เลือกตั้งและการเมือง
'ทนายกฤษฎางค์' ซัดกลับราชทัณฑ์ ถ้าอยู่สบายจะตายแบบนี้หรือ? - 'เศรษฐา' ยันให้ความเป็นธรรม 'บุ้ง'
โดย petchpawee_k
16 พ.ค. 2567
36 views
นายกฯ เสียใจ "บุ้ง ทะลุวัง" เสียชีวิต บอกไม่มีใครอยากให้สูญเสีย สั่งการ "ยธ." นำผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ด้วย ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้าน “ทนายกฤษฎางค์” ซัดกลับ หลัง ราชทัณฑ์ แถลงบุ้งอยู่สุขสบาย-เครื่องมือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้มาตรฐาน ลั่น “ถ้าสุขสบายจริง คนจะตายแบบนี้หรือไม่” วอนนายกฯ หากเสียใจจริง ต้องรับผิดชอบ! และส่งคนกลางมาร่วมตรวจสอบ เพราะคนถูกคุมขังแล้วตาย อยู่ในยุค “เศรษฐา” จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
วานนี้ 15 พ.ค.67 ที่ นิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์ ภายหลังใช้เวลาในการผ่าชันสูตรพลิกศพร่างของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” นักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่มทะลุงวัง เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตนานเกือบ 3 ชั่วโมง
ก่อนที่เวลาประมาณ 12.00 น. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกมาเปิดเผยอีกครั้งว่า หลังจากได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การผ่าชันสูตร ร่วมกับแพทย์แผนกนิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมเกียรติ 3 ท่าน เข้ามาช่วยกันผ่าพิสูจน์ โดยตลอดการผ่าเป็นไปตามหลักทฤษฎีและเปิดเผย ตลอดจนมีการนำเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ไปส่งตรวจที่แล็บแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติการ พร้อมทั้งได้ตรวจอวัยวะอย่างละเอียดด้วยว่า มีการกระทบกระเทือนอะไรหรือไม่
ส่วนสารคัดหลั่งและเลือด จะเอาไปส่งตรวจที่แล็บ โรงพยาบาลรามาธิบดี เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญและมีเครื่องมือทันสมัย โดยคาดว่าผลตรวจคร่าวๆ น่าจะออกวันนี้ (16 พ.ค.67) ส่วนรายละเอียดเรื่องสารพิษหรือว่าเลือดมีสารมีอะไรปะปนอยู่หรือไม่นั้น ต้องรอผลจากโรงพยาบาลรามาธิบดี จึงจะรีบแจ้งทันที
นายกฤษฎางค์ ระบุอีกว่า ตลอดการผ่าศพ เราได้สอบถามแพทย์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องของ “หัวใจล้มเหลว” ซึ่งแพทย์บอกว่าต้องผ่าตัดหัวใจดู แล้วจะนำไปวิเคราะห์อีกครั้งว่าเกิดจากสาเหตุใด
เมื่อถามว่าการผ่าชันสูตรศพครั้งนี้ สามารถเห็นน้ำ นม หรืออาหารในกระเพาะอาหารหรือไม่ นายกฤษฎางค์ บอกว่า ส่วนตัวก็ได้เห็นการผ่ากระเพาะอาหาร ซึ่งจะต้องนำไปวิเคราะห์ต่อ แต่เท่าที่ดูด้วยตาเบื้องต้นไม่พบอะไรเลย โดยในรายละเอียดว่าจะอยู่ในลำไส้ใหญ่หรือลำไส้เล็กหรือไม่ ต้องรอผลที่ชัดเจน ขอให้รอฟังข้อสรุปจากแพทย์อีกครั้ง รวมถึงผลค่าตับกับค่าไตด้วยว่ามีสารพิษหรือไม่
ส่วนสภาพภายนอก พบว่า มีรอยช้ำเล็กน้อย อาจจะเกิดจากการหอบหิ้วหรือถูกอุ้มและซี่โครงบางซี่ ได้รับการกระเทือนจากการทำซีพีอาร์
จากนั้นนักข่าวถามนายกฤษฎางค์ต่อว่าภายหลังกรมราชทัณฑ์ได้ออกมาแถลงว่าหลังจากบุ้งกลับไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็ได้กินอาหาร เช่น ข้าวต้มกับไข่เจียว มาโดยตลอดและอยู่ด้านในแบบสุขสบายนั้น ประเด็นนี้ นายกฤษฎางค์ บอกว่า “ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่สำคัญสำหรับผม เพราะบุ้งจะกินหรือไม่กินหรือจะอยู่แบบสุขสบาย แต่ว่าการเสียชีวิตแบบนี้ มันตายในอ้อมแขนของคุณ ซึ่งถ้าคนสุขสบายดี มันคงไม่ตายหรอก โดยส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนหรือวิญญูชนคงรู้ว่าใครแถลงเท็จและทางกรมราชทัณฑ์เอง ก็แถลงแบบนี้ทุกครั้ง ตั้งแต่คนไม่ป่วย ก็แถลงให้ป่วย จนกระทั่งส่งออกไปรักษาข้างนอกได้ ก็อยากถามทุกคนว่าเชื่อหรือไม่ แต่เป็นผม ถ้ากรมราชทัณฑ์แถลง ผมไม่เคยเชื่อ”
เมื่อถามอีกว่าทางกรมราชทัณฑ์แถลงยืนยันว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีเครื่องไม้เครื่องมือตามมาตรฐานการแพทย์นั้น นายกฤษฎางค์ บอกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ฟังแถลง แต่ถ้าแถลงว่าได้มาตรฐาน ก็ขอเชิญผู้ป่วยทั้งหลายไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็แล้วกัน โดยเฉพาะคนไข้ที่ได้เข้าไปพักโทษแล้วไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ขอให้เขากลับมารักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วย ตัวเองไม่เชื่ออยู่แล้ว เพราะปัญหานี้ทำให้เกิดความข้องใจซึ่งจริงๆ แล้วทางกรมราชทัณฑ์ควรตอบคำถามกับประชาชนดีกว่าตัวเองไม่ไหว เลยต้องส่งกลับมาที่โรงพยาบาลธรรมเฉลิมพระเกียรติ
ส่วนเรื่องเด็กจะกินข้าวหรือไม่กินข้าว มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญตอนนี้คือเด็กตายในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในการดูแลของคุณ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญกว่า มันต้องคุยกัน ถ้าจะออกมาแถลงแบบนี้ โดยเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.67) พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็ได้เข้าไปเยี่ยม น.ส.ทานตะวันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และถึงขั้นจะย้ายบางคนออก จึงอยากให้ลองคิดดูว่าสภาพโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นอย่างไร และวันนี้เองก็มีทนายจากศูนย์ฯ ไปเยี่ยมทานตะวันแล้ว เนื่องจากเป็นพยานปากสำคัญ โดยทางเราอยากให้ทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเก็บข้อมูลหลักฐานว่าบุ้งกินอะไรบ้าง กินเมื่อไหร่ และทำไมต้องส่งมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สาเหตุเป็นเพราะอะไร และมีกล้องวงจรปิดหรือไม่
ทั้งนี้ หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของบุ้งนั้น นายกฤษฎางค์ ตอบว่า “ผมอยากให้นายกฯ ลงมาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจังมากกว่าที่จะพูด อยากให้ลงมาเลย และขอให้ส่งคนกลางมาร่วมดูแลเรื่องนี้ด้วย ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาของกรมราชทัณฑ์อยู่แล้ว อีกทั้งประเทศเรากำลังสมัครเป็นมนตรีสิทธิมนุษยชน ถ้าคนถูกคุมขังแล้วตายแบบนี้ ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ส่วนตัวมองว่าบุ้งเสียชีวิตในการควบคุมของรัฐบาลเศรษฐา ต้องหาคนรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัย ก็ต้องว่ากันไป มันต้องชัดเจน“
โดยเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีละเมิดอำนาจศาลและกระทำผิดมาตรา 112 ว่า จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดการสูญเสีย จึงขอแสดงความเสียใจไปถึงครอบครัวของบุ้ง แต่ตนมั่นใจว่าทางเราให้ความเป็นธรรม และได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรม สืบสวนและสอบสวนในแง่ของรายละเอียดการเสียชีวิต ให้นำผลชันสูตรตามนิติวิทยาศาสตร์ มากพิสูจน์ด้วย โดยทางกรมราชทัณฑ์ ก็จะมีรายการแถลงรายละเอียด อย่างเป็นทางการ ขอให้รอฟังรายละเอียดและขั้นตอนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่ามีเสียงเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเยาวชนที่ยังถูกคุมขังจากคดีทางการเมือง หรือควรได้รับสิทธิ์การประกันตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ยินเสียงเรียกร้องมาแล้ว เชื่อว่าน่าจะนำมาพูดคุยและพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ต้องให้ความเป็นธรรมทุกคน
เมื่อถามว่าเริ่มมีการทวงนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่เคยหาเสียง ว่า จะปล่อยตัวนักโทษคดี 112 ตอนนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆว่า "ยังไม่มีครับ"
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/hL3uUHS8_z8
แท็กที่เกี่ยวข้อง บุ้งทะลุวัง ,บุ้งเสียชีวิต ,เศรษฐาทวีสิน ,ทนายกฤษฎางค์ ,บุ้งเนติพร