อาชญากรรม

หดหู่ เมียเก่าบุกราดน้ำกรด แม่-ลูก 2 เดือน เละทั้งตัว เด็กตาบอด ผัวทิ้งมีเมียใหม่แล้ว

โดย passamon_a

29 เม.ย. 2567

1.2K views

หดหู่ เมียเก่าบุกราดน้ำกรด แม่เอาตัวบังลูก 2 เดือน กลับตามเทซ้ำ เจ็บสาหัส เละทั้งตัว เด็กตาบอด-จมูกหาย ผัวทิ้งมีเมียใหม่แล้ว  


เมื่อวันที่ 28 เม.ย.67 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พา นางเก (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา และลูกวัย 8 เดือน ที่ถูกเมียเก่าของสามีบุกราดน้ำกรด จนทำให้คนแม่หูหลุดและผิวหน้าเหลวผิดรูป แขนใช้ได้ข้างเดียว และลูกน้อยวัย 8 เดือน ตาบอด 2 ข้าง ใบหน้าเละผิดรูป


นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ตนได้รับประสานและเดินทางไปรับนางเกและลูก มาจาก จ.กาญจนบุรี หลังถูก นางซอล อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา ที่เป็นภรรยาเก่าของ นายตี อายุ 28 ปี สัญชาติเมียนมา สามีของนางเก ผู้เสียหาย เอาน้ำกรดราดตามตัว ขณะที่กำลังอาบน้ำให้ลูกน้อยตอนอายุได้ 2 เดือน ซึ่งนางซอลราดน้ำกรดที่ศีรษะ ทำให้น้ำกรดไหลลงมาที่แขนและตามตัว ตอนโดนราดนางเกพยายามนั่งนิ่ง ๆ ไม่ให้ลูกสาววัย 2 เดือน โดนน้ำกรดไปด้วย ทำให้หูข้างขวาขาด ศีรษะละลายจนเห็นกะโหลก และมีแผลตามตัว จากนั้นภรรยาเก่าเห็นลูกของเธออยู่ด้วย ก็เอาน้ำกรดมาราดที่ลูกของเธออีก ทำให้ลูกตาบอดทั้ง 2 ข้าง จมูกหาย ตัวเละทั้งตัว จนต้องเจาะคอเพื่อหายใจ แม้ทั้งคู่จะรอดชีวิต แต่ใช้ชีวิตลำบาก และต้องใช้เงินรักษาตัวจำนวนมาก


หลังจากเกิดเหตุ นายตี สามี พยายามวิ่งไล่ตามผู้ก่อเหตุ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ จากนั้นนางเกก็สลบไปและไปฟื้นที่โรงพยาบาล โดยนายตีมาเยี่ยมเป็นพัก ๆ ก่อนขาดการติดต่อไปเมื่อเดือน พ.ย.66 ซึ่งทราบว่า ตอนนี้สามีมีภรรยาใหม่แล้ว และทิ้งลูกทิ้งเมียให้อยู่กับความทุกข์ทรมาน ก่อนออกจากโรงพยาบาล นางเกได้ทักไปหาสามี ขอความช่วยเหลือเรื่องที่พัก เพื่อจะรักษาตัว แต่สามีตอบกลับมาเพียงว่า "ไม่รู้" แล้วเงียบหายไป เลยตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือกับ กัน จอมพลัง เพราะอยากให้แขนกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม และอยากให้ลูกมองเห็น เดินได้เหมือนเด็กปกติ


นายกัณฐัศว์ กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุ นางเกรู้ว่าฝ่ายชายยังไม่เลิกกับนางซอล ภรรยา แต่มาอ้างว่านางซอลเป็นภรรยาเก่า นางเกจึงตัดสินใจจะย้ายและขนของออกตอน 22.00 น. ของวันนั้น แต่ตอน 18.00 น. ก่อนจะย้ายออก นางซอลมาที่บ้านและมาก่อเหตุ ซึ่ง กัน จอมพลัง ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการชี้เป้าหรือไม่ อีกทั้งภรรยาเก่ายังตามราวีตลอดในช่วงก่อนคลอด ทั้งส่งยาทำแท้งมาให้ โพสต์รูปผู้เสียหายลงในโซเชียลว่า ขายบริการ สนใจให้ติดต่อได้เลย


ส่วนของเรื่องคดี หลังจากทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาลได้ไปแจ้งความเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ฝั่งพม่า หลังจากนั้นก็ได้เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ต้องให้ทางพม่าโอนคดีมาฝั่งไทย และรับปากจะช่วยอย่างเต็มที่


นางเก เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อ 19 ต.ค.66 ขณะนั้นตนกำลังอาบน้ำให้ลูก ปรากฏว่านางซอลทักมาในแชท ว่า "มึงอยู่ไหน ให้ผัวกูรับสายหน่อย" แต่ตนไม่ได้โต้ตอบอะไร นางซอลก็ถามย้ำว่า "อยู่ไหน ให้มาเคลียร์"


จากนั้นนางซอลก็เดินมาจากข้างหลังตนแล้วลงมือก่อเหตุ ตอนนั้นตนเห็นลูกร้องแล้วรู้สึกทรมานมาก เพราะลูกสาวร้องไห้เพราะเจ็บปวดอยู่ตลอด ตนก็ปวดทั้งตัวทรมานมาก แขนข้างซ้ายไม่สามารถเหยียดตรงได้ ลูกสาวตาซ้ายบอดสนิท ตาขวาหมอบอกว่าสามารถผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาได้ แต่ค่าใช้จ่ายหลักแสนบาท และขาลูกสาวก็ไม่สามารถเหยียดตรงได้ ส่งผลให้ลูกสาวไม่สามารถเดินหรือคลานได้ ซึ่งตอนนี้ตนมีเงินติดตัวเพียง 30 บาท มาขอความช่วยเหลือจาก กัน จอมพลัง เพราะเชื่อว่าจะช่วยเหลือได้ โดยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 450,000 บาท แม่ของอดีตสามีเป็นคนดูแลทั้งหมด แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ช่วยเหลือต่อ เนื่องจากมีปัญหาทางการเงิน


นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า ในวันนี้ (29 เม.ย.67) เวลา 10.00 น. จะพาทั้งคู่ไปพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความช่วยเหลือทางคดี และในช่วงบ่าย จะพาทั้งคู่ไปที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เพื่อขอขยายวีซ่าให้ทั้งคู่ได้รักษาตัวต่อในประเทศไทย


นอกจากนี้ มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 18.00 น. สถานที่เกิดเหตุ บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ซ.3 เมืองพญาตองซู ประเทศเมียนมา หลังเกิดเหตุมีคนเรียกรถพยาบาล นำตัวสองแม่ลูกไปรักษาที่ รพ.ในประเทศเมียนมา แล้วส่งต่อไป รพ.สต.บ้านพระเจดีย์สามองค์ และส่งต่อไป รพ.สังขละบุรี แล้วส่งต่อไป รพ.พหลพลพยุหเสนา ก่อนจะส่งแยกกันไปรักษา รพ.นพรัตน์ราชธานี และ รพ.ศิริราช โดยนางเกใช้เวลารักษาตัวเป็นเวลา 3 เดือน, ด.ญ.ก่อหญ้า ใช้เวลารักษาตัว 5 เดือน ต่อมา (9 มี.ค.67) นางเกจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับนางซอล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด


พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้กล่าวหา พยานไว้แล้ว และได้ทำหนังสือเสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ ตช. 0022(กจ).3(14)/716 ลง 12 มี.ค.67 เรื่อง ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร หรือไม่


ต่อมาตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0033.1/245 ลง 5 เม.ย.67 เรื่อง คืนเรื่องการสอบสวนกรณีขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้เกิดขึ้นและสำเร็จลงในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักรไทย โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำส่วนหนึ่งส่วนใดได้กระทำในราชอาณาจักรไทย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/A13pOmzo_08

คุณอาจสนใจ

Related News