เจ้าของฟาร์มร้องวัวตายเกือบยกฝูง ไม่ทราบสาเหตุ หวั่นเป็นโรคระบาด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.พ.67 นายสัตวแพทย์ ภิเษก โรจนวิภาต หัวหน้ากลุ่มสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จังหวัด แพร่ นายอนุชา ใจเสน ปศุสัตว์อำเภอเมืองแพร่ร่วมกับนายสัตวแพทย์ ดร.ภวุฒิ เนื่องพืช นายสัตวแพทย์ ศวพ.ลำปาง และทีมงาน ลงพื้นที่ฟาร์มโคขุนวิทยา ม.3 ต.วังธง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ หลังพบว่ามีโคขุนล้มตายจำนวน 11 ตัว โดยไม่รู้สาเหตุ จึงได้มาทำการตรวจสอบ นำชิ้นเนื้อ และเลือดส่งตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้

ภายในฟาร์มพบโคขุนพันธุ์ แองกัส ชาโลเล่ย์ และอเมริกันบราห์มัน จำนวน 11 ตัว ล้มตาย ลักษณะท้องป่อง จึงทำการตรวจสอบพบว่าทั้ง 11 ตัว อาการเดียวกัน จึงได้ทำการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าโดยฟาร์มดังกล่าว เลี้ยงโคขุนจำนวน 87 ตัว มีการตายรอบแรก 5 ตัว วันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ยังสรุปไม่ได้ และล่าสุดรอบ 2 วันที่ 3 ก.พ.67 อีก 11 ตัว รวมทั้งสิ้น 16 ตัว ทางปศุสัตว์จึงได้เข้าตรวจสอบในวันนี้ดังกล่าว

ทางด้านนายวิทย อายุ 54 ปี เจ้าของ และผู้จัดการฟาร์ม เผยว่า ฟาร์มเราได้เข้าโครงการชุมชนสร้างไทยของธนาคารธกส. เพื่อรวบรวมส่งออก ตอนนั้นโครงการให้โคแต่ละตัวน้ำหนักอยู่ที่ 350-400 กิโลฯ เพื่อส่งออก แต่ปรากฏว่าช่วงหลังประสบปัญหาส่งออกไม่ได้ทั่วประเทศก็เลยต้องต้องทำตลาดในไทยก็คือทำสัญญาซื้อขายในไทยต้องทำโคให้น้ำหนัก 700-800 กิโลฯ จึงทำให้เพิ่มต้นทุนสูงขึ้น ถึงจะส่งผล ทำให้เกษตรกรขาดสภาพคล่องในการเลี้ยง วัวขาดสารอาหาร และอาหารที่กินไม่เพียงพออาจจะเป็นสาเหตุทำให้วัวตาย แต่ต้องรอดูผลจากทางสัตวแพทย์อีกทีว่ามันเกิดจากอะไร

ส่วนอาการวัวที่ตายก็คือท้องบวมแล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ต้องรอดูสัตวแพทย์อีกทีว่าเกิดจากอะไร ส่วนความเสียหายอยู่ประมาณ 7- 8 แสนบาท ที่เป็นปัญหาคือมันสะดุดตรงที่ความล่าช้าของเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เพราะว่ามันเป็นรัฐบาลอีกชุดหนึ่ง และรัฐบาลใหม่เข้ามาไม่รู้ว่ามันจะขัดตรงไหน เพราะเคยขอขยายโครงการออกไปแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงวอนให้หน่วยงานกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ แล้วก็ธนาคารธ.ก.ส. เข้ามาช่วยดูแลชาวบ้านที่ได้เงินสนับสนุนช้า แล้วก็ไม่ลงมาดูชาวบ้านเลยทั้งที่ผมมีเอกสารฝากผู้ใหญ่ที่ไปแล้ว และเรื่องวัวที่ตายจะได้นำไปฝังกลบต่อไป