เลือกตั้งและการเมือง

'ชัยธวัช' บอกสังคมอดสงสัยไม่ได้ 'ทักษิณ' ป่วยจริงหรือไม่ 'โรม' มองทำลายกระบวนการยุติธรรม เพิ่มความเหลื่อมล้ำ

โดย passamon_a

19 ก.พ. 2567

70 views

ชัยธวัช บอกสังคมอดสงสัยไม่ได้ ป่วยจริงหรือไม่ ทักษิณ พักโทษปุ๊บ ออกจาก รพ.ทันที ชี้อาจเรียกนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชนได้ ย้ำจุดยืน ก้าวไกล ต้องอำนวยความยุติธรรมเท่ากันทุกคน มองเป็นสิทธิ อนุทิน-นักการเมือง เตรียมตัวเข้ากราบ บอกไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ระวังให้อยู่ในกรอบการพักโทษ โต้ ภูมิธรรม ถ้าไม่เกิดนายกฯ 2 คนก็ดี ย้ำเป็นธรรมดาที่สังคมคิด


โรม สงสัย ทักษิณ ป่วยหนัก แต่ออก รพ. แค่ใส่เฝือก-ดามคอ จับตาหลังจากนี้ฟื้นตัวเร็วไหม ชี้ถ้าแบบนี้ทำได้ ต่อไปมีคนขอรักษาตัวข้างนอก ไม่ต้องติดคุกเพิ่ม มองทำลายกระบวนการยุติธรรม เพิ่มความเหลื่อมล้ำ เตรียมขุดข้อมูลหน่วยงานใดบ้างมีเอี่ยวช่วยเหลือ



เมื่อวันที่ 18 ก.พ.67 ที่ศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล เขตบางแค นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษและกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าในวันนี้ ว่า เราอยากจะสื่อสารแม้ว่าหลายคนจะเห็นว่า นายทักษิณ ในฐานะอดีตผู้นำทางการเมือง ถูกรัฐประหาร และมีการดำเนินคดีตามมาหลังจากนั้น และะมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นสมควรได้รับความยุติธรรม


แต่เราอยากจะบอกว่า แน่นอนใครก็ตามที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐประหารหรือถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ควรจะได้รับความยุติธรรม แต่เราไม่ควรใช้วิธีการที่ไปตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมที่สองมาตรฐาน การปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน เราอาจจะเรียกว่าเป็นระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน เพราะสุดท้ายก็ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ คนที่ควรจะได้รับการอำนวยความยุติธรรม ควรจะมีแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือควรจะเป็นคนทุกกลุ่ม ตนคิดว่าเป็นหลักการสำคัญที่พรรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ


เมื่อถามว่าวันนี้ที่นายทักษิณ กลับบ้านได้ แสดงว่า 180 วันที่ผ่านมา ตั้งข้อสงสัยได้หรือไม่ว่าไม่ป่วยจริง นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัยแน่นอน ที่ผ่านมาในทักษิณอ้างว่า มีเหตุเรื่องสุขภาพ ต้องอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ แตกต่างจากผู้ต้องขังคนอื่น ขณะเดียวกันที่ผ่านมาก็มีการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งกระทบต่อผลประโยชน์สาธารณะ ความโปร่งใส ดังนั้นเรื่องนี้ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที เป็นการตอกย้ำการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน เราคิดว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น สังคมคาดหวังว่า เมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ จะทำให้สังคมเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบประชาธิปไตยที่ดีมากขึ้น มีการอำนวยความยุติธรรมให้กับคนมากขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ตอกย้ำปัญหาเดิม ๆ ให้หนักหน่วงมากขึ้น


เมื่อถามว่าประเมินคนที่มีความเห็นต่างจะทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็ไปเพิ่มความไม่พอใจ ความคับข้องใจ แทนที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง ซึ่งตอนคิดว่าวิธีการที่ดีที่สุด คือการอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคนแบบเสมอภาค


ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาล เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมเข้าไปกราบนายทักษิณนั้น มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายชัยธวัช ระบุว่า คนที่เคารพนับถือ รู้จักชอบพอนายทักษิณก็คงจะมีสิทธิ์ไปเข้าพบ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ซึ่งการพักโทษนั้น ต้องระมัดระวัง ต้องอยู่ในกรอบที่สังคมรับได้ ส่วนจะกระทบกับการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูในอนาคต


เมื่อถามว่า หากนายทักษิณออกมาจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีอีกคนหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนเคยเตือนว่าถ้ารัฐบาลนี้บริหารจัดการไม่ดี แล้วเกิดสภาวะเสมือนนายกรัฐมนตรีมากกว่าหนึ่งคน เพราะมีหลายคนบอกว่าอาจจะมากกว่าสองคน ก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวนายกรัฐมนตรีเอง และอาจทำให้สถานการณ์ตรงนี้เพิ่มความกดดันให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้


เมื่อถามถึง กรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การคิดว่านายกรัฐมนตรี 2 คนเป็นการคิดมากเกินไปนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า หากไม่เกิดขึ้นก็ดี ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมคิดไปได้


เมื่อถามว่า การออกมาของนายทักษิณจะทำให้คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกล ลดลงหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงเป็นคนละเรื่องกัน ความนิยมของพรรคก้าวไกล คงขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคเอง ว่าจะสามารถทำงานอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่


เมื่อถามว่า ต่อจากนี้จะต้องจับตาอะไรบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หลายส่วนคงอยากทราบความชัดเจน ความโปร่งใสในการพิจารณาเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของนายทักษิณ ซึ่งสืบเนื่องเนื่องมาจากเรื่องของสิทธิในการที่จะได้รับการรักษาตัว มาจนถึงเรื่องการพักโทษ ที่ว่าทำไมนายทักษิณจึงได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ แล้วการปฏิบัติหลังจากนี้จะเสมอภาคเท่าเทียมกันหรือไม่ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ที่จะต้องสร้างความกระจ่างให้ดี


เมื่อถามว่า มองทิศทางการเมืองหลังจากนี้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลขณะนี้คือสังคมยังเฝ้ารอว่า มีรัฐบาลใหม่มาแล้วจะมีการผลักดันนโยบายสำคัญ ๆ สำเร็จหรือไม่ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่อย่างไรไม่ว่าจะในทางการเมือง ในทางกระบวนการยุติธรรม ในทางเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่นายเศรษฐาและรัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่านายทักษิณจะได้รับการลงโทษออกมาหรือไม่ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญจริง ๆ


เมื่อถามว่า ทางพรรคก้าวไกล จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องของนายทักษิณเลยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า คงยังเร็วไปที่จะมีการตั้งคณะกรรมการอะไร แต่ตนคิดว่าพรรคฝ่ายค้านคงจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ ที่ยังมีอีกหลายกลไกที่จะสามารถตรวจสอบได้ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการอะไร


ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี ภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากโรงพยาบาล ว่า สังคมรับรู้มาโดยตลอด ผ่านการชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ และรัฐบาล ว่านายทักษิณป่วยมาก ซึ่งเป็นระดับที่เรือนจำ หรือโรงพยาบาลในเรือนจำไม่สามารถให้การดูแลได้ เลยต้องไปใช้โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนต้องบอกว่า ปัญหาที่ไปรักษาตัวข้างนอก กับการใช้โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ถ้าใครติดตามปัญหานักโทษคนอื่น ๆ จะพบว่ามีน้อยมาก ที่จะได้รับการรักษาตัวข้างนอก คนสุดท้ายที่เรานึกถึงก็จะเป็นอากง ที่สุดท้ายต้องเสียชีวิต ต้องบอกว่ามีอาการร้ายแรงในเรือนจำ และไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับนายทักษิณ ถ้าเรามองในกรณีนี้


"สุดท้ายการที่คุณทักษิณมีภาพแค่เพียงใส่เฝือก มีภาพแค่เพียงเหมือนกับคอซ้น ภาพเหล่านี้ที่ออกมา มันทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ของการรักษาตัวของนายทักษิณ ซึ่งความสงสัยแบบนี้ มันทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือ ของเรือนจำ ของกระบวนการยุติธรรม"


นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ถ้านายทักษิณสามารถทำแบบนี้ได้ ต่อไปก็จะมีคนขอในลักษณะแบบนี้ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่นาทีเดียวเพื่อที่จะไปอยู่ข้างนอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการไปอยู่ข้างนอกจะมีการปฏิบัติอย่างใด อย่าง หนึ่ง เพิ่มเติมอีกหรือไม่ หลายคนไม่ได้ตั้งข้อสังเกตแค่การใส่เฝือก หรือดามคอเท่านั้น หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า มีการดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี แม้กระทั่งการตัดผม ทำให้คนในสังคมเกิดความรู้สึกว่า การที่นายทักษิณไปรักษาตัว เอาเข้าจริงกลายเป็นสิทธิพิเศษ สิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้กัน กระบวนการยุติธรรมก็ถูกทำลายลง


ตนเข้าใจว่าในอดีตมีแง่มุมหลายอย่าง ที่นายทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกระบวนการยุติธรรม แต่การใช้วิธีการเพื่อสร้างอภิสิทธิ์บางอย่างให้กับตัวเอง มันไม่ใช่การพิสูจน์ และยิ่งทำลายกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งทำให้วันข้างหน้า สังคมอาจจะตั้งคำถามได้ว่า ตกลงประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีกี่คน ซึ่งคงต้องดูต่อไป ว่าหลังจากกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว อาจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น จนสามารถทำหน้าที่บทบาททางการเมืองได้หรือไม่


เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลมีแนวทางที่จะให้ความแตกต่าง และติดตามเรื่องนี้อย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า โดยจุดยืนส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยกับการบังคับตัดผม แต่ทุกคนควรได้รับความเป็นธรรมเสมอกัน วันนี้เราก็ไม่ได้เห็นข้อมูลเรือนจำว่า มีนักโทษได้สิทธิ์เหมือนนายทักษิณอย่างไร ทำให้เกิดความกังวลว่าสุดท้ายระเบียบเรือนจำ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ตนเข้าไปในเรือนจำก็เคยเห็น และพรรคก้าวไกลก็เดินหน้าในการตรวจสอบ แต่ก็ยอมรับว่าการแสวงหาข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็จะพยายามให้ได้มากที่สุด ให้ได้ข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ ตนคิดว่าต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับคนอื่น ที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/1-PrzdJtAyU

คุณอาจสนใจ

Related News