เลือกตั้งและการเมือง

'จุลพันธ์' ชี้ ป.ป.ช.ให้ความเห็นแจกเงินดิจิทัลเกินหน้าที่ ยันเดินหน้าต่อ - 'ศิริกัญญา' ลั่นรัฐบาลใจจดจ่ออยู่เรื่องเดียว ทำโครงการอื่นล่าช้า

โดย weerawit_c

10 ก.พ. 2567

33 views

วานนี้ (9 ก.พ.67)  นายกรัฐมนตรีเดินทางไปติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองลำสนธิ พร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่ชัยบาดาล ที่วัดสิงหาราม จังหวัดลพบุรี  โดยนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ รวมถึงมีประชาชนมาผูกผ้าขาวม้าให้นายกฯ ด้วย


ส่วนการลงพื้นที่ในครั้งนี้มีประชาชนมาเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี  แต่ไม่ต้องเร่งเพราะตนเร่งอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่จะมีขึ้นวันที่ 15 ก.พ.นี้ โดยหลังจากนั้นจะสามารถตอบคำถามได้หมด


ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ายังไม่ได้รับเอกสารรายงานความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเรื่องโครงการ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้รับทราบในรายละเอียดแล้ว ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ แม้จะเป็นการให้ความเห็น ตามหน้าที่ตามกฎหมาย มาตรา 32 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่กฎหมายกำหนดให้แค่การให้ความเห็นเพื่อป้องกันการทุจริต


แต่ความเห็นดังกล่าวเป็นเหมือนการท้วงติงที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. แต่อย่างไรก็ตามหากเอกสาร ฉบับทางการมาถึง รัฐบาลก็จะนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งบางประเด็นตอบได้ง่าย อาจเป็นเพราะ ความไม่เข้าใจ หรือได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนของ ป.ป.ช. ทั้งแหล่งที่มาของเงิน เปลี่ยนจากงบประมาณเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน และการใช้ระบบบล็อคเชนในการดำเนินโครงการ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถชี้แจงได้


โดยในการประชุมจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันการทุจริต อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นในสังคม และรับฟังความเห็นเพิ่มเติม และคณะอนุกรรมการดูแลด้านการเงิน และระบบต่างๆ


ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ยังยืนยันว่ากลุ่มเป้าหมายของโครงการจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังคงเป็นกลุ่มเดิม ดูเหมือนจะนำเสนอว่าในความเห็นของป.ป.ช. ที่เสนอให้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน ต้องขอชี้แจงว่า ปัจจุบันได้เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว และ กลไกของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่สามารถแก้ไขปัญหาและกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ เป็นเพียงแค่การหยอดน้ำข้าวต้ม แต่จำเป็นต้องมีกลไก ในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งนี้ออกมา


พร้อมย้ำว่าแนวคิดในการทำนโยบาย เป็นของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประชาชน ในขณะที่บางหน่วยงานไม่จำเป็นต้องตอบรับต่อเสียงสะท้อนของประชาชน หากเศรษฐกิจดำดิ่งยิ่งกว่าในปัจจุบันคนที่รับผิดชอบคือรัฐบาล จึงต้องแสดงความชัดเจน รัฐบาลมีหน้าที่ในการเดินหน้านโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา และบรรจุเป็นนโยบายแห่งรัฐ โดยเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ยังไม่ขอยืนยันว่าจะเริ่มแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ได้เมื่อไหร่ พอกันไปกับเกณฑ์แล้วทำไม่ได้จะไม่เป็นผลดี แต่ขอยืนยันว่าเดินหน้าโครงการแน่นอน


ส่วนที่ ปปช. ขอให้ กกต. ตรวจสอบการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล อาจไม่ตรงกับแนวนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ในช่วงของการหาเสียงเลือกตั้งเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า ไม่รู้จะกังวลในเรื่องนี้เพราะรัฐบาลที่แล้วแทบจะไม่มีการทำตามนโยบายเลย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เคยท้วงติงในเรื่องนี้ ในส่วนรัฐบาลปัจจุบันอย่างน้อยก็ได้ทำตามนโยบายที่ได้บอกไว้แม้รูปแบบจะเปลี่ยนบ้าง และในนโยบาย ที่พรรคการเมืองนำส่ง กกต. จะมีการระบุไว้ว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เศรษฐกิจและสังคม เพราะเมื่อความเหมาะสมเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวไม่ใช่นโยบายของพรรคการเมือง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลซึ่งประกอบขึ้นจากพรรคการเมืองหลายพรรค จะยึดนโยบายของพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ได้ จำเป็นต้องนำมาผสมผสานเพื่อให้เกิด ความลงตัวและเดินหน้าได้


ส่วนที่มีนักร้องเตรียมจะยื่นเรื่อง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หากรัฐบาลเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยนักร้องเยอะอยู่แล้ว เชื่อว่าอย่างไรก็มีคนหยิบยกเรื่องนี้ ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ ต่อประชาชนและต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลก็จะเดินหน้าขอย้ำว่าโครงการดังกล่าวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่การสงเคราะห์


ส่วนทางด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง เดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ให้ความเห็นว่า ขณะนี้ไม่มีใครไม่เห็นด้วยว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่จะเข้าขั้นวิกฤติหรือไม่ต้องมีการพูดคุย และที่แน่ๆยังไม่มีมาตรการต่างๆ มากระตุ้น เพราะรัฐบาลใจจดใจจ่อกับดิจิทัลวอลเล็ตเพียงอย่างเดียว ทำให้โครงการอื่นล่าช้าออกไป ส่งผลต่อการฟื้นคืนเศรษฐกิจ


ส่วนประเทศขณะนี้ “วิกฤต” หรือไม่นั้น นางสาวศิริกัญญา บอกว่า ในคณะกรรมการที่ประกอบด้วยสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ , กระทรวงการคลัง , ธนาคารแห่งประเทศไทย , คณะกรรมการกฤษฎีกา ควรสามารถตกลงนิยามคำว่า “วิกฤต“ ได้แล้วว่า สามารถออก พ.ร.บ.กู้เงินให้กระทรวงการคลัง ตามเงื่อนไขของคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือไม่


น.ส ศิริกัญญา ยังบอกว่า ได้เตือนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้นหากเดินลุยไฟออกเป็นพระราชบัญญัติกู้เงินก็สุ่มเสี่ยง


ยืนยัน ไว้ใจพรรคก้าวไกลได้ว่า จะไม่ร้ององค์กรอิสระอย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้องค์กรอิสระเข้ามาแทรกแซง แต่ต้องการให้สภาเป็นผู้ตัดสินใจมากกว่า โดยจะอภิปรายเพื่อให้ประชาชนรับทราบ และหากเสียงข้างมากลงมติให้ผ่านความเห็นชอบ ก็ห้ามไม่ได้ ซึ่งอาจเป็นสารตั้งต้น ให้มีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป


https://youtu.be/lGBixqj3Qok

คุณอาจสนใจ

Related News