตอน หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้ มารู้อีกทีคือน้องหนีไปแล้ว



-ทั้งนี้ ตนเองไม่กังวล ที่ฝ่ายหญิงไปร้องกับทางสายไหมต้องรอด เพราะมีหลักฐานทุกอย่าง และมีพยานด้วย



เมื่อถามว่าแล้วคุณคุณหญิงจะได้อะไรจากการแนะนำให้ไปแต่งงานที่จีน เจ้าตัวอธิบายว่า เป็นธรรมเนียมของบ้านแฟนตน ว่าถ้าแนะนำคู่ให้ จะมีค่าแนะนำให้ 1 หมื่นหยวน หรือประมาณ 4.6 หมื่นบาท



ทั้งนี้ ผู้ชายขอค่าสินสอดคืนและค่าใช้จ่ายคืน 160,000 บาท ส่วนค่าโทรศัพท์ และค่าเสื้อผ้าที่ซื้อให้น้องผู้หญิง ผู้ชายบอกไม่เอา



ตนเองอยากบอกกับน้องว่า เรื่องหย่าไม่ต้องกลัวและไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้กลับมา ให้เพจสายไหมต้องรอด หรือใครพาไปก็ได้ และขอให้เอาโทรศัพท์ของคุณหญิงมาคืนด้วย



ล่าสุดทีมข่าวติดต่อกลับไปที่ แบ๋ม ผู้เสียหาย เธอยืนยันว่า ไม่ใช่ 80,000 หยวน ตามที่อ้าง เพราะ ฝ่ายชาย เป็นคนบอกเธอเอง ว่า 800,000 บาทไทย ส่วนเรื่องการซื้อทอง เธอยืนยันว่า ไม่มีทอง เพราะ ยังไม่ได้จัดงานแต่งงานกันเลย เป็นแค่การไปจดทะเบียนสมรส



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Sgs1sagw8C4

คุณอาจสนใจ

Related News