'ณัฐชา-อมรัตน์' ฟาดแรงกลับ 'ภูมิธรรม' ตอนเป็นฝ่ายค้านไม่เห็นใจบาง ลืมเหรอที่เคยจิกกัด

ภูมิธรรม ซัด​ฝ่ายค้านตั้งหัวข้อซักฟอก 152 "รัฐบาลเพื่อใคร ประชาชนไม่ได้อะไร" ไม่สร้างสรรค์ บอก​ไม่ใช่การทำการเมืองแบบใหม่ ชี้​คนที่ตอบได้ดีคือประชาชน ลั่นหมดเวลาใช้วาทกรรมเป็นตราปั๊ม​จิกกัด เผยไม่ต้องเตรียมรับมือ เหตุยังไม่ได้ใช้งบ ย้ำอย่ากลัว ทักษิณ ได้รับความนิยมคนศรัทธา    


ด้าน ณัฐชา เย้ยภูมิธรรม งอแง เป็นทารกการเมือง งง สมัยประยุทธ์ ไม่เคยใจบางแบบนี้ ถามลืมแล้วเหรอ เคยจิกกัดเขาไว้ยังไง ทวงสัญญาหาเสียงอะไรไว้ เคยทำบ้างหรือไม่


เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและถามตอบรัฐมนตรีในสภา วันที่ 3-4 เม.ย.นี้ หัวข้อ รัฐบาลเพื่อใคร ประชาชนไม่ได้อะไร ว่า ตนไม่อยากให้ใช้วาทกรรม การทำงานทางการเมืองและการต่อสู้ทางการเมือง ตนว่าต้องเอาความเป็นจริงมาพูดในรายละเอียด รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน ตนมองว่าคนที่ตอบได้คือประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านมาตอบ และประชาชนจะรู้ดีที่สุดว่ารัฐบาลนี้ทำงานเพื่อใคร เรายึดมั่นประชาชน ขอให้ดูจากนโยบายและการกระทำดีกว่า


พร้อมกับมองว่า หมดสมัยแล้วกับการใช้วาทกรรมมาปั๊มตราใคร แล้วให้คนหนึ่งพูด ตนบอกว่าการเมืองสมัยใหม่ที่บอกว่า จะทำการเมืองสมัยใหม่ร่วมกัน ใช้วาทกรรมมาจิกกัด ตนมองว่าไม่สร้างสรรค์ เพราะหากสร้างสรรค์ควรใช้ข้อเสนอแนะว่าที่ไม่รับใช้ประชาชนนั้นตรงไหน หรือหัวใจเพื่อใคร ก่อนกล่าวติดตลกว่าขอให้ตัดหัวใจออกมาดูร่วมกันก็ได้ ว่าหัวใจของใครเพื่อประชาชนมากกว่ากัน พร้อมขอว่าขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่าใช้วาทกรรม เพราะไม่ใช่การเมืองใหม่ ที่หาคำพูดมาคอยจิกกัดกันโดยไม่ดูว่าความเป็นจริงนั้นเป็นอย่างไร


นายภูมิธรรม ยังระบุว่า ตนรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน ที่เห็นว่าน้องหลายคนที่ดูท่าว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ทำงานการเมืองสมัยใหม่ แทนที่จะมาพูดคุย ในเรื่องนโยบาย และความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และมีข้อเสนอแนะ ซึ่งการอภิปรายตามมาตรา 152 เป็นการอภิปรายเพื่อเสนอแนะปัญหา ไม่ใช่การตรวจสอบที่ตั้งใจจะให้รัฐบาลมีปัญหาหรือล้มไป ถ้าหากจะทำ ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจในมาตรา 151


ก่อนย้ำว่า การอภิปรายในครั้งนี้เป็นการอภิปรายตามมาตรา 152 ซึ่งเป็นเรื่องของการเสนอแนะ และความเห็นต่อรัฐบาล หรือหากมีเรื่องไหนที่ไม่สบายใจ หรือไม่แน่ใจ ก็ถามเพื่อให้รัฐบาลตอบ อย่าบิดเบือนประเด็นจากการทำงานเพื่อเป็นข้อแสดงแนะ มาเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล การเลือกตั้ง 4 ปี ยังเหลืออีก 3 ปีครึ่ง ขอให้ไปว่ากันตรงนั้นดีกว่า


ส่วนที่มีการระบุว่า จะมีการนำเรื่องในการอภิปรายไปยื่นต่อองค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. นายภูมิธรรม ระบุว่า มีสิทธิสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีหลักฐานให้ชัดเจน เสนอเพื่อให้เป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งไม่ควรเล่นการเมืองแบบนี้ มีอะไรก็ควรจะเอามาพูดให้ชัดเจน แค่ต้องการวาทกรรม หรือพิธีกรรม แล้วมาดิสเครดิตรัฐบาล ไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลประเทศดีขึ้นเลย พร้อมขออย่าเล่นการเมืองแบบเก่าเลย อย่าจิกกัดกัน เสนอความคิดเห็นที่ดี ๆ ต่อกันดีกว่า


ส่วนได้มีการเกร็งข้อสอบไปแล้วบ้างหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ต้องเกร็ง เนื่องจากเพิ่งเข้ามาทำงาน 6-7 เดือน และสิ่งที่เราใช้แต่งบของข้าราชการ ส่วนงบการลงทุนและการจัดการอย่างไม่มี เพราะฉะนั้นเราทำงานบนฐานที่ใช้การทำงานที่ เป็นการสร้างฐาน เตรียมการดำเนินการ เพราะจะให้คิดเร็วอย่างไรก็ไม่มีงบประมาณทำ งบประมาณเพิ่งจะออกปลายเดือนนี้ ต้นเดือนหน้า

พร้อมกับกล่าวย้ำว่า รัฐบาลไม่ต้องเตรียมการอะไรเนื่องจากมีแต่ข้อเท็จจริง ทุกคนก็เห็น ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น จริง ๆ การทำงานทางการเมืองใหม่ ต้องรอว่าเขาแถลงนโยบายแล้ว เขาทำงานตามนโยบายหรือเปล่า หรือเขามีปัญหาอะไร ที่ผิดเพี้ยนไปจากนโยบาย และมีข้อเสนอแนะ หากไม่ใช่ข้อผิดพลาดโดยปกติ จะเสนอให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจสภาฯก็ตรวจสอบ วันนี้ไม่อยากทะเลาะกันเรื่องวาทกรรม หากกล่าวว่ารัฐบาลเพื่อใคร หัวใจคือประชาชน ก็จะเถียงว่า ฝ่ายค้านทำอะไร ก้าวไกลจะไปทางไหน อะไรในทำนองนี้ก็ได้อยู่ ซึ่งก็ไม่ควรอย่าไปทำอย่างนี้เลย


ส่วนมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร หากมีการหยิบยกในประเด็นนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาอภิปราย นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่มีการเตรียม ต้องเอาตามความเป็นจริง ซึ่งนายทักษิณ อยู่นอกสภาฯ ไม่ได้เป็นอะไร ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีอะไร ขออย่าเข้าใจผิด อย่าคิดแต่ว่ากลัวว่านายทักษิณ กลับมาแล้วจะมีความนิยมจากประชาชนที่ศรัทธา แล้วจะมีผลต่อพรรคเพื่อไทย อย่าคิดแต่เอาชนะทางการเมืองเพราะนี่ไม่ใช่การเมืองใหม่


ด้าน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่เตือนให้พรรคก้าวไกลเลิกใช้วาทกรรมปั๊มตราใคร โดยระบุว่า คนบางคน แค่เจอประโยค "รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน" ก็ใจบางบอบ บ่นเสียใจรุ่นน้องใช้วาทกรรมทำงาน ที่พูดแบบนี้ใจคอจะไม่รอฟังอภิปรายกันก่อนหรือ งอแง ตีตนไปก่อนไข้ ประหนึ่งเป็นทารกการเมือง เพิ่งเข้าวงการไม่กี่ปี บอบบางเสียจริง


สมัยก่อนเคยเป็นฝ่ายค้านด้วยกันมา 4 ปี จำได้ว่าไม่เห็นใจบางแบบนี้ การอภิปรายรัฐบาลประยุทธ์ ตามมาตรา 152 ก็ใช่ว่าไม่เคยมี ลืมแล้วหรือว่าจิกกัดตราหน้าเขาไว้อย่างไร ตระบัดสัตย์พลิกลิ้น หัวใจยังเป็นประชาชนอยู่ไหม


จนกระทั่งมาตระบัดสัตย์ข้ามขั้วไปเพราะอะไรย่อมรู้ดีแก่ใจ เหตุไฉนพี่ท่าน จึงพูดเสมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกเยี่ยงนี้ ว่าแต่จะถามกันหน่อยไหม ทางนี้ผิดหวังกับรุ่นพี่แค่ไหน ที่พลิกลิ้น กลับกลอกเพียงเพื่อหวัง มีอำนาจ และประคองอำนาจสูงสุด ที่ไม่เคยคิดว่าเป็นของประชาชน


แต่เอาเถอะ หากจะคิด จะพูดอะไรถ้าไม่นึกถึงตอนเป็นฝ่ายค้านด้วยกันบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่เป็นรัฐบาลแล้วสัญญาหาเสียงอะไรไว้ ทำได้บ้างหรือเปล่า ที่สำคัญคือ ถึงตอนนี้สบตาประชาชนแล้ว หัวใจยังเป็นประชาชนจริงไหม ไปรอตอบพวกเราให้ได้ในสภาก็แล้วกัน  

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/avhYX02wCF0