กกต. รับทราบกระบวนการพิจารณายื่นร้องยุบ “ก้าวไกล” ผลพวงคดีล้มล้างการปกครองแล้ว

กกต. รับทราบกระบวนการพิจารณายื่นร้องยุบ “ก้าวไกล” ผลพวงคดีล้มล้างการปกครองแล้ว “ประธาน กกต.” เผยศึกษาคำวินิจฉัยเพื่อความรอบคอบ-เป็นธรรม ยันไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายฝ่ายใด



นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำร้องยื่นยุบพรรคก้าวไกล ที่สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง ว่า ทำหน้าที่ไปตามกฏหมาย ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด แต่ก็ยอมรับว่าห้ามความคิดของบุคคล หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของการยื่นยุบพรรคการเมือง ที่อยู่ตรงข้ามผู้มีอำนาจ และชีว่าคดียุบพรรคขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงปรากฏโดยไม่ได้ดูชื่อพรรคว่าเป็นพรรคการเมืองใด หากข้อเท็จจริงปรากฏต่อการกระทำของพรรคการเมืองพรรคใดและกระบวนการมาถึงอำนาจอำนาจหน้าที่ของ กกต. ตามหน้าที่ และที่ผ่านมาพยามทำตามกฏหมายโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงานโดยแท้



ส่วนคดียุบพรรคก้าวไกลหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองจากการเสนอประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ทราบโดยปรากฏทั่วไป จากคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคม จากนั้นวันที่หนึ่งและวันที่ 2 กุมภาพันธ์มีผู้มายื่นร้องต่อ กกต. โดยเร็ววันที่ 6 กุมภาพันธ์สำนักงาน กกต. เสนอเรื่องตามกระบวนการให้กรรมการรับทราบ



“กกต.ขอให้สำนักงานและนายทะเบียนซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสำนักงานและตัวบุคคลคือนายทะเบียนไปศึกษาคำวินิจฉัยของศาลเท่าที่มีอยู่ในวันที่มีคำวินิจฉัยและศึกษาว่าตาม พ.ร.ป. พรรคการเมืองต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในนั้นและวันที่ 13 กุมภาพันธ์หรือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเสนอเรื่องมาแล้วว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาแต่เพื่อความรอบคอบและเพื่อความเป็นธรรมความชัดเจนจะให้ศึกษาคำวินิจฉัยกลางซึ่งตามแนวทางทำงานทราบมาว่าศาลรัฐธรรมนูญจะออกคำให้ใช้ภายในสองสัปดาห์หรือ 15 วันหรืออาจจะเป็นภายในสัปดาห์นี้เมื่อมีข้อมูลครบถ้วนก็ถึงเวลาวินิจฉัยก็ต้องวินิจฉัยตามนั้น” นายอิทธิพรกล่าว



ประธาน กกต. ไม่ยืนยันกรอบเวลาดำเนินการ แต่จะดำเนินการโดยไม่ได้ชักช้า ยังชี้ว่าขึ้นอยู่กับกระบวนการศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและเอกสารประกอบคำวินิจฉัยและพิจารณาว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่กำหนดไม่ชัดในมาตรา 92 และมาตรา 93



ซึ่งกระบวนการดำเนินการเป็นไปได้ที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายที่นายทะเบียนตั้งที่อาจจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ซึ่งได้ดำเนินการคู่ขนานกันไประหว่างสำนักงานเสนอความเห็นว่าเรื่องนี้มีหลักฐานอันควรเชื่อว่า และนายทะเบียนก็ต้องดูว่าเรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างไรหรือไม่