สังคม

ยังไม่จบตำรวจตัดตำรวจ! 'ทนายบิ๊กโจ๊ก' ยื่นฟ้องเอาผิดชุดทำคดีเว็บพนัน 'ทนายตั้ม' จ่อแฉขบวนการส่วย

โดย passamon_a

26 มี.ค. 2567

42 views

ทนายบิ๊กโจ๊ก เดินเกม ร้องยุติทำสำนวน คู่ขนานยื่นศาลฟ้องพนักงานชุดทำเว็บพนัน - งานเข้าบิ๊กโจ๊กอีก โดนแจ้งความฐานปลอมลายเซ็น พิธีซ้อมรับเข็ม วปอ. - ทนายตั้ม นัดแถลง เปิดโปงขบวนการส่วยตัวท็อปแบบม้วนเดียวจบ


เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายื่นเอกสารร้องขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกคำสั่งยุติการสอบสสนคดีเว็ปพนัน BNK Master ที่เอี่ยวบิ๊กโจ๊ก และขอให้ทาง ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพียงองค์กรเดียว


โดย นายณัฐวิชช์ บอกว่า สาเหตุที่ตนมายื่นหนังสือขอให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกคำสั่งยุติการสอบสวน เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา จึงอยากขอให้มีคำสั่งยุติ เพราะก่อนหน้านี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาบอกเองว่า จะให้การสอบสวนทั้งหมดเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ฉะนั้นพนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจดังกล่าวแล้ว


พร้อมมองว่า หลังจากที่ ผบ.ตร.ออกมาพูดแล้วว่าให้ ป.ป.ช.ทำ แต่กลับยังมีการให้ข่าวว่ามีการออกหมายเรียกอีก เพื่อจะดำเนินการออกหมายจับ ตนเองมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะทางบิ๊กโจ๊กและทางทนายความมีความเห็นตรงกันว่า ยังไม่เคยรับหรือเห็นหมายเรียกเลยสักครั้ง เพราะครั้งแรกที่มีข่าวออกมา ทางบิ๊กโจ๊ก ติดราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนครั้งที่สองที่ออกข่าวว่าส่งไปที่ทำงานตรงสำนักปลัดนั้น ทางบิ๊กโจ๊กเองก็ลาราชการ ซึ่งการลาราชการนั้นก็ดำเนินการตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมก่อนที่จะมีคำสั่งย้ายของนายกรัฐมนตรี แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมยังมีการปล่อยข่าวว่าเป็นการหลบหนีอีก


นายณัฐวิชช์ ยังได้ตั้งขอสังเกตอีกว่า การที่มีข่าวเรื่องหมายเรียก หมายจับ นั้น ระยะเวลาของแต่ละหมายนั้นกระชั้นชิดเกินไป ตนเองเป็นทนายความมา 30 ปี การออกหมายจะเว้นระยะประมาณ 15 วันของแต่ละหมาย จึงมองว่าเป็นการเร่งรัดแบบผิดปกติ


และเมื่อถามว่าหากท้ายที่สุดแล้วมีการออกหมายจับบิ๊กโจ๊กขึ้นมาจริง ทางทนายความจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายณัฐวิชช์ ก็บอกว่า จะปกป้องสิทธิอย่างเต็มที่ ส่วนเมื่อถามว่า ทางบิ๊กโจ๊กบอก เซ็ทซีโร่ทุกอย่างแล้วจะไม่ฟ้องและจะถอนฟ้องทั้งหมด แต่ทามทีมทนายความกลับจะไปฟ้องชุดพนักงานสอบสวนที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ทนายความก็บอกว่า หลังการแถลงข่าววันนั้น ก็ยังมีการออกข่าวเรื่องหมายเรียกหมายจับ ถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์ จึงออกมาปกป้องสิทธิ์ของบิ๊กโจ๊ก และเมื่อถามว่าหาก สุดท้ายไม่มีการออกหมายจับจะถอนฟ้องหรือไม่ทนายทนายความตอบว่าไม่สามารถระบุได้


ขณะที่ทางด้าน นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมายื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้ง และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีเว็บพนัน BNK Master ของ สน.เตาปูน รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง


โดย ทนายวราชันย์ ระบุว่า ทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยืนยันด้วยการแถลงข่าวไปแล้วว่า การดำเนินของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุด สน.เตาปูน ไม่มีอำนาจในการดำเนินการสืบสวนสอบสวน และหลังการแถลงข่าวก็ทราบว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวว่าคดีที่อยู่ในกลุ่มเว็บพนันที่กล่าวหาเกี่ยวพันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานในการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.จะรวบรวมสำนวนส่งไปยัง ป.ป.ช.


แต่ภายหลังการให้ข่าวของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ก็ยังดำเนินการออกหมาย และเท่าที่ทราบที่เป็นข่าวมีการออกหมาย แต่ไม่ได้มีการรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่ง ป.ป.ช. ทางทีมทนายความจึงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทบสิทธิกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะทีมทนายความเคยแถลงไว้แล้วว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่มีอำนาจ ทีมทนายความจึงมาฟ้องร้อง กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดนี้ทั้งหมดกว่า 30 ในความผิด ม.157


ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนยืนยันว่าเป็นคนละสำนวนคดีกันนั้น ทนายวราชันย์ ระบุว่า เข้าใจว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคณะนี้ได้ดำเนินการโดยหยิบยกเอาแค่ประเด็นบางส่วนในคดีที่เกี่ยวพันกับคดีมินนี่ ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งของ บช.น.ชุดนี้ ก็ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริงอย่างดีอยู่แล้วว่ารายละเอียดของคดีมินนี่มีรายละเอียดอย่างไร เพราะส่วนใหญ่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดนี้ ก็เป็นชุดเดียวกับที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีมินนี่เกือบทั้งหมด


ส่วนการยื่นฟ้องร้องในวันนี้จะมีผลทันอย่างไรหรือไม่กับการจะครบกำหนดออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในวันที่ 26 มี.ค. ทนายวราชันย์ ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้กังวล เพราะต้องเป็นไปตามกฎหมาย และพนักงานสอบสวนทราบเป็นอย่างดีว่าการออกหมาย ที่จะเป็นเหตุให้สามารถออกหมายจับได้ ต้องเป็นการออกหมายและมีการส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่พนักงานสอบสวนทราบเป็นอย่างดีว่ายังไม่มีการส่งหมายได้ และยังไม่มีการนับ 1 ตาม ป.วิอาญา ดั้งนั้นที่ปล่อยข่าวออกมาว่าส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้ว และจะครบกำหนดในวันนี้ (26 มี.ค.) ถ้าไม่มาตามหมายเรียกแล้วจะออกหมายจับนั้น ทีมทนายความ ขอยืนยันว่า ส่วนนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายอย่างแน่นอน


นักข่าวถามว่า ในวันนี้ (26 มี.ค.) จะส่งทีมทนายความไปที่ บก.น.2 เมื่อครบกำหนดหมายเรียกครั้งที่ 2 หรือไม่นั้น ทนายวราชันย์ ระบุว่า “อย่างที่ยืนยันไปว่า การออกหมายเรียกหรือมีข่าวการออกหมายต่างๆ มานั้น แต่ทางทนายความยังไม่ทราบว่าเป็นหมายอะไร ส่วนนี้กระบวนการส่งก็ยังไม่ถูกต้องครบถ้วนตาม ป.วิอาญา ก็เท่ากับยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่งตามกฎหมาย”


ส่วนกรณีถ้านำไปสู่การขอหมายจับจริง ๆ จะมีการรับมืออย่างไรบ้างนั้น ทนายวราชันย์ มองว่า ยังไงอำนาจการพิจารณาออกหมายจับคือศาล ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาดูก่อนว่า ถ้าจะมีการอ้างว่าการออกหมายเรียก 2 ครั้งแล้วไม่มา แล้วการส่งหมายชอบหรือไม่ ส่งได้หรือไม่ตาม ป.วิอาญา ม.55 ซึ่งหากเป็นการส่งหมายโดยไม่ชอบ เชื่อว่ายังไงศาลก็ไม่พิจารณาออกหมายจับอย่างแน่นอน และการออกหมายใด ๆ ก็แล้วแต่ เป็นการออกโดยไม่ชอบ แล้วยังไปฝืนขอออกหมายจับ ส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวนก็อาจจะตกที่นั่งลำบากได้


ทนายวราชันย์ ยังระบุอีกว่า กรณีที่ ตำรวจสืบสวนจังหวัดสงขลาไปแจ้งความ ร้องทุกข์กับสน.เตาปูน ม.157 และ ม.149 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงาน และหลังมีการแจ้งความวันที่ 23 มี.ค. พ.ต.ท.คริษฐ์ ทราบก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวน เพื่อจะไปยืนยันว่ายังมีตัวตน เพื่อให้พนักงานสอบสวนรับตัวไว้ แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นก็ต้องพิจารณาด้วยว่า หากผู้ต้องหามาปรากฎตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น จะเป็นการเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่


ดังนั้นทีมทนายความจึงขอตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุผลใดที่พนักงานสอบสวนไม่ควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ อาจจะเป็นเพราะหากรับตัวไว้สำนวนจะเข้าสู่การต้องส่งไป ป.ป.ช.ทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งทีมทนายความจะต้องขอดูข้อมูลอีกครั้งเพื่อพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หากกระทบสิทธิของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และมองว่า การจะส่งสำนวนไป ป.ป.ช.


ทนายความบอกว่า กฎหมายได้ระบุไว้ว่า ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเท่าที่จะทำได้และส่งให้ ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ร้องทุกข์กล่าวโทษ


ขณะที่ ที่ สน.สุทธิสาร พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พิทักษ์ แก้วคำหาร สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.อ.พัลลภ (สงวนนามสกุล) รอง ผบก.สส.บช.ภ.2


กรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้ไหว้วานให้ พ.ต.อ.พัลลภ ปลอมลายมือชื่อตนเองในวันซ้อมย่อยพิธีพระราชทานปริญญาบัตร และเข็มพระราชทาน วปอ. รุ่นที่ 65


โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการนำไปใช้ และแจ้งต่อเจ้าพนักงานของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) อันเป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 137, 264, 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 ฯลฯ


ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ภาพธนบัตรใบละ 1 พันบาทปึกใหญ่ พร้อมข้อความว่า “ผมได้รับข้อมูลมาชุดนึง ที่เรียกว่าเร้าใจมาก ๆ ถ้าเปิดไปครอบครัวเดือดร้อนแน่ ๆ แต่ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผย จะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองที่สุด และมีตำรวจอีกหลายนาย โดยเฉพาะตัวเป้ง ๆ ระดับนายพลจะได้รับผลกระทบแบบสะเทือนถึงดวงดาว คำถามคือ ทุกคนคิดว่าผมควรแลกไหมครับ หรืออยู่เงียบๆดีกว่า ขอประเดิมด้วยภาพเงิน ส่วยใคร จ่ายให้ใคร อยากรู้กันไหมครับ?”


มีชาวเน็ตไปคอมเมนต์ว่า “เมื่อก่อนทนายตั้มไม่เคยกลัวนะใหญ่แค่ไหนเรื่องเปิดใครไม่กล้าตั้มกล้า แต่ตอนนี้ทำไมกลัวครับ เปิดเลยประชาชนรอเอาใจช่วยอยู่”


ทนายตั้ม ตอบว่า “คราวนี้บอกเลยครับว่าหวั่นใจ เกี่ยวข้องกับหลายกองบัญชาการ เกี่ยวข้องกับคนใหญ่มากครับ”


ทั้งนี้ ทนายตั้ม ได้โพสต์ความเห็นต่อในโพสต์นี้ว่า “เมื่อคืนได้คุยกับลูกเมียแล้ว ทุกคนเห็นสมควรให้เปิดเพื่อให้สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขอเวลาพาลูกเมียไปอยู่ที่ปลอดภัยก่อน ภายในอาทิตย์นี้พบกัน แล้วประชาชนทุกคนจะได้เห็นความโสมมของตำรวจไทยพร้อมกันทั้งประเทศครับ”


จากนั้น ทนายตั้ม โพสต์ข้อความอีกว่า “พรุ่งนี้ 11.00 น. ขอเชิญพี่ๆนักข่าวที่ Sittra Law Firm นะครับ ไปต่อให้สุด กับการเปิดโปงขบวนการส่วยตัวท็อปแบบม้วนเดียวจบ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม? มารอดูกัน ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อชาติ!!”


พร้อมภาพประกอบที่ มีภาพตำรวจ 3 นาย คือ ดาบยาว (หน้าเสื่อรองฟาง) ด.ต.อภิชาต สุวรรณเพ็ชร กก.1 สอท.2 -> รองฟาง (คนสนิทบิ๊กต่อ) พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง กก.1 สอท.2 - > บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.


และคอมเมนต์เพิ่มว่า “ก่อนถึงวันแถลงข่าว ผู้ใหญ่คนไหนโทรมากดดัน หรือขอร้องอะไรผม ชื่อของท่านจะปรากฎในการแถลงข่าวพรุ่งนี้ด้วย ฉะนั้นอยู่นิ่ง ๆ กันไว้อย่ามายุ่งกับเรื่องนี้”


และ “สำหรับคนที่บอกว่าผมดีแต่เปิด ท้ายสุดไม่มีไร คุณจำคดีเหล่านี้ได้ไหม / คดีผู้กำกับโจ้ ท้ายสุดติดคุกตลอดชีวิต / คดีไบโอแมทริก ท้ายสุดโดนปปช.แจ้งข้อหายันอดีตผบ.ตร / คดีปริญ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ติดคุกอ่วม / คดีครูปรีชาศาลก็พิพากษาจำคุกไปแล้ว / ผมคนจริงครับ ไม่เคยขู่ตบทรัพย์ใคร”


ขณะที่เพจ พระจันทร์ ลายกระต่าย V3 เม้นท์ถามทนายตั้มว่า “ไพ่ใบสุดท้ายมั้ยครับ” เจ้าตัวมาตอบว่า “สำหรับผมนี่แค่ใบแรก ติดตามเพจพี่อยู่นะครับ”


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/wmGFlvlDCLw

คุณอาจสนใจ

Related News