เลือกตั้งและการเมือง

มติเอกฉันท์! 9:0 ยกฟ้องจำเลยทุกคน ถอนหมายจับ "ยิ่งลักษณ์" คดีโรดโชว์ 240 ล้าน

โดย paweena_c

4 มี.ค. 2567

214 views

มติเอกฉันท์ 9:0 ยกฟ้องยิ่งลักษณ์และพวก รวมถึงถอนหมายจับยิ่งลักษณ์ คดีโรดโชว์ 240 ล้าน ด้านนักวิชาการเผยปีนี้เป็นปีมหามงคล ยิ่งลักษณ์จะใช้โมเดลพี่ชายกลับไทย ขอให้ FC เตรียมเฮ นับหนึ่งรอพบยิ่งลักษณ์ตัวจริง

ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งนัดฟัง คำสั่งทางคดีว่าจะพิพากษา กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ นายระวิ โหลทอง กรรมการบริษัท สยามสปอร์ตฯ ในข้อหา ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาจัดจ้าง โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัท มติชนฯ และบริษัท สยามสปอร์ตฯ จัดทำโครงการดังกล่าว โดยมีมูลค่าโครงการ ประมาณ 240 ล้าน

โดยศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 2 ชั่วโมง โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 ยกฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ และพวกรวม 6 คน รวมถึง ในท้ายคำพิพากษามีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์อีกด้วย

นายนิวัฒน์ธำรง ได้ออกหมายสัมภาษณ์ภายหลังรับฟังคำพิพากษา ระบุว่า คดีดังกล้าวเข้าสู่กระบวนการไต่สวนเริ่มมาตั้งแต่ปี 2562 และเข้าสู่กระบวนกระบวนการศาลฎีกาตั้งแต่ปี 2565 สำหรับผู้ถูกฟ้องมันได้รับความทรมาน แต่วันนี้ดีใจที่ศาลท่านมีความเมตตาเพราะได้ดูรายละเอียดทั้งหมดจากคำให้การทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยจึงส่งผลในการตัดสินวันนี้

ส่วนเมื่อถามว่าคดีนี้มีการเพิกถอนหมายจับอดีตนายกรัฐมนตรี ตนเพิ่งได้รับทราบก็ยังไม่ได้สื่อสารไปยังนางสาวยิ่งลักษณ์และมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนางสาวยิ่งลักษณ์มีส่วนร่วมเพียงน้อยนิดเพราะเป็นเรื่องของหน่วยงาน ในการจัดกิจกรรม เมื่อถามว่าถือเป็นการล้างมลทินหรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง บอกว่าไม่ได้เรียกว่าเป็นการล้างมลทิน แต่เป็นเรื่องของการที่ได้ปฏิบัติงานอย่างสุจริตเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่เมื่อมีคนไปฟ้อง ป.ป.ช. ก็ต้องตรวจสอบตามหน้าที่แล้วพบว่ามีมูลจะนำไปสู่กระบวนการของศาลซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าโล่งใจเพราะต่อสู้กันมาหลายปี และจากการสอบพยานทางเรามีหลักฐานแน่นหนาไม่มีแววแววในเรื่องของการทำทุจริตและตนเองก็มั่นใจมาโดยตลอด

ด้านนายนพดล ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่าตั้งแต่ตนรับทำคดีนี้ก็มั่นใจในลูกความตนเองว่าไม่มีความผิดและเชื่อมั่นในความสุจริตเพราะดูจากพยานหลักฐานอีกทั้งพยานหลักฐานฝ่ายผู้กล่าวหาเองก็มีข้อบกพร่องเยอะ รวมถึงตนเองมีการรวบรวมหลักฐานจากทุกศาลมาต่อสู้จึงมีความเชื่อมั่นตั้งแต่แรกแต่ครั้งนี้ก็ได้รับความเมตตาจากศาล

ด้านนายสุรนันทน์ ได้ขอบคุณตุลาการศาลฎีกา ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ผิด ที่ให้ความเป็นธรรมเพราะ การไต่สวนนั้นค่อนข้างละเอียดพิจารณาทุกแง่มุมถี่ถ้วนทำให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทยและขอขอบคุณทุกกำลังใจ จากทุกคนทั้งที่รู้จักตนและไม่รู้จักตนมาโดยตลอดที่ผ่านมา ส่วนเมื่อถามว่า ถือเป็นการยกภูเขาออกจากอกหรือไม่หลังฟังคำพิพากษา ระบุว่ายอมรับเพราะคดีที่ผ่านมาไม่เข้าใครออกใคร และต้องเผชิญกับกระบวนการต่าง ๆ ตลอดเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าสบายใจและเราปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในขณะนั้น และถือเป็นการยืนยันความถูกต้อง เพราะที่ผ่านมามีการแถลงข่าวมากมายและกระแสข่าวต่างๆ แต่ตนไม่เคยมีการตอบโต้กลับ รอเพียงแค่ศาลตัดสินเท่านั้นและวันนี้ก็ถือเป็นที่ประจักษ์แล้ว

ด้านนายธนพร ศรียากูล รอง รศ.ดร. ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ตนเข้าไปร่วมฟัง มองว่าทิศทางการเมืองหลังจากนี้ เมื่ออำนาจของฝ่ายตุลาการหมดไป ก็จะเป็นเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แม้ว่าจะไม่สามารถใช้อำนาจโดยตรงกับนางสาวยิ่งลักษณ์ได้แต่ก็ถือเป็นประโยชน์ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นระเบียบเรื่องของ การพักโทษหรือข้อยกเว้นต่าง ๆ ทั้งเรื่องการรักษาตัว หรือระเบียบกำหนดพื้นที่อื่นเป็นที่คุมขัง ตนเองเชื่อว่าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์นำมาพิจารณาว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วในการกลับประเทศไทยและเชื่อว่าเป็นการนับหนึ่งของกลุ่มคนยิ่งลักษณ์ที่จะได้พบตัวจริงอีกครั้ง

และตอนนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีหมายจับคดีอาญาแล้ว เพราะถูกยกฟ้องไปแล้ว 2 คดี มีเพียงโทษจำคุกเพียง 5 ปี จากคดีจำนำข้าว ซึ่งถือว่าน้องกว่าพี่ชาย และตนเชื่อว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องมีการวางแผนกันแล้ว

ตนยังเชื่ออีกว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ จะใช้โมเดลเดียวกับพี่ชายกลับสู่ประเทศไทย แต่อย่างแรก นางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องแสดงเจตจำนงขอกลับมารับโทษที่ประเทศไทยก่อน และจะขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนหลังจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตนมองว่าหลังจากนี้นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถกลับไทยได้ โดยอยากจะเลือกกลับสนามบินใดของประเทศไทยก็ทำได้ เพราะเป็นจังหวะดีที่สุด เนื่องจากรัฐบาลมีเสถียรภาพทางการเมือง ไม่มีการเปลี่ยนตัวนายกและยังไม่มีการปรับครม.ในเร็ว ๆ นี้ อีกทั้งยังมองว่าปีนี้เป็นปีมหามงคลเชื่อว่าเป็นจังหวะดีที่จะกลับสู่ประเทศไทย


คุณอาจสนใจ

Related News