สังคม

'ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง' ลั่นพร้อมสู้ ปัดเอี่ยวซื้อขายตำแหน่ง หลังสาวอ้างถูกหลอกซื้อวุฒิฯ สูญเงินกว่า 2 แสน

โดย nattachat_c

3 ก.ค. 2567

41 views

สาวสกลนครร้องสื่อถูก ปธ.มูลนิธิดัง หลอกซื้อวุฒิฯ สูญเงินกว่า 2 แสน หลังขอให้ช่วยคดีโดนฮุบสมบัติ และอยากให้คู่กรณีเกิดเกรงกลัว ขณะที่ ‘ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง’ โพสต์แจงยันไม่เป็นความจริง สั่งทีมทนายรวบรวมหลักฐานเอาผิดจนถึงที่สุด


วานนี้ (2 ก.ค. 67) มีกระแสข่าวว่าถูกประธานมูลนิธิดังแห่งหนึ่ง ที่ชอบรับเรื่องร้องทุกข์ช่วยเหลือคนอื่น ไปหลอกผู้เสียหายที่มาร้องเรียนกับประธานมูลนิธิคนดังกล่าว โดยหลอกให้ซี้อวุฒิการศึกษา และแนะนำว่าจะได้ทำงานในรัฐบาล-รัฐสภา สุดท้ายสูญเงินเกือบ 2 แสนบาท ทำให้ผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร


โดย เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายหญิงรายหนึ่ง อายุ 42 ปี ได้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสกลนคร เพื่อแจ้งว่า ตนเองได้ไปร้องทุกข์กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง เพื่อให้ขอช่วยเหลือด้านคดีที่ถูกสามีทำร้ายร่างกาย และฮุบสมบัติ และจึงได้ปรึกษาว่าอยากจะมีตัวตน อยากจะให้เขารู้สึกเกรงขาม จึงปรึกษากับมูลนิธิผู้หญิงรายนี้ โดยยื่นข้อเสนอว่า ให้ตนเองซื้อวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แล้วไปยื่นสมัคร หรือซื้อตำแหน่งที่รัฐสภา ทำให้ตนหลงเชื่อ และทำการโอนเงินไป เมื่อปลายปี 2566 และระบุว่าจะได้วุฒิในเดือนกุมภาพันธ์


แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ เมื่อสอบถามไป เจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงว่าอธิการไม่สามารถทำได้ จนเราได้มาฟังเรื่องราวจากคนในมูลนิธิอีกคนหนึ่ง พบว่าปัญหาเรื่องเงิน การขอเงินต่าง ๆ เลยเอะใจว่าตนเองน่าจะโดนหลอก เพราะเงินที่รับไปเนี่ย 150,000 บาท แต่รับเงินจากตนเองไป 200,000 บาท นั่นหมายถึงว่าเขามีค่าส่วนต่าง ตนเองจึงได้มาแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานไว้ว่า ได้โดนหลอกลวง


ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณลักษณ์ ผู้เสียหาย อายุ 42 ปี ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่จังหวัดสกลนคร เล่าว่า ทุกอย่างเป็นไปตามใบแจ้งความ


คุณลักษณ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเอง ไม่ได้รู้จักกับมูลนิธิหญิงคนนี้มาก่อน แต่มีคนแนะนำให้ไปรู้จัก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เป็นมูลนิธิในปัจจุบัน จึงได้ไปปรึกษาขอความช่วยเหลือด้านคดีความ และมีการพาไปออกรายการทีวี หลังถูกสามีทำร้ายร่างกาย และฮุบสมบัติ


และหลังจากนั้นก็มีการพูดคุยเรื่องซื้อขายวุฒิการศึกษากัน ตอนนั้น ตนรู้เท่าไม่การณ์ แต่ตนไม่ได้มองถึงผลกระทบ ตอนนั้น ตนเองเคว้งคว้างกับปัญหาที่ฟ้องอดีตสามี โดยเค้าบอกว่าถ้าซื้อตรงนี้ จะได้นั่งตรงนั้น


เหตุการณ์ของตนเกิดขึ้นเดือนตุลาคม 66 ทางมูลนิธิหญิงเสนอว่าให้มีซื้อ โดยเค้าจะดำเนินการให้ทั้งหมด เพื่อให้มีคนของมูลนิธิไปนั่งอยู่ในรัฐสภา แต่ตนเองจบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่เค้าต้องการหาใครก็ได้ที่ไว้ใจ ไปนั่งในตำแหน่งนั้น ยืนยันว่า มูลนิธิหญิงคนนี้เป็นคนเสนอเอง


โดยตนเองโอนไป 3 ยอด แบ่งเป็น

วันที่ 25 ธันวาคม 2566 จำนวน 50,000 บาท

วันที่ 26 มกราคม 2567 จำนวน 50,000 บาท

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 99,500 บาท


ซึ่งทั้ง 3 ยอด รวมเป็นเงิน 199,500 บาท โดยเป็นการโอนผ่านไปบุคคลท่านหนึ่ง ที่ได้ยินจากเค้าอ้างว่าเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย แต่ตนก็ไม่ได้สืบอะไรในตอนนั้น เพราะไว้ไจเค้า


นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 66 มีการโอนเงินจำนวน 1,500 บาทเข้าบัญชีของมูลนิธิหญิงคนนี้ ซึ่งอ้างว่าเป็นค่าสมัคร รวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น ประมาณ 201,000 บาท


แต่มาทราบภายหลังว่า ค่าใช้จ่ายจริง ๆ 150,000 บาท ตนมองว่าทำไมต้องรุมตนเอง เลยตัดสินใจของจากกลุ่มดังกล่าว ตอนแรกบอกว่าจะได้วุฒิ แต่ไม่มีหลักฐานบอกว่าปลายปี 66 แต่ต่อมาบอกเป็นกุมภาพันธ์ 67 แต่ก็ไม่ได้ กระทั่งตอนทำบุญบ้านตอน 6 เมษายน 67 ก็มีการถาม ก็บอกว่ามีการเปลี่ยนอธิการบดี และมีการพูดปัดไป ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน ยอมรับตอนนี้เหนื่อยมาก ไม่อยากได้อะไรแล้ว


โดยตนเอง ก็เคยเป็น 1 ในสมาชิกของกลุ่ม (ก่อนที่จะขอเป็นมูลนิธิ) ทำหน้าที่ลงพื้นที่เวลามีเคสต่าง ๆ ไปช่วยเหลือสังคม


ยืนยันว่า ไม่ได้ข้อขัดแย้งอะไรมากมาย แต่มูลนิธิหญิงคนนี้เคยเอ่ยสัจจะกับตนว่า จะร่วมสร้างมูลนิธิด้วยกัน แล้วก็มีการพูดคุยเรื่องพื้นที่ ให้ตนเองดูภาคอีสาน ประธานดูภาคกลาง และมีนายแม่อีกคนเข้ามา ก็ให้ดูแลภาคใต้


ตนเองก็ดูแลทุกอย่าง แต่กลับมาได้ยินว่า เค้าหาว่าตนเองไม่ได้ซัพพอร์ตอะไรเค้าเลย มีน้อยใจเหมือนกัน เบื้องต้นไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อป้องกันตัวเอง ว่าเรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ และก็เลยเอาตัวเองออกมา


ตนเองแจ้งความเพื่อป้องกัน ไม่อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ วงกว้าง ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

--------------

ทั้งนี้ ยังมีภาพแชทที่ผู้เสียหายคุยกับมูลนิธิหญิงคนดังกล่าว

โดยวันที่ 24 พฤศจิกายน มีการพูดคุยกันถึงเรื่องรายละเอียดค่าเรียน ป.ตรี ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ระบุ 199,500 บาท แบ่งชำระได้เป็น 3 งวด พร้อมบอกว่า มันจะจบ ก.พ. ปีหน้าเลยนะ ต้องรีบเอา ทางด้านผู้เสียหายได้มีการขอโอดงวดแรก 50,000 บาท วันที่ 20 ส่วนมูลนิธิหญิง บอกว่าให้ส่งเอกสารมาก่อน


ต่อมา ในวันที่ 22 ธ.ค. 66 ทางมูลนิธิหญิงได้ส่งเลขบัญชีให้ โดยทางผู้เสียหายบอกว่า จะโอนให้ตอนเที่ยงของวันจันทร์


อีกแชทเป็นภาพสลิปการโอนเงิน 50,000 บาท โดยทางมูลนิธิหญิงก็ได้แคปภาพแชทหน้าจอส่งมา ในทำนองว่าได้แจ้งทางบุคคลที่ 3 ให้แล้วว่า มีการโอนเงินแล้ว


ต่อมา วันที่ 26 ม.ค. ผู้เสียหายส่งสลิปโอนเงินเป็นยอด 50,000 บาท จากนั้นในวันที่ 10 ก.พ. ทางมูลนิธิหญิงได้มีการทวงถามเรื่องเงิน ระบุ ทางมหาวิทยาลัยทวงค่าเทอมแล้วนะ เค้าต้องทำเรื่องจบให้แล้ว ไม่อย่างนั้นจะข้ามปีการศึกษา เพราะต้องทำเรื่องก่อนหมดเดือนนี้ 1 อาทิตย์ ผู้เสียหายจึงขอเวลาไม่เกิน 7 วัน พร้อมระบุว่า เดี๋ยวถามเงินกู้ก่อน ไม่แน่ใจว่าจะได้เต็มมั้ย แต่จะพยายาม


ต่อมา วันที่ 20 ก.พ.ทางฝั่งมูลนิธิบอกว่ามหาวิทยาลัยตามยอดก่อน 24 นี้ โดยทางผู้เสียหายตอบว่า “จ้าเพื่อน ไม่วันนี้ ก็พรุ่งนี้เดี๋ยวจัดการโอนให้”


ส่วนอีกแชทเป็นการส่งภาพสลิปโอนเงินจำนวน 99,500 บาท พร้อมระบุว่า เรียบร้อยเพื่อน ส่วนทางด้านมูลนิธิหญิงตอบว่า “เคจ้า เดี๋ยวจัดการให้”


ทั้งนี้ ยังมีแชทเป็นภาพการซื้อตำแหน่งในทำเนียบรัฐบาล โดยมูลนิธิหญิงได้มีการส่งภาพของ นายสมคิด เชื้อคง โดยบอกว่า คนนี้เป็นเลขานายกฯ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ท่านสั่งอะไรมา เราทำได้หมด อาจจะลงพื้นที่บ้างหรือไม่ลงก็ได้อยู่ที่เราว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ เอาเป็นว่ามีตำแหน่งใหญ่ เป็นทีมงานของนายกรัฐมนตรี


ส่วนอีกแชทเป็นภาพบัตรของหญิงรายหนึ่งของทำเนียบรัฐบาล และยังบอกอีกว่า มีบัตรให้ด้วยจากทำเนียบรัฐบาล ใหญ่กว่ากรรมาธิการเยอะ เป็นคณะทำงานรองเลขานายกฐัฐมนตรี 60,000 ผู้เสียหายตอบว่า อยากได้ แต่ติดขัดเรื่องการเงิน

----------------

ขณะเดียวกันทางด้าน นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับทีมข่าว หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่รู้จักบุคคลที่ไปแอบอ้าง ในลักษณะเหมือนกับ เรียกรับเงิน 60,000 บาท และกับการทำบัตรประจำตัวเป็นทีมงานของตนเอง ผ่านเข้าออกทำเนียบรัฐบาล


และยังบอกด้วยว่า เดี๋ยวจะแจ้งคามดำเนินคดี แต่ขอตรวจสอบบุตคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนว่าเป็นใครบ้าง โดยเฉพาะ ทีมงานของตนเอง ที่มีอยู่ 10 คน โดยในวันนี้ (3 ก.ค. 67) ตนเองจะเข้าทำเนียบไปตรวจสอบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่ไปแอบอ้างหรือไม่ พร้อมฝากไปยังพี่น้องประชาชน เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่อง และไม่เป็นความจริง

----------------

ขณะที่ทางด้าน คุณต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ได้ชี้แจงเบื้องต้น ระบุ ตนยังไม่อยากจะพูดเยอะ แต่ทางฝั่งผู้เสียหายอยากทำอะไรก็ทำเลย อยากแจ้งความก็สามารถทำได้เลยตามกระบวนการ ส่วนตนก็จะขอใช้กระบวนการตามกฎหมายดำเนินการเช่นกัน ตนยืนยันว่ามีหลักฐาน


ล่าสุดทางด้านต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า


“จากกรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า มีการซื้อขายตำแหน่งคณะทำงานรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น


ต้นอ้อ ขอชี้แจงยืนยันดังนี้ค่ะว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่มีการโอนเงินซื้อขายตำแหน่งแต่อย่างใด ท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกพาดพิงจนท่านได้รับความเสียหาย ดังนั้นต้นอ้อได้รวบรวมหลักฐานเพื่อส่งมอบให้ทนายความดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไปค่ะ


ดิฉัน ต้องกราบขออภัยไปยังท่านสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองที่ได้รับความเสียหายจากเรื่องนี้ค่ะ”

----------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/XvkubUdjx_k


คุณอาจสนใจ

Related News