สังคม

สาววัย 24 มีอาการปวดคอ และกกหู จึงไปหาแพทย์ที่รพ.แห่งหนึ่ง หลังจากที่กินยาตามแพทย์สั่ง ปรากฏว่าใบหน้าเสียโฉม

โดย gamonthip_s

5 ก.พ. 2567

232 views

วันที่ 5 ก.พ.67 ผู้เสียหายคือนางสาวสุภารัตน์ อายุ 24 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ตนมีอาการปวดที่คอใกล้ ๆ กกหู และเหมือนมีก้อนแข็งเป็นไตขึ้นมา และปวดมาก ต่อมาวันที่ 30 พ.ย.66 ได้มาทำการตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (ตามสิทธิประกันสังคม) ก่อนพบแพทย์ได้มีการเจาะเลือด และX-ray หลังจากทำการตรวจแพทย์วินิจฉัยว่าก้อนที่บวมขึ้นมา เกิดจาก "ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ" จึงได้ทำการจ่ายยามาให้ทานจำนวน 2 ตัวคือใดคล็อกซาชิลลิน 500 มิลลิกรัมและพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม และได้ออกใบนัดให้มาตรวจอาการเพิ่มเติมอีกที วันที่ 3 ธันวาคม66


วันที่ 1-2 ธันวาคม66 ไปทำงานได้มีอาการไม่สบายเล็กน้อย ไข้ขึ้น หนาวสั่น กินยาอาการก็ดีขึ้น ส่วนยารักษาต่อมน้ำเหลืองอักเสบก็ทานยา วันที่ 3 ธันวาคม 2566 (วันหมอนัด) เช้าเวลา 09.00 น. ได้มีผื่นคันขึ้นตามตัว หน้าอก แขน ริมฝีปาก จึงรีบไปโรงพยาบาลตามใบนัดหมอ 10.15 น. ถึงโรงพยาบาลยื่นเอกสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ให้ทำการเจาะเลือดก่อนพบหมอ ใช้เวลา 2 ชม. ผลเลือดถึงจะออก และทำการเข้าพบหมอระหว่างรอพบหมอ ผื่นตามตัวเริ่มขึ้นเยอะ และคันมากขึ้น ริมฝีปากมีตุ่มน้ำใสผุพองขึ้นมา ภายในปากมีแผลหลายจุดเวลากลืนอาหารหรือดื่มน้ำจะเจ็บมาก ในลูกตาเริ่มแดง และแพทย์ตรวจเพิ่มเติม และวินิจฉัยว่าอาจจะติดเชื้อไวรัสอ่อน ๆ ไม่ปักใจเชื่อว่าผื่น และอาการเบื้องต้นเกิดขึ้นจากอาการแพ้ยา เพราะยาตัวที่หมอจ่ายให้ไปทานคนไข้เคยมีประวัติทานยาตัวนี้แล้ว หมอเลยตัดหัวข้อแพ้ยาอกไป และทำการจ่ายยาแก้คัน แก้แพ้ เพิ่มมาให้ และจ่ายยาตัวเดิมมาให้กินต่อเนื่องอีก 7 วัน และออกใบนัดให้มาดูอาการอีกทีวันที่ 8 ธันวาคม 2566 หลังจากกลับจากโรงพยาบาลได้กินข้าว และกินยาไป 2 ครั้ง ช่วงบ่ายโมง และเย็น และนอนหลับพักผ่อน ผ่านไปจนถึงช่วงเวลา 20.00 น. ตื่นขึ้นมามีผื่นตามตัว และปากจึงไปหาแพทย์อีกรอบ ซึ่งแพทย์ห้องฉุกเฉินแจ้งว่าแพ้ยาขั้นรุนแรง และสั่งแอดมิทภายในคืนนั้นเลย และอยู่ห้องคนไข้รวม


ต่อมา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ใบหน้า ตามร่างกาย และภายในช่องปาก เริ่มผุพองเป็นตุ่มน้ำใส ๆ ภายในปากเป็นแผลเจ็บไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ จนถึงขณะนี้อาการยังไม่ทุเลา ตนเองจึงอยากให้แพทย์ และทางโรงพยาบาลที่รักษาแสดงความรับผิดชอบ


ซึ่งทำให้ใบหน้าตนเองเสียโฉม รวมทั้งตามร่างกายยังมีอาการเจ็บปวด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ทางผู้บริหารโรงพยาบาลนิ่งเฉย ทำให้ตนเองเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงร้องเรียนกับสื่อมวลชน

คุณอาจสนใจ