สังคม

ถึงไทยแล้ว! รบ.อัญเชิญสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ-พระอรหันตธาตุสาวก จากอินเดียประดิษฐานที่ไทย

โดย nattachat_c

23 ก.พ. 2567

184 views

รัฐบาลไทย จัดพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เปิดให้ศาสนิกชนทั่วโลกได้กราบสักการะ เสริมสิริมงคล


วานนี้ (22 ก.พ.) เวลา 15.00 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมพิธี ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร


 โดยในเวลา 14.00 น. อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายอินเดีย พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม อัญเชิญเข้าสู่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย


จากนั้น เวลา 15.00 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนฝ่ายอินเดีย ร่วมกล่าวถึงพิธีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ และลงนาม Mou ร่วมกัน


 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า รัฐบาลไทยและสาธารณรัฐอินเดีย โดยกระทรวงวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ สถาบันโพธิคยา 980 สถานทูตอินเดียประจำประเทศไทย ร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานเมืองสาญจี มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอินเดีย และส่งเสริมการนำหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ศาสนิกชนได้สักการบูชา นับเป็นมหามงคลอันยิ่งใหญ่และสูงสุดต่อชีวิต


ซึ่งการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ในครั้งนี้ มีหัวหน้าคณะผู้แทนของอินเดียเป็นผู้อัญเชิญ เดินทางถึงสนามบินทหาร ดอนเมือง กองบิน 6 โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้แทนรัฐบาล พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ  ภาคเอกชน  สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ร่วมรับการอัญเชิญ และมีการรับมอบพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ พระสารีบุตร พระโมคัลลานะ มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย โดยมีหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทราบว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุ คือ ผอบที่พบมีข้อความจารึกด้วยอักษรพราหมี (Brahmi) แปลได้ว่า“ที่บรรจุพระสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของสากยราชสุกิติ กับพระภาตา พร้อมทั้งพระภิคินี พระโอรสและพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวาย”


พระบรมสารีริกธาตุนี้ นับเป็นองค์ดั้งเดิม ที่ค้นพบที่สถูปโบราณ ปิปราวาห์ เมืองกบิลพัสดุ์ ในสมัยพุทธกาล ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นิวเดลี ส่วนพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะนั้น อัญเชิญมาจากเมืองสาญจี รัฐมัธยประเทศ ประเทศอินเดีย ซึ่งห่างจากนิวเดลี 731 กิโลเมตร


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การอัญเชิญมาครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในรอบ 2,567 ปี ที่พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาววกทั้งสององค์เสด็จมาพร้อมกันในครั้งนี้ โดยจะมีการบรรจุอยู่ในผอบทรงเจดีย์ลวดลายแบบไทยประเพณีสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่สร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร และยังได้จัดสร้างมณฑปสถาปัตยกรรมไทยประเพณี ประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ออกแบบโดยสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. มีพิธีรับการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ จากอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง โดยมีสมเด็จพระธีรญาณมุนี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นอัญเชิญมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ


 และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ได้รับพระเมตตาอย่างสูงยิ่งที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมตตาเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธี และมีพิธีอัญเชิญประดิษฐาน โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นผู้อัญเชิญพระอรหันตธาตุของพระพระโมคคัลลานะ พร้อมด้วยผู้แทนฝ่ายอินเดีย ได้จัดริ้วขบวนอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา


โดยจัดเป็นขบวนโคม ขบวนการแสดง 4 ภาค การแสดงกลุ่มชาติพันธุ์ การแสดงจากอินเดีย ขบวนธงชาติไทย ธงชาติอินเดีย ธงธรรมจักร และธงฉัพพรรณรังสี ขบวนโคมประทีปและโคมดอกบัว ขบวนรถมาฆบูชาประดิษฐานพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ รถบุปผชาติประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ขบวนเฉลิมพระเกียรติ และขบวนจิตอาสา เป็นต้น


 หลังจากนั้นเปิดให้ประชาชนเข้าสักการบูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 – 20.00 น. ในส่วนภูมิภาค อัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาคใน 3 จังหวัด ให้ประชาชนได้เข้าสักการบูชา ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5 - 8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่


- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี

- และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 - 18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่


โดยในทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จะจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์เสริมสิริมงคลให้กับศาสนิกชนที่เข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยแต่ละพื้นที่จะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตามอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่


นายราเชนทร์ วิศวนาถ อัรเลกัร ผู้ว่าการรัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย ผู้แทนฝ่ายอินเดีย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลไทยมีคำขอต่อรัฐบาลอินเดีย ในการขออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกสองพระองค์ คือพระสารีบุตรและมหาโมคัลลานะ ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึง 19 มีนาคม 2567 โดยพระธาตุศักดิ์สิทธิ์จะเสด็จมายังประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว


ในโอกาสอันน่ายินดีที่สุดนี้ ในนามของประชาชน รัฐบาลอินเดีย ขอแสดงความนับถือและความปรารถนาดีอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระชนม์ชีพที่ยืนยาว ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และทรงพระเกษมสำราญ ซึ่งการมาเยือนขององค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ ไม่บ่อยนักที่จะนำออกนอกประเทศ รัฐบาลอินเดียนำโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทระ โมที ได้ตกลงที่จะส่งพระบรมสารีริกธาตุมายังประเทศไทย


โดยคำนึงถึงความสำคัญสูงสุดในการเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความสัมพันธ์อันใกล้ชิดดั่งญาติมิตรของระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในประเทศได้กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในการมีส่วนร่วมในทางธุรกิจ การเมือง การศึกษา และวัฒนธรรม Soft power ของประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าจะเป็นจุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ทวิภาคีอินเดีย-ไทย



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/oMV2Kvg1fxI

คุณอาจสนใจ

Related News