สังคม
ตร.ผนึกกำลัง จับแก๊งคอลฯ เกือบ 100 ราย หลอกรีวิว-ส่งลิงก์ดูดเงิน เร่งแกะรอยขยายผล
โดย panwilai_c
29 มี.ค. 2567
45 views
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ และอีกหลายหน่วยงาน รวมเกือบ 200 นาย ทลายแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซนเตอร์ ทั้งคนไทยและจีนรวมกว่า 70 คน ตั้งฐานหลอกลวงทางออนไลน์ ต่อเหยื่อชาวจีน รัสเซีย และญี่ปุ่น
โดยเจ้าหน้าที่สืบพบว่า คนกลุ่มนี้เลือกไปตั้งฐานหลอกลวง ที่อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยตั้งเป้าว่าการไม่ใช่เมืองใหญ่อย่างชลบุรี หรือเชียงใหม่ จะทำให้รอดพ้นจากการตรวจค้นจับกุม แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนทางลับว่า ที่นี่มีการสื่อสารโทรศัพท์หนาแน่นผิดปกติ สอดคล้องกับที่ยึดโทรศัพท์พร้อมซิมการ์ด มากกว่า 1 พัน เครื่อง
คาดว่าเป็นครั้งแรก ที่มีการแกะรอยเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แล้วใช้กำลังเจ้าหน้าที่ร่วมกันมากกว่า 200 นาย จากหลายหน่วยงาน ทั้งตำรวจไซเบอร์ /ดีเอสไอ/ตำรวภูธรภาค 8 ตำรวจท้องที่ รวมถึงเจ้าหน้าที่ กสทช. หลังแกะรอยพบว่าอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวใหญ่หากเทียบกับหาดใหญ่ เชียงใหม่ หรือ ชลบุรี แต่กลับการสื่อสารกระจุกตัวอยู่ที่นี่ และสอดคล้องกับเบาะแสทางลับว่า มีโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่งในอำเภอฉวาง ที่ประสบปัญหาช่วงโควิด เป็นต้นมา แต่ช่วงนี้กลับมีคนจีนเข้าออกหนาแน่น โดยมีคนไทยส่วนหนึ่งคอยช่วยเหลือ
เมื่อข้อมูลชัดเจนเจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้น ไปค้นเป้าหมาย 3 จุด จุดแรกเป็นห้องแถว 5 คูหาที่ปรับปรุงมาเป็นโรงแรมแต่ก็เลิกกิจการไป ที่นี่ถูกดัดแปลงเป็นห้องทำงาน มีโต๊ะเก้าอี้ คอมพิวเตอร์ และโพยกระดาษจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นภาษาจีน คนทำงานส่วนใหญ่ในห้องนี้ ก็เป็นชาวจีน
กำลังชุดที่ 2 เข้าไปตรวจค้นเป็นสำนักงาน หรือออฟฟิต ที่มีคนจนจีนทำงานอยู่จำวนมากเช่นกัน มีโทรศัพท์มือถือวางเกลื่อนห้องทำงาน ขณะที่หน้าจอมคอมฯบางสว่นเปิดค้างเพราะปิดไม่ทันทำให้เห็นตัวอย่างบทสนทนา
จุดที่ 3 เป็นบ้านพัก ที่คนเหล่านี้พักอาศัยดัดแปลงเป็นที่ทำงาน ลักษณะเป็นคอลเซนเตอร์ รวมถึงรับสั่ง และสิ่งสินค้าออนไลน์
และจุดที่ 4 เป็นการขยายผลเพิ่มเพิ่มจาก 3 จุดแรก พบว่าเป็นโกดัง มีสินค้าบางส่วนที่เตรียมไว้ส่งให้ลูกค้าจริง แต่พบว่าเป็นหน้าฉากเท่านั้น แท้จริงเอาไว้ต่อยอดหลอกลวง
ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเปิดเผยว่านี่คือกลุ่มแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ทำหน้าที่ส่งลิงก์ SMS ปลอม ไปหาเหยื่อตามเพจ หรือหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว เพื่อหลอกลวงเหยื่อกดลิงก์จากนั้นจะส่งต่อไปให้แก๊งเดียวกันแต่คนละพื้นที่ เพื่อหลอกลวงต่อ ที่ผ่านมาเหยื่อมักเป็นชาวจีน รันเซีย และญี่ปุ่น โดยการหลอกเหยื่อเน้นการสื่อสารผ่านข้อความ แต่ใช้โปรแกรมแปลภาษา
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหนังสือเดินทางของหลายคนพบว่า ชาวจีนส่วนใหญ่เคยเดินทางเข้าออกระหว่างไทยกับกัมพูชา และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ชาวจีนบางคนอยู่ในในประทเศไทย เกินกว่ากำหนดก่อนที่จะเปิดฟรีวีซ่า บางคนมีวีซ่าเป็นนักศึกษา เรียนที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งเป็นที่ผิดปกติอย่างมาก และบางคน ก็มีรายชื่ออยู่ในฐานบุคคลที่ญาติในประเทศจีนตามหา
วันนี้เจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ ไซเบอร์ ดีเอสไอ รวมถึง กสทช.แถลงข่าวด่วนถึงการทลายเครือข่ายนี้ พร้อมกับยืดของกลางได้จำนวนมาก เช่นคอมพิวเตอร์ 223 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 1001 เครื่อง ไอแพด 14 เครื่อง ซิมการ์ด 298 ซิม สมุดบัญชีธนาคาร 86 เล่ม และสินค้าหนีภาษีอีกจำนวนมาก
พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ ระบุว่าดีเอไอกำลังแกะรอยเพิ่มเติมว่าเครือข่ายนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มใดบ้าง เพราะเห็นชัดเจนว่ามีการส่งต่อข้อมูลไปให้เครือข่ายอื่นที่หลอกลวงด้วยวิธีแตกต่างกันไป
ขณะที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุว่าจะสืบสวนที่มาของคนกลุ่มนี้ให้ชัดเจน ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ากรณีนี้มีนักการเมืองหญิงท้องถิ่นคนหนึ่งเกี่ยวข้องในการเอื้ออำนวยความสะดวกสถานที่และดูแล อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้น้อยมาก ที่กรณีนี้จะไม่เชื่อมโยงไปถึงเจ้าหน้าทีรัฐคนอื่นที่สูงกว่านี้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าการสอบสวนขยายผลจะมุ่งไปถึงคนเหล่านั้นหรือไม่