สังคม

"บิ๊กโจ๊ก" มอบทีมทนายฟ้องหมิ่นประมาท "บิ๊กเต่า" เตรียมแถลงเปิดเส้นเงิน

โดย gamonthip_s

13 มี.ค. 2567

392 views

เมื่อเวลา 14.15 ที่ผ่านมา นายณัฐกร โตสกุล ทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายังศาลอาญากรุงเทพใต้



โดยทนายความเปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 2 กรรม จากการที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 21 และ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา



โดยในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เป็นการสัมภาษณ์ที่ ป.ป.ช. และเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เป็นการสัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ซึ่งการสัมภาษณ์ทั้ง 2 ครั้งนั้น เป็นการนำข้อมูลในสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน มาเปิดเผย ซึ่งเป็นข้อความที่ไม่ควรเอามาพูดเพราะเป็นถ้อยคำในสำนวนคดี อีกทั้งมีลักษณะของความเกินเลย ทำให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับความเสียหาย ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน ไม่ใช่การฟ้องแก้เกี้ยว



อย่างไรก็ตาม ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้คอยตรวจสอบแล้วว่า หากมีใครให้ข่าวว่าร้ายจนทำให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับความเสียหายก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีการฟ้องใครเพิ่ม



ส่วนกรณีที่เมื่อวานนี้ มีการยื่นขอออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ศาลอาญา ทนายความระบุว่าเป็นการได้รับการยืนยันข้อมูลมาเช่นนั้นว่าศาลไม่อนุมัติออกหมายจับ เท่าที่ตนทราบเป็นการขอออกหมายจับข้อหาฟอกเงิน แต่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการคัดสำเนาคำสั่งศาล ส่วนข้อมูลดังกล่าวได้จากบุคคลใดนั้น ขอไม่ตอบเรื่องนี้



ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวมองว่า การออกหมายเรียกนั้น หากศาลไม่อนุมัติออกหมายจับ ก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะออกหมายเรียก ซึ่งถ้าหากว่าตำรวจคิดว่ามีอำนาจออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถทำได้ แต่ตนมองว่า ตอนนี้ตำรวจไม่มีอำนาจในการออกหมายเรียกคดีนี้แล้ว หากยังมีการออกหมายเรียกโดยตำรวจ ก็จะโต้แย้งกลับไปว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. แล้ว อำนาจหน้าที่ใครก็เป็นอำนาจหน้าที่ของคนนั้น ซึ่งถือว่าเป็นไปตามข้อกฎหมาย มองว่าหากมีการออกหมายเรียกโดยตำรวจ ก็ถือว่าเป็นหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย



หากในกรณีที่มีการออกหมายเรียกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จริงโดยตำรวจจริง ทางทีมทนายยังไม่ได้ให้ข้อแนะนำใด ๆ แต่มีความเห็นทางกฎหมายว่า หมายเรียกดังกล่าวไม่น่าจะถูกต้อง แต่ในทางปฏิบัติควรจะต้องไปตามหมายเรียกหรือไม่ ทนายความระบุแค่ว่าเรื่องนี้ค่อยว่ากัน



ทนายความกล่าวอีกว่า ในส่วนคดีของท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ก็เป็นคดีเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน ซึ่งมีเนื้อหาเดียวกันกับที่แถลงข่าวไปเมื่อวานนี้โดยทีมทนายความ เพราะมีเส้นทางการเงินเส้นทางเดียว ซึ่งทางผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทำไมถึงมั่นใจว่าในคดีนี้มีเส้นทางการเงินเพียงเส้นเดียว ทนายความเผยว่า เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และทีมงานก็มีพยานหลักฐานของตนเองพร้อม เพราะ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคนดูแลเรื่องการเงินให้และได้บันทึกเอกสารข้อเท็จจริงทุกอย่างเกี่ยวกับการเงินไว้เป็นหลักฐาน จึงทำให้เรามีเอกสารหลักฐานเงินเข้าเงินออกครบถ้วน เมื่อมีข้อมูลของเราเอง จึงกล้ายืนยันว่า มีเส้นทางการเงินเพียงเส้นเดียวเท่านั้น แต่เรื่องนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทราบรายละเอียดมากกว่าตน เพราะตนยังตรวจสอบข้อมูลไม่ครบถ้วน



ทั้งนี้ เส้นทางการเงินดังกล่าวมาเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ยังถูกแตกออกมาอีกหลายกลุ่ม ซึ่งตนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทางพนักงานสอบสวนจะมุ่งสอบสวนเพียงแค่เส้นทางการเงินที่มี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกี่ยวพันสายเดียวหรือไม่ ทั้งที่ความจริงยังมีสายอื่นที่เกี่ยวข้องที่เงินไปถึง แต่ไม่ทราบว่าทางพนักงานสอบสวนได้สอบสวนเรื่องนี้หรือเปล่า



ส่วนที่ทาง ป.ป.ช. ได้ลงมติเรียกนำสำนวนทั้ง 2 คดีที่เกี่ยวเนื่องกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาอยู่ในอำนาจการไต่สวนของป.ป.ช ทั้งที่พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้วนั้น ทนายความระบุว่าเนื่องจากทั้ง 2 คดีนั้น ยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ และ เท่าที่ตนทราบเข้าใจว่า พนักงานอัยการได้ส่งสำนวนกลับคืนมายังพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม



ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามว่า จากความพยายามที่ตำรวจพยายามดึงคดีกลับมาอยู่ในมือของตน รวมทั้งพยายามที่จะออกหมายจับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อย่างไร ทนายความระบุว่า เนื่องจากเป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงกังวลเรื่องจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หากตำรวจสอบสวนคดีนี้ แต่ ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระและมีกระบวนการทางกฎหมายในการไต่สวนและแสวงข้อเท็จจริงที่จะสามารถให้ความเป็นธรรมได้ดีกว่า



ทนายความระบุเพิ่มเติมว่าเร็ว ๆ นี้ จะมีการแถลงข่าวโดยทีมทนายความ เพื่อชี้แจงเรื่องเส้นทางการเงินในคดีนี้ทั้งหมด โดยจะอธิบายรายละเอียดของเส้นทางการเงินในทุกประเด็น ทุกเรื่อง ทุกค่าใช้จ่าย แต่เปรยไว้ว่าที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีไม่เยอะเท่ากับเส้นเงินที่ไปยังกลุ่มอื่น และอาจจะสะเทือนกับข้าราชการหลายส่วน ซึ่งตนมองว่าเส้นเงินที่ไปทางอื่น ควรจะต้องถูกสอบมากกว่าและมองว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนควรจะต้องทราบ เพราะไม่เช่นนั้น จะไม่เป็นธรรมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เสียเอง เพราะหากมองว่าเส้นทางการเงินที่มาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เส้นทางการเงินที่ไปถึงคนอื่นก็ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน



ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามขยายเพิ่มเติมว่า เส้นทางการเงินที่สะเทือนหลายภาคส่วน จะถึงขนาดตามที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เคยพูดไว้ว่า "หากแฉเมื่อไหร่ก็ตายหมู่ทันที" หรือไม่ ทนายความบอกว่า "ประมาณนั้นครับ"

คุณอาจสนใจ

Related News